ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพิ่งตื่นรู้ เร่งเอาผิด เพย์ออล Payall โทษฐานประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต หลังเปิดมานานหลายปี ร่อนหนังสือถึง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฏหมาย ด้านฟิล์มยอมรับผิดจากความผิดพลาด เดินหน้าแก้ปัญหาทางกฏหมาย เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป
20 กุมภาพันธ์ 2560 มีประกาศจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังได้ตรวจพบว่า บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด (บริษัท) ให้บริการแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือภายใต้ชื่อ PayAll โดยให้ผู้ใช้บริการสมัครเป็นสมาชิกในแอปพลิเคชัน และเติมเงินล่วงหน้าเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำ e-Money ดังกล่าวไปใช้ในการชำระค่าสินค้าหรือบริการจากร้านค้าต่าง ๆ ที่กำหนด ซึ่งมีลักษณะเป็นการให้บริการ e-Money
อันเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. 2544 ประกอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. 2551 (พ.ร.ฎ. e-Payment) และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ประกอบประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 (การประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งเป็นความผิดและมีโทษตามกฎหมาย ดังกล่าว
ธปท. ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ตาม พ.ร.ฎ. e-Payment และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามประกาศกระทรวงการคลังข้างต้น ให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับบริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จ ากัด และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 ธปท. ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในความผิดตามกฎหมายดังกล่าว
ธปท. ขอเรียนว่าการประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money เป็นธุรกิจที่มีการรับเงินล่วงหน้าจากประชาชนทั่วไปในวงกว้าง จึงต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อนเริ่มประกอบธุรกิจ กฎหมายจึงกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดและที่สำคัญมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการ เช่น
- ต้องมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วตามที่กำหนด และดำรงฐานะทางการเงินและสภาพคล่องเพื่อให้บริการ e-Money ได้อย่างต่อเนื่อง และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใช้บริการ
- ต้องมีการเก็บรักษาเงินของผู้ใช้บริการที่เติมเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างรัดกุม โดยต้องฝากไว้ที่สถาบันการเงิน และแยกบัญชีไว้ต่างหากจากเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้ดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจ
- ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การรักษาความลับของข้อมูลผู้ใช้บริการการคืนเงินให้ผู้ใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด และการแก้ไขข้อร้องเรียน เป็นต้น
ธปท. ขอแนะนำให้ประชาชน ร้านค้า และสถานประกอบการ เลือกใช้บริการ e-Money จากผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money ที่ได้รับอนุญาตจากทางการเท่านั้น รวมทั้งควรศึกษาเงื่อนไขของการใช้บริการและดำเนินการเพื่อรักษาสิทธิของตนเอง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจ ให้บริการ e-Money ที่ได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทางการได้จากรายชื่อที่แนบมาพร้อมนี้และเว็บไซต์ของ ธปท.
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน หมายเลขโทรศัพท์ 1213 หรือ E-mail: [email protected] ทั้งนี้ หากประชาชนพบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้แจ้ง ธปท. ทราบได้ตามช่องทางข้างต้น
ด้านฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัยพ์ ประธานบริษัท Payall ออกมายอมรับผิดจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เร่งประสานทนายความจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมขอโทษสมาชิกบริษัทที่เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น และยังยืนยันจะเดินหน้าการทำธุรกิจเพย์ออลต่อไป รายละเอียดตามคลิปวิดีโอ
I. รายชื่อผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money บัญชี ก (ใช้ซื้อสินค้า บริการ จากผู้ขายเพียงรายเดียว) มี 1 ราย ดังนี้
- บริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่นส์ จำกัด
II. รายชื่อผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money บัญชี ข (ใช้ซื้อสินค้า บริการ จากผู้ขายหลายรายภายใต้ระบบการจัดจำหน่ายเดียวกัน) มี 7 ราย ดังนี้
- บริษัท จีพีซีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด
- บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด
- บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด
- บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน)
III. รายชื่อผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money บัญชี ค (ใช้ซื้อสินค้า บริการ จากผู้ขายหลายราย โดยไม่จำกัดสถานที่) มี 22 ราย ดังนี้
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด
- บริษัท ทีทูพี จำกัด
- บริษัท ทูซีทูพีพลัส (ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท ไทยสมาร์ทคาร์ด จำกัด
- บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด
- บริษัท เพย์สบาย จำกัด
- บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
- บริษัท แรบบิท-ไลน์ เพย์ จำกัด
- บริษัท เอ็มโอแอล เพย์เมนท์ จำกัด
- บริษัท แอดวานซ์ เมจิคการ์ด จำกัด
- บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด
- บริษัท แอร์เพย์(ประเทศไทย) จำกัด
- บริษัท ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัด
- บริษัท เฮลโลเพย์ จำกัด
ทั้งนี้ “เงินอิเล็กทรอนิกส์”e-Money หมายถึงมูลค่าเงินที่บันทึกในชิพคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในบัตรพลาสติก หรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือเงินที่อยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นต้น โดยผู้ใช้บริการได้ชำระเงินล่วงหน้าแก่ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์และผู้ใช้บริการสามารถนำไปใช้ชำระค่าสินค้า ค่าบริการแทนการชำระด้วยเงินสดตามร้านค้าที่รับชำระ
บัญชี ก (ธุรกิจบริการที่ต้องแจ้งให้ธปท. ทราบก่อนให้บริการ) – เป็นการให้บริการe-Money ที่ใช้ซื้อสินค้าหรือรับ บริการเฉพาะอย่างตามรายการที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จากผู้ให้บริการเพียงรายเดียว นอกจากนี้ มีผู้ให้บริการที่ได้รับยกเว้น เช่น บัตร e-Money ที่ใช้ซื้ออาหารในศูนย์อาหารตามห้างสรรพสินค้า
บัญชี ข (ธุรกิจบริการที่ต้องขอขึ้นทะเบียนกับ ธปท. ก่อนให้บริการ) – เป็นการให้บริการe-Money ที่ใช้ซื้อสินค้าหรือ บริการจากผู้ให้บริการหลายราย ณ สถานที่ที่อยู่ภายใต้ระบบการจัดจำหน่ายและการให้บริการเดียวกัน ได้แก่
ธุรกิจ Franchise หรือตัวแทนการจัดจำหน่าย ซึ่งมีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายการค้าเดียวกัน เช่น ปั๊มน้ำมัน
ธุรกิจที่มีรูปแบบการให้บริการเดียวกัน เช่น ระบบขนส่งมวลชน
ธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดำเนินนโยบาย บริหารจัดการในลักษณะกลุ่มเดียวกัน เช่น กิจการในเครือ
ธุรกิจที่ประกอบกิจการอยู่ในบริเวณหรือพื้นที่การจัดจำหน่ายเดียวกัน เช่น ศูนย์การค้า
บัญชี ค (ธุรกิจบริการที่ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ก่อนให้บริการ) – เป็นการให้บริการ e-Money ที่ใช้ซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ให้บริการหลายราย โดยไม่จำกัดสถานที่และไม่อยู่ภายใต้ระบบการจัดจำหน่ายและการให้บริการเดียวกัน เช่น การนำไปใช้ชำระค่าสินค้า/ค่าบริการที่จำหน่ายผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ทางอินเทอร์เน็ต หรือตามร้านค้าที่รับชำระด้วย e-Moneyเป็นต้น
*กรณีการให้บริการ e-Money บัญชี ค ยังต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังอีกด้วย