ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านระบบบริหารจัดการพลังงานและออโตเมชัน เปิดตัว System Platform 2017 ภายใต้แบรนด์ Wonderware ให้มาตรฐานใหม่สำหรับความเป็นเลิศด้านการผลิตสำหรับองค์กรภาคอุตสาหกรรม เสริมแกร่งในยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมของประเทศ นำ IIoT (Industrial Internet of Things) หรือ อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งสำหรับภาคอุตสาหกรรมมาใช้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการทำงานให้รวดเร็ว และสะดวกยิ่งขึ้น โดยแพลตฟอร์มระบบงานแบบเน็กซ์เจนนี้ มียูสเซอร์ อินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย แสดงข้อมูลทางด้านกราฟฟิกได้ดียิ่งขึ้น และให้ระบบเนวิเกชันที่ฉลาดยิ่งขึ้น
ความสามารถเหล่านี้ได้ถูกผสานรวมอยู่ในสายผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยขยายขีดความสามารถให้กับทั้งโซลูชันใหม่และโซลูชันเดิมที่มีอยู่ในแง่มุมที่เชื่อมโยงการทำงานเข้ากับส่วนงานวิศวกรรม ส่วนปฏิบัติการ ในสายงานเกี่ยวข้องที่สร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรม (Industry Value Chain) ผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างราบรื่น
ทั้งนี้ System Platform 2017 ให้ความสามารถใหม่ที่โดดเด่นสำหรับผู้พัฒนาระบบและผู้ใช้แพลตฟอร์มระบบงานชั้นนำในอุตสาหกรรมขององค์กร ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานอยู่ในโรงงานทั่วโลกมากกว่า 100,000 แห่ง รวมถึงคู่ค้าและพันธมิตรที่ให้บริการด้านการติดตั้งกว่า 4,000 ราย และผู้พัฒนาระบบจำนวน 160,000 ราย
โดยบริษัทในภาคอุตสาหกรรมกำลังถูกท้าทายด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลที่รวบรวมมาจากอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ในภาคอุตสาหกรรมหรือ IIoT (Industrial Internet of Things) เพื่อนำมาใช้สนับสนุนการตัดสินใจได้ครบทุกมุมมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ระบบเทคโนโลยีส่วนปฏิบัติการ (OT-Operational Technology) ที่ใช้รองรับแอปพลิเคชันด้านอุตสาหกรรมก็ต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้แสดงผลลัพธ์ข้อมูลเป็นภาพได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งต้องผสานการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันด้านไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน“System Platform 2017 เสนอแนวทางใหม่ที่เป็นการปฏิวัติวิธีการสร้างแอปพลิเคชันอุตสาหกรรมและเนื้อหาที่นำกลับมาใช้ได้อีก คล้ายๆ กับวิธีการพัฒนาเว็บเพจสมัยใหม่
นอร์ม ธอร์ลักสัน รองประธาน HMI & Supervisory Software หน่วยธุรกิจด้านอุตสาหกรรม ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า งานวิศวกรรมดังกล่าวสามารถทำได้โดยไม่ต้องปรับแต่งระบบและไม่ต้องเขียนสคริปต์ขึ้นใหม่แต่อย่างใด และยังให้การทำงานที่ผสานรวมกับทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความสามารถดังกล่าวนับว่าเป็นการสร้างความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมและการดำเนินงานโดยที่ไม่ต้องเพิ่มต้นทุนในการเป็นเจ้าของ
System Platform 2017 ให้โมเดลการใช้ซอฟต์แวร์แบบใหม่ที่ให้ความเรียบง่ายแก่ผู้ใช้งาน อีกทั้งยังสามารถใช้คำสั่งได้ง่าย (Top Directives) ให้โมเดลที่นำมาใช้ได้อย่างยืดหยุ่น ช่วยสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้เร็วขึ้น ช่วยให้บริษัทในภาคอุตสาหกรรมขยายขีดความสามารถในการดำเนินงานได้เร็วขึ้น อีกทั้งช่วยเร่งเวลาให้สามารถนำเทคโนโลยีโมบิลิตี้ และคลาวด์รวมถึง IoTใหม่สำหรับภาคอุตสาหกรรมมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว
การเปิดตัวครั้งนี้ยังเป็นการนำเสนอ วิสัยทัศน์ด้าน EcoStruxure ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคในการมอบความสามารถด้านซอฟต์แวร์ และระบบวิเคราะห์ชั้นนำของอุตสาหกรรม เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ในการปฏิรูปไปสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพSystem Platform 2017 ภายใต้แบรนด์
Wonderware ให้ประโยชน์ โดยสรุปดังต่อไปนี้
- สร้างได้ง่าย (Easy to Build) – เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างเพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายขีดความสามารถสำหรับ Supervisor, SCADA, MES และการพัฒนาแอปพลิเคชัน IoT สำหรับอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ไม่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบการทำงานแบบเดิม
- ใช้งานง่าย (Easy to Use) –มี Visualization Client รุ่นเน็กซ์เจน ที่มาพร้อมยูสเซอร์ อินเตอร์เฟซอันทันสมัย สร้างขึ้นเฉพาะเพื่องานกราฟฟิกที่สมบูรณ์ ให้ประสิทธิภาพสูง
- เป็นเจ้าของได้ง่าย (Easy to Own) – ด้วยวิธีการทำงานที่เป็นโมดูลมากขึ้น พร้อมทั้งมีการปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเนื่อง จึงช่วยให้มั่นใจได้ 100% ว่าจะสามารถทำงานร่วมกับระบบอื่นๆก่อนหน้าที่อยู่ภายใต้ Wonderware ได้ดีเช่นกัน ช่วยลดการดาวน์ไทม์ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมบำรุงแอปพลิเคชันหรือการเปลี่ยนแปลงในส่วนของระบบการผลิต อีกทั้งช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ
“เนื่องจาก System Platform เป็นองค์ประกอบสำคัญของ EcoStruxure ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงช่วยเพิ่มความสามารถให้กับบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงของการเดินทางไปสู่การปฏิรูปดิจิทัล ช่วยเปลี่ยนโฉมธุรกิจให้มีความคล่องตัวมากขึ้นและตอบสนองได้เร็วขึ้น ในระหว่างที่ลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบดิจิทัล” นายธอร์ลักสัน กล่าว