Xiaomi ประกาศทำตลาดในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ หลังขายผ่านช่องทางออนไลน์จนได้แฟนพันธุ์แท้มาจำนวนหนึ่ง เผยการรุกอย่างจริงจังครั้งนี้เพราะไทยมีความพร้อม 3 ด้าน ทั้งขนาดตลาด เครือข่าย 4G และจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต พร้อมจับมือ วีเอสที อีซีเอส ให้เป็นตัวแทนขาย และเปิดตัวมือถือใหม่ 2 รุ่นที่มั่นใจว่ามีสเปคสูงในราคาที่เหมาะสม ก่อนต่อยอดไปสู่สินค้า IoT ในอนาคต

“ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการรุกตลาดสมาร์ตโฟนในเมืองไทยอย่างเต็มตัว ผ่านการจัดจำหน่ายที่จะทำหน้าที่ส่งเสริมการตลาด และสนับสนุนด้านบริการหลังการขายให้แก่ผลิตภัณฑ์ของเสี่ยวมี่ในประเทศไทย และจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเสี่ยวมี่จะจัดจำหน่ายผ่านทั้งช่องทางออฟไลน์ ณ ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศกว่า 4,500 แห่ง และช่องทางออนไลน์ผ่านความร่วมมือกับลาซาด้า ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ซึ่งในตลาดอาเซียนนั้นไทยถือว่าสำคัญและใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคนี้”
ด้านนายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานบริหาร บริษัทวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจมานากกว่า 30 ปี และมีการให้บริการหลังการขายเป็นผ่านวีเซิร์ฟพลัส (VServePlus) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ รวมถึงสาขาต่างๆ ของบริษัทรวม 10 แห่งทั่วประเทศที่พร้อมให้บริการด้วยทีมงานวิศวกรและเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าแบบมืออาชีพ
Mi 6 เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอกย้ำจุดยืนในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงนวัตกรรมเหล่านั้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 835 บนเทคโนโลยีการประมวลผลระดับ 10 นาโนเมตร จึงเป็นการยกระดับสมรรถนะการทำงานของสมาร์ตโฟนในปัจจุบัน Mi 6 มาพร้อมกับกล้องคู่อ็อพติคัลซูม เพื่อการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ไกลได้อย่างคมชัดยิ่งขึ้น และภาพถ่ายบุคคลที่คมชัดมีมิติแบบหน้าชัดหลังเบลอ
นอกจากนี้เสี่ยวมี่ยังได้เพิ่มแรมขึ้นไปเป็น 6GB ทั้งสำหรับรุ่นหน่วยความจำ 64GB และ 128GB โดย Mi 6 รุ่นสีดำที่มาพร้อมแรม 6GB หน่วยความจำ 64GB จะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้นไปทางลาซาด้า และร้านอุปกรณ์ไอทีต่างๆ อาทิ ที่ไอที ซิตี้ ในราคา 13,790 บาท
ส่วนรุ่นแรม 6GB หน่วยความจำ 128GB ที่มาในสีน้ำเงินสุดหรู พร้อมเปิดให้จองได้แล้ว และจะวางจำหน่ายที่ลาซาด้า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน เป็นต้นไป และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊กเสี่ยวมี่ประเทศไทย (Mi Thailand: www.facebook.com/thailand.xiaomi)
นอกจากนี้ยังมี Redmi Note 4 ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 ส่งผลให้การทำงานรวดเร็วและไม่สะดุด ชุดชิป Snapdragon 625 นี้เป็นชิปชุดแรกในกลุ่มเดียวกันที่ใช้เทคโนโลยีการประมวลผล FinFET ระดับ 14 นาโนเมตร ส่งผลให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าชิปที่ใช้เทคโนโลยีระดับ 28 นาโนเมตร