ออราเคิล เผยเทรนด์ Digital HR ความท้าทายใหม่ของการบริหารงานบุคคล

ออราเคิล เผยเทรนด์ Digital HR ความท้าทายใหม่ของการบริหารงานบุคคล

ยุคดิจิทัล ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงการบริหารงานบุคคล เพื่อให้การทำงานของบุคคลากรสอดคล้องกับความต้องการด้านดิจิทัลในอนาคต และเทรนด์ Digital HR ก็เป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบคลาวด์ ด้วยการผสมผสาน 3 องค์ประกอบที่สำคัญได้อย่างลงตัว จนเกิดความคล่องแคล่วในการทำงานมากที่สุด

นายยาแซด ดัลลาล, Head of HCM Cloud Application ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, ออราเคิล กล่าวว่า ข้อได้เปรียบที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ Digital HR จะมีแพลตฟอร์มที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้พนักงานได้ประสบการณ์การทำงานที่ดีขึ้น ซึ่งผลสำรวจของออราเคิลแสดงให้เห็นว่า เมื่อพนักงานมีประสบการณ์เชิงบวกในการทำงานดั่งเทคโนโลยีที่เขาใช้ในชีวิตประจำวัน ที่สะท้อนความเป็นส่วนตัว ความเร็วและใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว พวกเขาจะทำงานอย่างมีความสุขและสร้างประสิทธิผลได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรของบริษัท

โดยหลักการทำงานของ Digital HR จะต้องอยู่บนพื้นฐานของการใช้แอปพลิเคชันคลาวด์ ระบบคลาวด์เท่านั้นที่จะทำให้องค์กรต่างๆ มั่นใจได้ว่าองค์กรจะสามารถให้การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและทันต่อการเปลี่ยนแปลงให้กับพนักงานของตน อีกไม่นานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็จะเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ด้วย นอกจากนี้แล้วยังจะมีภาษาที่พัฒนาขึ้นโดยอัตโนมัติ เช่น ภาษาคอมพิวเตอร์ การจดจำเสียง อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) หรือแม้กระทั่งการออกแบบหุ่นยนต์

เรามองเห็น 3 เทรนด์ที่สำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Digital HR นั่นก็คือ 1. ความสำคัญของประสบการณ์การทำงานของพนักงานถือเป็นรากฐานของกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ทั้งหมด นับเป็นความงดงามของการเน้นการนำเสนอผ่านการออกแบบความคิด หลีกหนีการสร้างกระบวนการพัฒนาบุคลากรแบบเดิมๆ มาสู่การฝึกอบรมที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่เข้มข้น ที่เอื้อให้พนักงานมีส่วนร่วมและสร้างแรงบันดาลใจได้มากขึ้น

2. การใช้ IoT และอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) เพื่อวัดประสิทธิภาพจะกลายเป็นวิธีการที่ใช้กันทั่วไปเป็นมาตรฐาน และเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนผลิตผลและประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานผ่านทางโปรแกรม Work-Life และโครงการด้านสุขภาพต่างๆ

3. การวิเคราะห์และคาดการณ์แบบเรียลไทม์จะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจขององค์กรมากขึ้น การที่องค์กรต้องการวัดประสิทธิภาพและเพิ่มประสบการณ์ให้กับพนักงาน ทำให้องค์กรต้องการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนำไปปรับใช้ได้ทันท่วงที

ทั้งนี้การที่เราเน้นการวัดประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและทีมงานอย่างละเอียดมากขึ้น เก็บข้อมูลมากขึ้น ยิ่งเรามีข้อมูลมากเพียงใดเราก็จะสามารถวิเคราะห์และจัดทำแบบแผนในการทำงานต่างๆ ได้มากเพียงนั้น การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นจะช่วยให้เราคาดการณ์อนาคตได้ เมื่อเห็นอนาคตเราก็ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และยิ่งไปกว่านั้น

หากคุณเป็นคน Gen X หรือเด็กกว่าคุณจะรู้สึกสนุกเหมือนกับกำลังเล่นเกมใหม่ๆ ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์ว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า” จะทำให้คุณโลดแล่นไปกับโมเดลแห่งอนาคตที่หลากหลาย ช่วยให้ HR มีมุมมองเกี่ยวกับผลลัพธ์ทางธุรกิจในแง่มุมต่างๆ ที่จะมีผลต่อการปรับกระบวนการทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับค่าตอบแทน การปฏิบัติงาน และความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกต่างๆ

จากมุมมองที่ได้จากข้อมูลตัวเลขที่ใช้เทคโนโลยีเก็บรวบรวม (Hard numbers) เพียงอย่างเดียว บริษัทหลายแห่งโดยเฉพาะในตลาดที่พัฒนาแล้ว ได้มีการลงทุนทางด้านการดูแลสุขภาพ ความเป็นอยู่และหลักประกันต่างๆ เป็นจำนวนมาก หากความเป็นอยู่ของพนักงานดีขึ้นเบี้ยประกันก็ลดลง ส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ทางการเงินที่แท้จริงกับนายจ้าง

หากเรามองจากมุมของประเภทค่าตอบแทนที่ไม่ใช่เงิน (Soft benefit) นายจ้างคนหนึ่งอาจมีพนักงานที่มีอายุมาก ความสนใจมากที่สุดของนายจ้างคนนั้นคือต้องการรู้ว่าจะเกิดการลางานเนื่องจากการเจ็บป่วยมากตามไปด้วยหรือไม่ ในอีกแง่มุมหนึ่ง หากเป็นการทำงานที่ต้องใช้เวลานาน อาจลดทอนประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน

นายจ้างจึงต้องการติดตามการทำงานของพนักงานแต่ละคนว่าใครทำอะไรและใช้เวลาแค่ไหน หากมองในแง่ของวัฒนธรรมองค์กร คนเรามักจะทำงานได้ดีขึ้นหากเห็นว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีม การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเมื่ออยู่นอกเวลางานเป็นเรื่องสำคัญที่สร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานได้

ไม่เพียงเท่านั้น ประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคที่ขับเคลื่อนโดยอุปกรณ์โมบาย เซ็นเซอร์ การบ่งบอกตำแหน่ง และอุปกรณ์สวมใส่ที่กำลังเข้ามามีบทบาท ล้วนมีอิทธิพลต่อเทคโนโลยี เราใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันโต้ตอบกับดิจิทัลแอปฯ ต่างๆ (เราเช็คโทรศัพท์ 8 พันล้านครั้งต่อวัน) ตอนนี้เราไม่ได้เฝ้าติดตามอุปกรณ์ดิจิทัลเหล่านั้นอีกต่อไป แต่พวกมันติดตามเราต่างหาก

อุปกรณ์เหล่านั้นวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และพฤติกรรมการใช้จ่าย แล้วจึงชักจูงเราด้วยข้อเสนอ การกระตุ้นให้สนใจ และการชี้แนะต่างๆ กุญแจสู่ความสำเร็จในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานคือการเลียนแบบสภาพแวดล้อมของผู้บริโภคมาไว้ในสถานที่ทำงาน ซึ่งทำได้ง่ายเพราะเราคุ้นเคยและรู้วิธีที่จะใช้มันอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้จะทำให้พนักงานพอใจและมีความสุขในการทำงาน ซึ่งจะเท่ากับทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจในสินค้าและบริการของเราด้วย

ขณะที่ขั้นตอนในการสร้างและใช้กลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลแบบเน้นประสบการณ์ของพนักงาน อย่างแรกเลยคือคุณต้องเข้าใจพนักงาน ซึ่งจะต้องใช้แนวคิดการออกแบบที่ใช้คนเป็นศูนย์กลาง ปัจจุบันพนักงานของบริษัทหลายแห่งมาถึงที่ทำงานตอนเช้าก็นั่งโต๊ะ วางโทรศัพท์ แล้วก็จมอยู่กับงาน 8-10 ชั่วโมง ทำงานกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อช้าและซอฟต์แวร์ที่ไม่อัพเดท เทคโนโลยีจะไม่ได้เพียงแค่เข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงาน แต่ยังรวมไปถึงการสื่อสารระหว่างพนักงานด้วยกันด้วย

เราคุ้นกับการปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว พ่อแม่ของเราอาจทำงานที่บริษัทเดียวมามากกว่า 30 ปี ในขณะที่พนักงานบริษัทปัจจุบันเปลี่ยนงานกว่า 5-10 งานทั้งชีวิตการทำงาน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่เสมอจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาการที่นายจ้างต้องเผชิญกับช่วงเวลาการทำงานของพนักงานกับบริษัทที่สั้นลง

ทำให้ พวกเขาต้องใช้ศักยภาพของพนักงานแต่ละคนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนงาน ปัจจุบันเราได้เห็นว่ามีคนทำงานที่พยายามสร้างสมดุลระหว่างงานประจำที่ทำเต็มเวลากับงานที่รับจ้างทำเป็นคราวๆ มากขึ้น การที่นายจ้างที่เป็นผู้จ้างงานประจำเปิดโอกาสให้พนักงานบอกเล่าเกี่ยวกับความสนใจหรือความเชี่ยวชาญอื่นๆ นอกเหนืองานประจำก็อาจส่งผลดีให้กับตัวบริษัทเองด้วย

การเปิดกว้างในลักษณะนี้ จะทำให้บริษัทใช้ความสามารถของพนักงานในด้านต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น หากบริษัทจะจัดงานเลี้ยงภายในก็สามารถมอบหมายหน้าที่ให้พนักงานที่ทำงานพิเศษให้กับธุรกิจด้านการจัดเลี้ยง หรือเมื่อจะทำโครงการเพื่อชุมชนด้อยโอกาส ก็สามารถมอบหมายให้พนักงานที่เป็นผู้นำองค์กรที่ไม่หวังผลกำไรรับผิดชอบงานนี้ ทำให้เกิดผลดีอย่างมากมายทั้งกับตัวพนักงานเองและทางบริษัทด้วย

ทั้งนี้ระบบ Cloud HR กับการเรียนรู้เป็นแรงจูงใจทั้งกับพนักงานประจำและพนักงานชั่วคราว การที่สามารถเรียนรู้คราวละสั้นๆ และเข้าใจง่าย ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ทุกที่ทุกเวลา กำลังเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการเรียนรู้ และเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบ Self-Learning ที่น่าสนใจสำหรับผู้เรียนทุกระดับ

ยกตัวอย่างเช่น ออราเคิลผลักดันให้คนทำงานผ่านดิจิทัลเป็นหลัก ด้วยเทคโนโลยีด้าน HR ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นโครงการความร่วมมือกับผู้ร่วมวิชาชีพเดียวกัน ไปจนถึงการพัฒนาทักษะต่างๆ ในระยะยาว พนักงานย่อมต้องการกระบวนการการทำงานที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเวลา ค่าใช้จ่าย และงานต่างๆ ของ HR เพื่อให้พวกเขาสร้างผลงานที่สำคัญที่สุดได้ก่อน

การเพิ่มขีดความสามารถให้พนักงานด้วยเครื่องมือดิจิทัลที่พวกเขาต้องการเพื่อแบ่งปันความรู้และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้พนักงานสามารถใช้ความชำนาญของตน ทำงานร่วมกัน และพัฒนาแนวทางใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อความสำเร็จของธุรกิจ เทคโนโลยีด้าน HR ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเป็นการเริ่มต้นวงจรการใส่ทักษะและความรู้ใหม่ๆ ให้พนักงานเพื่อให้พวกเขานำไปปฏิบัติ เพื่อเพิ่มความสามารถให้พวกเขา และเพื่อเริ่มต้นกระบวนการยกระดับทักษะต่างๆ ให้กับพนักงาน

Related Posts