เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต เตรียมจัดแสดงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย Secutech Thailand 2017 พร้อมชี้ตลาดเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยโลกในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าทะลุ 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ผลจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลก ประกอบกับความต้องการด้านความปลอดภัยที่สูงขึ้น
คาดตลาดไทยโตตามตลาดโลก ด้วยมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 3.5 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะควบคู่ความปลอดภัย เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐ
เวโรนิก้า เฉิน ผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสิเนส มีเดีย จำกัด กล่าวว่า เทนด์ของซีเคียวริตี้มีตลาดรวมมากกว่า 69.63 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ในปี 2021 คาดว่าจะเติบโตถึง 112.43 พันล้านบาท ขณะที่ประเทศไทยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดกว่า 3.7 พันล้านบาท โดยเชื่อว่าจะเติบโตขึ้นกว่า 12% ในแต่ละปี
ด้วยแรงขับเคลื่อนจากโครงการสมาร์ทซิติ้ การวางระบบรักษาความปลอดภัยรับการเพิ่มจำนวนขึ้นของเหล่านักท่องเที่ยว ขณะที่โครงสร้างของการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็น ทั้งในส่วนกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัยตามนโยบายของรัฐบาล ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดมูลเพิ่มให้กับตลาดได้อย่างแน่นอน
ขณะที่เทรนด์ของเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภันในอนาคต ยังอยู่ใน 4 ส่วนที่สำคัญ นั่นคือการในส่วนของกล้องวิดีโอปิดอัจฉริยะ ระบบคลาวด์ เทคโนโลยีการเข้าออกประตู และการเชื่อมต่อระบบเข้ากับการวิเคราะห์อัจฉริยะ โดยเชื่อว่าในอนาคตจะเริ่มมีการนำระบบวิเคราะห์ ผ่านระบบทั้งในส่วนของ AI ระบบการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า เพื่อให้เกิดการตัดสินใจและตอบสนองเหตุการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนั้นการนำระบบรักษาความปลอดภัย เข้าไปใช้ในธุรกิจต่างๆ ก็จะช่วยเพิ่มให้เกิดความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้นได้ อีกทั้งในส่วนของการนำเทคโนโลยีขั้นสูงเช่นการบันทึกภาพความละเอียด 4K เพื่อช่วยให้มีภาพที่คมชัดมากยิ่งขึ้นสำหรับการวิเคราะห์ภาพที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องสอดรับกับเทคโนโลยีการเข้ารหัสที่จะต้องใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บเพื่อลดขนาดไฟล์และส่งต่อผ่านเครือข่ายได้อย่างไม่ติดขัด
เทรนด์ของการรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ เริ่มเกิดขึ้นกับ IVS (Intelligent Video Surveillance) หรือระบบวิดีโอรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ โดยเป็นการทำงานควบคู่กันทั้งระบบซอฟท์แวร์และฮาร์ทแวร์ ขณะที่การทำงานสมาร์ทโฮม หรือ IoT (Internet of Things)ที่อุปกรณ์ต่างๆสามารถสื่อสารถึงกันได้ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของบุคคลในบ้านให้สะดวกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของโดรน และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อช่วยให้สามารถรับมือกับอุบัติภัยที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
โดยการจัดงานครั้งนี้ คาดว่าจะมีกลุ่มนักธุรกิจเข้าร่วมงานกว่า 8,000 ราย มีการแสดงโชว์ของบูทต่างๆกว่า 200 คูหาจากผู้ผลิตเทคโนโลยีกว่า 150 ราย โดยจะมีการแสดงทั้ง 6 กลุ่ม ทั้งความรักษาความปลอดภัย สมาร์ทโฮม IoT สมาร์ทซิตี้ และอุปกรณ์เพื่อการรับมือภัยธรรมชาติ
การจัดงานทังหมดจะมีการจัดงานพร้อมกันทั้ง 3 งาน (Secutech Thailand 2017, Thailand Lighting Fair 2017 และ Thailand Building Fair 2017) เพื่อความสะดวกของการเลือกใช้เทคโนโลยีแต่ละอย่างที่เอื้อให้เกิดการใช้งานอย่างแท้จริง และสามารถมองเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นของนักธุรกิจ ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจะมีทั้งในส่วนของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับระบบรักษาความปลอดภัยเมือง ระบบดูแลเมือง อุตสาหกรรม ผู้จัดจำหน่าย และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ไฮไลต์ของงานนอกจากจะมีเทคโนโลยีใหม่ด้านการรักษาความปลอดภัยของต่างประเทศแล้ว ยังจะมีในส่วนของเดโมระบบรักษาความปลอดภัยของบ้าน การขนส่ง ระบบการค้าปลีกอัฉริยะ ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และในส่วนของเมืองอัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดจะเชื่อมโยงระบบเพื่อเอื้อให้เกิดการทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์และเกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังมีในโซนของระบบวิดีโอรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ เพื่อแสดงความสามารถของการวิเคราะห์ภาพจากวิดีโอความละเอียดสูงจนนำไปสู่การตัดสินใจตอบสนองการกระทำที่ผิดปกติได้อย่างทันท่วงที และในมุมของสมาร์ทโฮม จะมีการแสดงผลตัวอย่างของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันเพื่อแสดงให้เห็นประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างที่ระบบควรจะเป็น
ทั้งนี้ประเทศไทยมีตลาดสมาร์ทโฮมขนาดใหญ่กว่า 36 ล้านเหรียญสหรัฐ และเชื่อว่าจะโตกว่า 259 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021 ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 63.9% โดยสมาร์ทโฮมแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ทั้งในส่วนของการทำงานแบบออโต้เมชั่น ส่วนของการรักษาความปลอดภัย การเชื่อมต่อเอนเตอร์เทนเม้นต์ต่างๆ และสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านเพื่อตอบโจทย์เช่นการดูแลผู้สูงอายุเป็นต้น
สุเมธ ศิริสันติสัมฤทธิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฮันวา เทควิน กล่าวว่า ฮันวา กรุ้ป มีกลุ่มสินค้าหลากหลายทั้งในส่วนของการพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับการบิน การพัฒนารถถังเพื่อการรบ การพัฒนาโรบอตและโดรน มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านกล้องวงจรปิดเพื่อระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีมูลค่าบริษัทเฉพาะในส่วนของซิเคียวริตี้ราว 680 ล้านเหรียญ และเป็นบริษัทแรกที่ผลิตกล้องวงจรปิดแบบซูมและแพนได้ด้วยความละเอียดสูง อีกทั้งยังมีการพัฒนาโดรนเพื่อส่งเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง
การผลิตกล้องวงจรปิดยังบริษัทเป็นผู้พัฒนาชิปเซ็ตที่ใช้งานในกล้องเองเพีงรายเดียว โดยใช้ชื่อสินค้าว่า Wisenet Samsung ที่แบ่งเป็นตลาดกลุ่มบน ซีรี่ย์ P Series ที่กล้องจะบันทึกภาพความละเอียด 4K และกลุ่ม X Series ซึ่งเป็นกลุ่มบนเช่นกัน จะบันทึกด้วยความละเอียดกล้องที่ 5 ล้าน หรือ 2 ล้านพิกเซล ขณะที่กลุ่ม Q Series จะตอบสนองการใช้งานระดับกลาง-ล่าง
โดยมีความละเอียดของภาพอยู่ที่ราว 2-4 ล้านพิกเซล นอกจากนั้นยังมีกลุ่ม HD+ ที่ตอบสนองกลุ่มที่ต้องการอัปเกรดระบบเดิมที่มีการเดินสายอยู่แล้วให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆได้อย่างลงตัว และยังมีในส่วนของการพัฒนาซอฟท์แวร์โซลูชั่น เพื่อใช้ในการวิเคราะห์หลังการได้ภาพจากกล้อง ในส่วนของ SSM เพื่อตอบสนองสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ฮันวา เทควิน ตั้งเป้าว่าจะต้องสร้างแบรนด์ให้เกิดการรู้จักมากยิ่งขึ้น และเพิ่มในส่วนของการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการรลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ซึ่งลูกค้าของเรามีในส่วนของร้านค้าปลีกเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นลูกค้าหลักกว่า 70% ซึ่งนับว่าเป็นแบรนด์อันดับ 3 ของโลกและเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของประเทศไทย
ในอนาคต ฮันวา เทควิน ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสินค้าใหม่ในกลุ่มของ Access Control เช่นระบบการใช้มือถือเข้าออกประตู และเทรนด์ของ Smart Cloud และยังได้เริ่มลงทุนสร้างโรงงานใหม่ ในประเทศเวียตนาม ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 ที่จะเริ่มเปิดทำการในปี 2018 ด้วยพื้นที่ประมาณ 60,000 ตารางเมตร เพื่อผลิตสินค้าด้านเทคโนโลยีตอบสนองความต้องการในภูมิภาคนี้
โดยภายในงาน Secutech Thailand 2017 ฮันวา เทควิน จะจัดแสดงในส่วนของแบรนด์บริษัท เพื่อให้เกิดการรับรู้แบรนด์มากยิ่งขึ้น และมีในส่วนของกล้องวงจรปิดทั้งอนาล็อกและดิจิทัลแบบ IP Camera นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อระบบการเก็บเงิน การเชื่อมต่อโซลูชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลวิดีโอ และยังมุ่งเน้นไปที่สมาร์ทรีเทลโซลูชั่น เนื่องจากมีการเติบโตต่อปีกว่า 20%
นายโทนี่ หยาง ประธานกรรมการ บริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด เปิดเผยว่า กว่า 17ปี ที่ดำเนินการมาในประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่การขายสินค้าสแกนลายนิ้วมือ และเริ่มเข้าสู่เทคโนโลยี คลาวด์ซีเคียวริตี้ โดยมีสาขากระจายตัวอยู่ทั่วภูมิภาค ทั้งประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า และอนาคตจะเปิดเพิ่มที่ประเทศลาว กัมพูชา ฟิลิปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งในประเทศไทย เราเป็นผู้นำทั้งในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัยของสมาร์ท
การจัดงานครั้งนี้ เอช ไอ พี โกลบอล ได้นำเทคโนโลยี HIP Cloud Security Center มาแสดงเป็นไฮไลต์ในงาน โดยโซลูชั่นหลายอย่างจะขายเป็นระบบเช่าซื้อ เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อระบบรักษาความปลอดภัยทั้งระบบและเป็นการแบ่งเบาภาระลูกค้าได้ด้วย โดยจะไม่ใช่การขายเฉพาะตัวสินค้าอีกต่อไป
อีกทั้งยังมีการจัดแสดงในส่วนของสมาร์ทโฟนที่จะเข้ามาช่วยตอบสนองการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ได้มากยิ่งขึ้น และยังมีในส่วนของระบบที่จอดรถอัจฉริยะ โดยจะเป็นการจัดระบบการจอดรถในหลายพื้นที่ที่ยังว่างอยู่ ให้สามารถจัดการจอดรถร่วมกันได้อย่างอิสระผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน
ทั้งนี้ บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสิเนส มีเดีย จำกัด และ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. จำกัดได้ร่วมกับพันธมิตรเตรียมจัดงาน Secutech Thailand 2017 (ซีเคียวเทค ไทยแลนด์) งานเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย ป้องกันอัคคีภัย และสมาร์ทโฮมแห่งอาเซียน โดยปีนี้จะโชว์เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยใหม่ๆ
รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่น ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ อาทิ สมาร์ทซิตี้ สมาร์ทรีเทล สมาร์ททรานสปอร์ตเตชั่น โดยบงาน Secutech Thailand 2017 จะจัดขึ้นพร้อมกับงาน Thailand Lighting Fair 2017 และ Thailand Building Fair 2017 ภายใต้แนวคิด Smart City Safe City ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2560 ณ ไบเทค บางนา