ฟูจิซีร็อกซ์ชูความเชี่ยวชาญด้านเอกสาร เปิดโซลูชั่น Fuji Xerox Smart Work Gateway วางแผนเจาะเข้าตลาดทุกระดับ เดินหน้าเปลี่ยนการขายเครื่องเป็นโซลูชั่นการจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบด้วยเทคโนโลยีหลากหลายแพลตฟอร์ม ตั้งเป้าปี 2017 เติบโตขึ้นกว่า 10% จากรายได้ปี 2016 ที่มีอยู่ราว 5.5 พันล้านบาท
นายโคจิ เทสีกะ ประธานบริษํทฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2017 ว่ามีเป้าหมายการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 10% โโยในปีนี้เรามีจุดเชื่อมโยงกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น Remote Services, Ready Services สามารถประสานการทำงานร่วมกันทั้งในส่วนของลูกค้าและพาร์ทเนอร์ ผ่านหน้าจอ Dashbroad ด้วยเทคโนโลยี IoT ที่เข้ามาช่วยด้านการจัดการสินค้า ตลอดจนการรายงานสถานะการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้อย่างทันท่วงที
ช่วยให้เกิดการจัดการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทั้งในส่วนของการบำรุงรักษาและประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรที่สามารถแสดงสถานะการทำงานผ่านหน้าจอได้ทันที ช่วยให้สามารถจัดส่งช่างซ่อมบำรุงและตรวจสอบสถานะได้อย่างสะดวกทั้งในฝังของลูกค้าเองและในส่วนของพาร์ทเนอร์
ด้วยเทคโนโลยี Fuji Xerox Smart Work Gateway จะช่วยให้การจัดระบบเครื่องถ่ายเอกสารง่ายยิ่งขึ้น ผ่านระบบคลาวด์ที่ช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานได้ผ่านหน้าจอ จากทุกที่ทั่วโลก ช่วยให้เกิดความสะดวกในการบริหารจัดการยิ่งขึ้น
อนาคตของฟูจิซีร็อกซ์ คือการก้าวเข้าสู่การทำงานอันชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ที่จะเข้ามาเติมเต็มโซลูชั่นของฟูจิซีร็อกซ์ที่มี โดยเชื่อมโยงการทำงานทั้งระบบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การบัญชี ธุรการ การตลาด ตลอดจนการรายงานเพื่อให้ผู้บริหารแต่ละส่วนระบทราบ ผ่านระบบคลาวด์โซลูชั่นทั้งหมด
นายสมมาตร บุณยะสุนานนท์ รองประธาน บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซื (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเดินหน้ากว่า 50 ปีนี้ เรามุ่งตอบสนองการทำงานของลูกค้าให้เกิดการสื่อสารที่ดียิ่งขึ้น โดยมีการนำโซลูชั่น Fuji Xerox Smart Work Gateway เข้ามาช่วยเสริมอยู่บนคลาวด์ ภายใต้นิยาม “ที่สุดแห่งนวัตกรรมเพื่อความเป็นผู้นำในทุกธุรกิจ”
เพื่อช่วยให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่มากยิ่งขึ้น และรวมไปถึงความปลอดภัยของการใช้งานด้านเอกสารที่จะต้องควบคู่กันไป โดยบริษํทได้รับ ISO 27001 ที่แสดงให้เห็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านข้อมูลข่าวสารอย่างที่สุด
ทั้งนี้คลาวด์โซลูชั่น เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างเอกสาร การตรวจสอบ การให้สิทธิ์และส่งต่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้อง และท้ายที่สุดจะไปสู่การจัดเก็บเอกสารตามอายุความ และในส่วนของการควบคุมและให้สิทธิ์การใช้งานของแต่ละแผนก และที่สำคัญยังสามารถจำกัดจำนวนการใช้งานแบบโควต้าได้ เพื่อให้เกิดการควบคุมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยการควบคุมั้งหมดสามารถจัดการได้ผ่านระบบคลาวด์บนหน้าจอสมาร์ทดีไวซ์ ทำให้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ตเราก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
ขณะที่โซลูชั่น SkyDesk I Media Switch จะช่วยแปลงไฟล์มัลติมีเดียผ่านบาร์โค้ด เพื่อการใช้งานในส่วนของอีแคตตาล็อก อีกทั้งยังมีในส่วนของะรบบการติดตามการเคลื่อนที่ Media Trek ที่จะช่วยบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่ ผ่านระบบอัตโนมัต เมื่อไปยืนในจุดที่กำหนด
ด้านโซลูชั่น Smart E-commerce Platform หรือบริการ XMPIE ที่จะช่วยซับพอร์ตให้ธุรกิจ SME สามารถสร้างแบรนด์ของตนเอง ผ่านสินค้าของตนเองได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบการพิมพ์ฉลาก การสร้างบรรจุภัณฑ์สินค้าเป็นต้น
วันนี้ภายในงาน Docuworld 2017 จะช่วยให้การทำเรื่องยากเป็นเรื่องง่าย โดยจะมีการแสดงเทคโนโลยีที่มีการปรับใช้แล้วจริงในองค์กร เพื่อให้เกิดการทำงานที่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง โดยแต่ละองค์กรที่นำมาแสดงโชว์นั้น จะเป็นหน่วยงานจริงที่มีการใช้งานรูปแบบที่ตรงความต้องการ สามารถตอบโจทย์การทำงานที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยจะมีทั้งในส่วนของการตลาด การเงิน และบัญชี ซึ่งนับว่าเป็นหน่วยงานหลักๆที่จำเป็นต้องใช้งานด้านเอกสารอย่างต่อเนื่องและต้องปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์ในส่วนของโซลูชั่น Smart Print Room จะช่วยให้เกิดไลน์การผลิต เพื่อตอบโจทย์การทำงานในส่วนของโครงการต่างๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการและเสร็จตามระยะเวลามากยิ่งขึ้น และโซลูชั่น Mail Room Solution ระบบควบคุมเอกสารขาเข้าและขาออก เพื่อควบคุมการทำงานทั้งการตรวจสอบการเดินเอกสาร ช่วยให้เกิดการรายงานอย่างเป็นระบบ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้และรายงานผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อช่วยให้เกิดการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
แต่ละปีมีการทรานส์ฟอร์มจากกระดาษไปเป็นดิจิทัลราว 10% โดยเชื่อว่าอีกไม่น้อยกว่า 4-5 ปี ถึงจะสามารถเปลี่ยนเข้าสู่การทำงานแบบดิจิทัลได้เต็มที่ยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของฟูจิซีร็อกซ์ที่จะต้องนำความเชี่ยวชาญที่มีเข้าไปช่วยให้เกิดการจัดการเอกสารให้เป็นดิจิทัลมากยิ่งขึ้น
ด้านนายกิติกร นงค์สวัสดิ์ Director Fuji Xerox Global Services กล่าวเสริมว่า การเปลี่ยนแปลงของฟูจิซีร็อกซ์ในครั้งนี้ จะทำให้เปิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้กระดาษรูปแบบเดิมมาเป็นดิจิทัลมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้การการทำงานอย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวอย่างของลูกค้ารายใหญ่ของเราที่ทำอุตสาหกรรมอาหาร จากเดิมที่ใช้พนักงานในนการรับเอกสารและนำเข้าข้อมูลสู่ระบบกว่า 300 คน สามารถนำโซลูชั่นของเราเข้าไปแทนที่แล้วลดการทำงานเหลือเพียงแค่ 8 คนเท่านั้น ซึ่งนับเป็นการลดต้นทุนของการทำงานได้หลายเท่าตัว
ขณะที่การทำงานของลูกค้าก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบโซลูชั่นนี้จะทำการสแกนเอกสารให้ออกมาเป็นตัวหนังสือ ซึ่งตะเป็นการจับข้อความที่จำเป็นเพื่อส่งต่อข้อมูลเข้าสู่ระบบ ERP ของลูกค้า ทำให้เกิดความรวดเร็วของการทำงาน โดยสามารถลดเวลาการทำงานจากการทำเอกสาร 1 ชุดราว 15 นาที เหลือเวลาเพียง 4 นาที่เท่านั้น ซึ่งจะตอบโจทย์การทำงานที่ครบสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มากกว่าการขายเครื่องจากเดิม แต่เป็นการนำความเชี่ยวชาญขอนเราเข้าไปช่วยให้ลูกค้าจัดการปัญหาด้านเอกสารได้อย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพนั่นเอง
ทั้งนี้ลูกค้าของฟูจิซีร็อกซ์เอง มีลูกค้าทั้งในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ กลางและเล็ก ซึ่งในกระบวนการทำงานสามารถแบ่งเป็นได้ทั้งการซื้อไปแล้วลูกค้าจัดการเอง การจัดทีมเข้าไปดูแล หรือแม้กระทั่งการเข้าไปช่วยจัดการทั้งระบบโดยที่ลูกค้าไม่ต้องจัดการเลย หรือที่เรียกว่า Outsource นั่นเอง โดยตั้งเป้าใหญ่ในปี 2020 จะต้องเป็นบริษัทระดับหมื่นล้านให้ได้