หลังจากที่ผ่านรับรองโดยกสทช. ไปเมื่อเร็วๆนี้ Apple จะเริ่มจำหน่าย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus วันที่ 3 พฤศจิกายนเลย ซึ่งสามารถสั่งซื้อได้ผ่านทางร้านค้าออนไลน์ Apple Online Store ของประเทศไทยเช่นเคย สำหรับ 3 ค่ายมือถือทั้ง AIS,Dtac และ Truemove H ซึ่งคนไทยที่ให้ความสนใจกับเจ้าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ต้องคอยจับตามองกับโปรโมชั่นและราคาเปิดตัวในประเทศไทยว่าจะมีราคาสูงเท่าไร
มีหลายกระแสว่าเจ้า iPhone 8 นี้จะวางขายในราคาที่สูงลิ่วกว่า iPhone รุ่นอื่นๆในอดีต อีกทั้งราคาที่ไม่เหมาะสมกับเทคโนโลยี เนื่องจากไม่มีการก้าวกระโดดของฟีเจอร์ใหม่ๆใน iPhone 8 นี้จึงทำให้โทรศัพท์มือถือรุ่นนี้อาจจะทำให้ Apple ขาดทุนครั้งใหญ่
ทางบริษัท iPrice ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าออนไลน์ในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เห็นถึงกระแสที่มาแรงนี้ จึงได้จัดทำการศึกษาความสนใจต่อ iPhone รุ่นต่างๆในประเทศไทย เพื่อศึกษาและคาดการณ์สถานการณ์การจัดจำหน่าย iPhone 8 ในประเทศไทยว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนในอดีตหรือไม่
คาดการณ์ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ถูกมองข้ามจากคนไทย
จากการศึกษาความสนใจในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ iPhone 8 ผ่านทาง Google พบว่าหนึ่งอาทิตย์หลังจาก iPhone8 เปิดตัว ความสนใจที่มีต่อ iPhone 8 ในประเทศไทยมีน้อยกว่าความสนใจที่มีต่อ iPhone รุ่นอื่นๆ เนื่องจาก iPhone 8 นั้นไม่มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่และสื่อต่างๆเขียนข่าวว่า iPhone 8 เป็นโทรศัพท์ที่สร้างความผิดหวังให้กับวงการมากที่สุด
อีกทั้งกระแสการชาร์ตแบตแล้ว iPhone 8 ระเบิดในไต้หวันก็ทำให้หลายคนต่างกังวลจาก 77 จังหวัดในประเทศไทย มีเพียงหนึ่งจังหวัดเท่านั้นที่ให้ความสนใจต่อ iPhone 8 มากกว่า iPhone รุ่นอื่นๆ ซึ่งจังหวัดนั้นได้แก่ ระนอง โดยระนองเป็นจังหวัดที่มีประชากรน้อยที่สุดในประเทศไทย มีประชากรประมาณ 180,000 คน
ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าความสนใจที่มีต่อ iPhone 8 เป็น 53 คะแนนและความสนใจที่มีต่อ iPhone X เป็น 51 คะแนนซึ่งถือว่ามีความใกล้เคียงกันอย่างมาก ดังนั้นเราต้องจับตาว่าถ้าหากคนในจังหวัดระนองได้รับข่าวสารที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเจ้า iPhone X นี้ ความสนใจจะพุ่งสูงขึ้นหรือไม่จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เห็นว่าความสนใจที่มีต่อ iPhone 8 ในประเทศไทยนั้นอาจจะไม่สูงตามที่คาดไว้
ถ้าหากมองถึงประเทศในแถบเอเชียอย่างประเทศญี่ปุ่นที่ได้มีการวางจำหน่าย iPhone 8 ก่อนประเทศอื่นๆ วันจัดจำหน่ายวันแรกที่ญี่ปุ่นเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไร้คนเข้าคิว ดังนั้นนี่จึงอาจจะเป็นสัญญาณหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่ากระแส iPhone 8 ในหลายๆประเทศได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
iPhone X หนึ่งโมเดลที่จะพลิกวิกฤติให้กับ Apple สำนักข่าว The Verge กล่าวไว้ว่า เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ว่าการเปิดพรีออเดอร์สำหรับ iPhone X นั้นมีผู้เข้าจองสูงกว่าเจ้า iPhone 8 ที่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งนี่คงเป็นสัญญาณที่ดีให้กับ Apple ในการหันมาโฟกัสโทรศัพท์มือถือที่จะเป็นความหวังหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทในช่วงต้นปีหน้า โดยเจ้า iPhone X กำลังขาดตลาดในขณะนี้
จนล่าสุดมีข่าวออกมาว่าสินค้าจะมีวางจำหน่ายเป็นต้นปี 2018 กันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากมองถึงความสนใจของคนไทยที่มีต่อ iPhone X จากการศึกษาของบริษัท iPrice ชี้ให้เห็นว่าคนกรุงเทพมหานคร, ภาคตะวันออก, และภาคใต้มีความสนใจต่อ iPhone X สูงกว่า iPhone รุ่นอื่นๆ
โดยรายละเอียดความสนใจมีดังต่อไปนี้
- คนกรุงเทพมหานครมีความสนใจต่อ iPhone X – 100, iPhone 8 – 80, iPhone 7 – 86 และ iPhone 6 –56
- คนภูเก็ตมีความสนใจต่อ iPhone X – 86, iPhone 8 – 72, iPhone 7 – 66และ iPhone 6 – 51
- คนสงขลามีความสนใจต่อ iPhone X – 60, iPhone 8 – 53, iPhone 7 – 55และ iPhone 6 – 49
- คนชลบุรีมีความสนใจต่อ iPhone X – 73, iPhone 8 – 68, iPhone 7 – 69และ iPhone 6 – 56
เพราะอะไรคนในภาคใต้, ภาคตะวันออกและคนกรุงเทพมหานครจึงสนใจ iPhone X มากกว่า iPhone รุ่นเก่าๆ? จากการศึกษานี้พบว่ารายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนมีความสัมพันธ์กับความสนใจต่อ iPhone รุ่นต่างๆ โดยคนในภาคใต้และภาคตะวันออกที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเป็น 25,209 บาทและ 29,229 บาท
ซึ่งถือว่าสูงกว่าคนในภาคอื่นๆ โดยคนภาคใต้และภาคตะวันออกให้ความสนใจกับ iPhone X ซึ่งเป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดมากกว่ารุ่นอื่นๆ นอกจากนี้คนกรุงเทพมหานครที่มีรายได้ต่อครัวเรือนอยู่ที่ 45,572 บาทต่อเดือนนั้นย่อมมีความสนใจต่อเทคโนโลยีใหม่ๆมากกว่าคนในต่างจังหวัดเนื่องจากมีกำลังซื้อที่มากกว่านั่นเองในทางกลับกันคนภาคเหนือซึ่งมีรายได้ต่อครัวเรือนที่น้อยที่สุดในประเทศไทย ด้วยรายได้ต่อครัวเรือนต่อเดือนอยู่ที่ 18,274 บาท
ทำให้พวกเขาหันไปให้ความสนใจกับ iPhone รุ่นเก่าๆมากกว่าอันได้แก่ iPhone 7 และ iPhone 6 ซึ่งมีการจัดโปรโมชั่นจากร้านค้าอีคอมเมิร์ซและเครือข่ายโทรศัพท์อย่างมากมายในขณะนี้ จึงทำให้คนในภาคเหนือสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ข้อมูลการศึกษา ได้เก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 9/14/17 ถึงวันที่ 9/20/17 ผ่านทาง Google Trends โดยใช้ search term เปรียบเทียบการค้นหาคำนั้นๆเพื่อแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบ search interest ดัชนีชี้ความสนใจที่มีต่อการเสิร์ชคำศัพท์นั้นๆใน Google ของคนในประเทศไทยในช่วงระยะเวลาที่กำหนด โดย 100 หมายถึงมีผู้สนใจเสิร์ชหาคำนั้นๆสูงสุด
