ไปรษณีย์ไทย เผยครึ่งปีหลังเน้นช่วยลูกค้าอีคอมเมิร์ซ

ไปรษณีย์ไทย เผยครึ่งปีหลังเน้นช่วยลูกค้าอีคอมเมิร์ซ

ไปรษณีย์ไทย เผยครึ่งปีหลังพร้อมช่วยพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เน้นการพัฒนาการค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2560 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 13,473 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,979 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ที่ 18 % พร้อมเปิดตัว “พี่ตู้รู้ทุกเรื่อง” เน้นนวัตกรรมตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะยุค 4.0 เปลี่ยนตู้ไปรษณีย์ธรรมดาให้สามารถให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร เครื่องดื่ม แหล่งของฝากและผลิตภัณฑ์ชุมชน

พล.อ.สาธิต พิธรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ปณท ยังคงยึดหลักในการดำเนินการที่จะต้องเติบโตควบคู่กับชุมชน สังคม และประเทศชาติ พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น โดยจะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก

ผ่านการใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายของไปรษณีย์ ที่มีที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ น้อมนำแนวพระราชดำริ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ประยุกต์ใช้เพื่อผลักดันสังคม และชุมชน กระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น และยกระดับอีคอมเมิร์ซระดับชุมชนให้มีประสิทธิภาพ ได้รับมาตรฐาน มีตลาดรองรับที่กว้างขวาง

โดยการดำเนินงานต่างๆ จะตอบสนองนโยบายและโครงการต่างๆ ของทางรัฐบาล อาทิ แผนงานอีคอมเมิร์ซ 4.0 ร่วมกับส่วนงานราชการ และหน่วยงานต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ พัฒนาผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซและสร้าง “ดิจิทัลชุมชน” ให้บริการมาร์เก็ตเพลส (Marketplace) ผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน แผนการรองรับการขยายตัวของพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) วางแผนการจัดตั้งศูนย์โลจิสติกส์ฮับที่ครอบคลุมเข้มแข็ง เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน อำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม – มิถุนายน 2560 ว่า มีรายได้รวมทั้งสิ้น 13,473 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,979 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ที่ 18% โดยรายได้จากการเติบโตส่วนใหญ่มาจากกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งมาจากการเกิดเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คิดเป็น 42% หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป้าหมายรายได้ของปี 2560 อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท และประมาณการผลกำไรสุทธิประมาณ 3,300 ล้านบาท

ล่าสุดได้ทำการปรับปรุงตู้ไปรษณีย์เพื่อบริการประชาชนด้วยคิวอาร์โค้ด ภายใต้ชื่อ “พี่ตู้รู้ทุกเรื่อง” เป็นนวัตกรรมตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะยุค 4.0 ที่เปลี่ยนตู้ไปรษณีย์ธรรมดาให้สามารถให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อเป็นการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยว และผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชน โดยต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นให้มีความไหลเวียนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ทำการนำร่องติดตั้งตู้ดังกล่าวในจังหวัดพิษณุโลก จำนวนรวมทั้งสิ้น 15 ตู้ ก่อนกระจายไปทุกอำเภอในจังหวัด และมีแผนเตรียมขยายไปพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ภายในปีนี้

สำหรับความคืบหน้าการทำลอจิสติกส์ EEC ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอรายชื่อคณะทำงานที่ทำร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมศุลการ การท่าเรือ สนามบินอู่ตะเภา จึงยังไม่มีการหารือถึงรายละเอียดร่วมกัน ซึ่งโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องอยู่ที่การวิเคราะห์ถึงต้นทุนในการให้บริการด้วย ทำให้ยังไม่สามารถตั้งงบประมาณสำหรับการทำโครงการนี้ได้

แต่คาดว่าภายในปีนี้จะมีข้อสรุปว่าจะสามารถทำลอจิสติกส์ในพื้นที่ EEC ที่ศรีราชาได้หรือไม่ แม้จะมีต้นแบบที่จ.พิษณุโลก ที่กำลังดำเนินการอยู่ เนื่องจากพิษณุโลกมีการขนส่งแค่เครื่องบิน และรถไฟ ส่วนศรีราชา มีการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้นมาด้วย จึงต้องวิเคราะห์ความเป็นไปได้ก่อน

นางสมร กล่าวว่า ทางด้านการทำงานในครึ่งปีหลังนั้น ไปรษณีย์ไทยจะเน้นการพัฒนา 3 ส่วนหลักตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการชุมชน ประกอบด้วย 1.e-Marketplace & Platform ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท (www.thailandpostmart.com) เพื่อเป็นมาร์เก็ตเพลสระดับประเทศ พื้นที่ฝากขายสินค้าที่รวบรวมสินค้าชุมชนจากผู้ประกอบการทุกพื้นที่ในประเทศไทย

2.e-Logistics คิดค้นและพัฒนาช่องทางส่งของให้กลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ อาทิ กล่องฟอร์คอมเมิร์ซ กล่องลดต้นทุน หนุนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ บริการนำจ่ายให้ผู้รับปลายทาง C2C Fulfillment Solution เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองให้ได้รับสิ่งของที่รวดเร็วขึ้น และ บริการกำหนดจุดรับสินค้า (Drop Off) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกสถานที่รับสินค้าที่สะดวกได้

3.e-Payment พัฒนาระบบการชำระค่าสินค้าและบริการ ได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย สู่การเป็นดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) รองรับสังคมไร้เงินสด

ในขณะเดียวกันไปรษณีย์ไทยจะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้กับระบบงานในทุกกระบวนการ ทั้ง กระบวนการรับฝาก คัดแยก ส่งต่อ และนำจ่าย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานที่เข้มข้นมากขึ้น โดยจะทำการจัดตั้งเครือข่ายรถยนต์สำหรับรับฝากสิ่งของ ณ ที่อยู่ลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ นำร่องที่ที่การไปรษณีย์ในเขตกรุงเทพฯ 10 แห่ง

คือ สามเสนใน หลักสี่ ปากเกร็ด จระเข้บัว รังสิต คลองจั่น ภาษีเจริญ ยานนาวา พระโขนง และพระประแดง รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนตู้บริการ iBox เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบริเวณห้องรอจ่าย จัดตั้งจุดรับสิ่งของที่อยู่ใกล้บ้าน (Drop Station) โดยตั้งเป้าในการจัดตั้งทั้งหมด 80 จุดเพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้บริการทั่วประเทศ

Related Posts