ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดงาน Innovation Summit ครั้งสำคัญ อวดโฉม EcoStruxure World Premiere ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมระบบเปิดล่าสุด ที่ทำงานในลักษณะ plug-and-play รองรับการใช้งานด้าน IoT ครอบคลุมโซลูชันครบวงจรใน 6 ความเชี่ยวชาญหลัก ได้แก่ พลังงาน ไอที อาคาร เครื่องกล โรงงาน และโครงข่ายไฟฟ้า และสำหรับตลาดปลายทางมี 4 ส่วนด้วยกัน คือ อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ อุตสาหกรรม และระบบโครงสร้างพื้นฐาน
และยังมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญของชไนเดอร์ อิเล็คทริค พร้อมด้วยนักคิดด้านอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก จะมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดให้กลายเป็นโซลูชันในการมอบพลังให้กับเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ Powering the Digital Economy
ทั้งนี้ EcoStruxure World Premiere จะเผยโฉม 3 โซลูชันใหม่ให้เห็นเป็นครั้งแรก
- EcoStruxure™ IT เป็นระบบบริหารจัดการระบบโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์บนคลาวด์แบบเน็กซ์เจน ที่ให้ความสามารถในการมองเห็นการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ได้ในแบบเรียลไทม์ ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการดำเนินการครอบคลุมทั้งส่วนไอทีและสิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างเหมาะสม
- EcoStruxure™ Building ให้แพลตฟอร์มในการประสานความร่วมมือด้านอาคารอัจฉริยะ พร้อมสถาปัตยกรรมระบบเปิด ที่ช่วยให้ผู้พัฒนาและคู่ค้าสามารถสื่อสารการทำงานร่วมกัน แบ่งปันข้อมูลและพัฒนาแอปฯ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งมั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายสูงสุดที่ผู้อยู่อาศัยจะได้รับ
- EcoStruxure™ Industrial Software platform ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มสำหรับอุตสาหกรรมที่ผสานรวมทั้งความสามารถในการขยายระบบพร้อมความเชี่ยวชาญเฉพาะที่ช่วยให้ทั้งผู้คนและกระบวนการสามารถทำงานสอดคล้องกันได้อย่างราบรื่น ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของ โดยปราศจากความเสี่ยงทั้งเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล หรือประสิทธิภาพการทำงานได้ตามต้องการ
ในงานนี้ลูกค้าชไนเดอร์จากทั่วโลกนับ 1,000 กว่าราย มารวมตัวกันรับฟังการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 50 ท่าน ไม่ว่าจะเป็น มร.ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ มร.ไซริล เปอร์ดูแคท รองประธานบริหาร ฝ่าย IoT & Digital Transformation ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค
โดยโปรแกรมของงานมีทั้งในส่วนการพูดคุยเกี่ยวกับกลยุทธ์ และช่วงของการเรียนรู้โดยเจาะลึกไปกับผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกลุ่มลูกค้าและคู่ค้าที่หลากหลาย โดยเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อเร่งให้เกิดโซลูชันด้านดิจิทัล
นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังได้เข้าเยี่ยมชม Innovation Hub ของบริษัทฯ ในพื้นที่โชว์เคสขนาดใหญ่กว่า 1,000 ตารางเมตร ที่มีการแสดงทั้งซอฟต์แวร์ โซลูชัน และการบริการ และยังมีในส่วนของ Partner Village รวมเครือข่ายพันธมิตรด้านเทคโนโลยี และสตาร์ทอัพ มารวมอยู่ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Accenture, Cisco, Intel และ Salesforce ซึ่งจะมาร่วมจัดแสดงนวัตกรรมล่าสุดของตน
“เศรษฐกิจดิจิทัลใหม่กำลังเกิดขึ้นในทุกตลาด ซึ่งนับเป็นการเร่งนวัตกรรมด้าน IoT ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence และ การปฏิรูปด้านดิจิทัล (digitization) ที่จะนำมาซึ่งโอกาสมหาศาลสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ต้องการปรับเปลี่ยนไปสู่ความมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับโฉมครั้งใหญ่ พร้อมทั้งสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ”
นายตริคัวร์ กล่าว “ภารกิจของเรานั้นเรียบง่าย คือเรามอบเทคโนโลยีระบบเปิดด้านดิจิทัลที่ให้ศักยภาพ ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และช่วยให้แนวความคิดที่ชัดเจนของลูกค้าเป็นจริงได้ด้วยการขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจดิจิทัล”
ในงาน Innovation Summit ที่ Hong Kong ชไนเดอร์ ยังได้ขยายขอบเขต COP21 ซึ่งเป็นพันธะสัญญาในการสร้างความยั่งยืน พร้อมด้วยเป้าหมายของการก้าวสู่การเป็นบริษัทที่มีค่าคาร์บอนเป็นกลางภายในปี 2030 ไปสู่การจัดงานอีเวนท์ใหญ่ๆ ต่างๆ โดยชไนเดอร์ กำลังลงทุนในโครงการทดแทนคาร์บอน สำหรับการเดินทางด้วยเครื่องบิน และการก่อสร้างอีเวนท์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานซัมมิทครั้งนี้
โดยจะมีการนำวิธีปฏิบัติเรื่องของงานที่สร้างความยั่งยืน (Sustainable event) นี้ มาใช้ตลอดทั้งงาน ผ่านการบริหารจัดการเรื่องการควบคุมสภาพอากาศ มุ่งเน้นที่บรรจุภัณฑ์ที่ให้ความยั่งยืน รวมถึงอาหาร และลดการใช้กระดาษและของเหลือใช้ที่ไม่เกิดประโยชน์ โดยพันธะสัญญาเรื่องการสร้างความยั่งยืนนี้จะถูกรวมอยู่ใน Innovation Summit World Tour ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมด