เคทีซี เปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่ TapKTC ชูเทคโนโลยี Iris ระบบสแกนม่านตายืนยันตัวตนจากซัมซุง มาตรฐาน FIDO รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อใช้งานง่ายสุด ปลอดภัยที่สุด และครอบคลุมมากที่สุด คาดผ่าน Sandbox แบงค์ชาติ ไตรมาสสุดท้าย ตั้งเป้าลูกค้าไม่น้อยกว่า 2 ล้านรายตลอดปี 2561
นายธศพงษ์ รังควร ผู้อำนวยการ ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด หรือ เคทีซี เผยว่า ตลอด 5ปีที่ผ่านมา เราทำงานร่วมกันกับระบบไอทีแบบกองกลางและกองหน้าซึ่งถือว่าทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น ทำให้เกิดเป็นโปรเจคแอปพลิเคชั่นนี้เป็นครั้งแรก โดยใช้ระยะเวลาการทำงานจริงๆเพียงแค่ 3เดือนเท่านั้น และที่เราเลือกใช้เทคโนโลยีซัมซุงพาร์ท เพราะเรามั่นใจเทคโนโลยีนี้เหมาะสม ณ เวลานี้ที่สุด
โดยปีนี้นับว่าเป็นปีที่เหมาะสมที่เราจะเปิดตัวแอปพลิเคชั่น ด้วยเทคโนโลยีของวันนี้ด้านความปลอดภัย ที่มีความง่าย แต่ปลอดภัยสูงสุดด้วยระบบไบโอเมตทริกที่วิ่งมาบรรจบกัน
ขณะที่อีกปัจจัยคือสมาร์ทโฟนเข้าถึงทุกคนได้ทั่วถึงมากขึ้น แน่นอนว่าแอปพลิเคชั่นในมือถือ ถูกใช้งานและเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าแอปพลิเคชั่นด้านการเงินจะยังไม่ใช่ 1ใน 3 ก็เชื่อว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่น 1 ใน 5 ได้ไม่นานในอนาคต
เราตั้งเป้าให้เป็นแอปพลิเคชั่นด้านการเงินที่จะต้องเป็นหนึ่งในตัวเลือกของการดาวน์โหลด ซึ่งต้องประกอบด้วยแอปพลิเคชั่นที่มีความฉลาด ปลอดภัยและสเถียร เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในการเลือกใช้
นางสาวเรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้จัดการอาวุโส บริหารจัดการข้อมูลลูกค้า บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด หรือเคทีซี กล่าวว่า การออกแบบหน้าแดชบอร์ด เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน โดยมีการตรวจสอบความต้องการใช้งานของลูกค้า เพื่อพัฒนาให้ตรงความต้องการมากขึ้น
ด้วยการออกแบบที่สมาร์ท เพื่อให้เกิดการใช้งานที่ง่าย ใช้ภาษาที่ง่ายและเข้าใจได้ด้วยตัวเอง จนเกิดการใช้งานที่ตรงตามความต้องการ แน่นอนว่าการหันมาใช้แอปพลิเคชั่นเนื่องจากไม่ต้องการเสียเวลาเข้าไปที่คอลเซ็นเตอร์
ปัญหาหลักที่เราลดทอนลงได้ คือการตัดขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้งายที่สุด แน่นอนว่าความยุ่งยากของระบบการเงินอยู่ที่ขั้นตอนการยืนยันตัวบุคคล เราจึงเพิ่มฟีเจอร์การสแกนม่านตา เพื่อให้เกิดการเข้าใช้งานที่ง่ายยิ่งขึ้นตามคอนเซ็ปต์ สมาร์ทโพรเซส ด้วยขั้นตอนเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถใช้งานได้เลย
ซึ่งในแต่ละขั้นตอน จะลดความยุ่งยากของการเข้าใช้งาน โดยการกดเพียงครั้งเดียวก็สามารถเลือกการใช้บริการได้ทันที โดยทุกขั้นตอนจะสั้นและใช้งานได้ง่ายมากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีคอนเซ็ปต์ของสมาร์ทมูฟ ด้วยเทรนด์ที่เปลี่ยนเร็ว ลูกค้าก็เปลี่ยนเร็ว การสร้างความรวดเร็วเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด
นายปริญญา อรรถพรมงคล ผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด หรือ เคทีซี กล่าวว่า ฟังก์ชั่นการใช้งานที่เสริมเข้ามาคือ Push Notification อาจจะดูไม่แตกต่างจากรายอื่น แต่วันนี้ระบบการแจ้งเตือนของเราจะแบ่งออกเป็น 4 หมวดที่สำคัญ โดยแบ่งเป็นเรื่องการแจ้งเตือนการใช้บัตร การแจ้งสิทธิพิเศษคูปอง การแจ้งเตือนการชำระเงินครบกำหนดชำระ และท้ายที่สุดเป็นเรื่องของการแจ้งข่าวสารของธนาคารให้ลูกค้ารับทราบ
นอกจากนั้นลูกค้ายังสามารถเข้าไปตั้งค่าการแจ้งเตือน เพื่อตั้งกำหนดช่วงของยอดชำระ โดยเมื่อถึงยอดที่กำหนดก็จะมีการแจ้งเตือนตามที่ตั้งไ้ว้ และอีกระบบที่ตั้งได้ คือการแจ้งเตือนล่วงหน้าการครบกำหนดชำระ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้ามาควบคุมการใช้งานบัตรได้เอง ทั้งนี้การแจ้งเตือนดังกล่าวยังรวมไปถึงบัตรเสริมด้วย
ขณะที่ฟีเจอร์ การกำหนดยอดค่าใช้จ่าย สามารถกำหนดขั้นสูงสุด เพื่อเป็นเงื่อนไขให้กับตนเอง โดยสามารถกำหนดได้ในลักษณะของการใช้งานผ่านระบบอีคอมเมิร์ซออนไลน์โดยเฉพาะ ทั้งการตั้งยอดสูงสุด ยอดสูงสุดต่อวัน ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนให้รับทราบ โดยสามารถแก้ไขข้อกำหนดได้ด้วยตนเองได้อย่างสะดวก
ฟีเจอร์ที่สำคัญของวันนี้คือการล็อกอิน ส่วนแรกคือการเข้าใช้งานด้วยระบบพินตัวเลข 6หลัก แต่เป็นระบบปุ่มตัวเลขเวอร์ชวลแบบ ไดนามิกพิน ที่มีการสลับเลขพิมพ์ด้วยการสุ่มทุกครั้งที่เข้าใช้งาน โดยรองรับทั้งไอโอเอสและแอนดรอยด์
ที่สำคัญแอปพลิเคชั่น TapKTC เวอร์ชั่นแรก รองรับการล็อกอินด้วยม่านตาเป็นประเทศที่ 3ของโลก และเป็นที่ 1ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมาตรฐานของ FIDO ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก หรือระบบลายนิ้วมือซึ่งจัดเก็บข้อมูลอยู่บนคลาวด์ที่มีความปลอดภัยสูง โดยขั้นตอนการใช้ ไม่จำเป็นต้องกดพินตลอดขั้นตอน เมื่อใช้งานการสแกนม่านตาผ่านระบบ Iris
ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการทดลองใช้งานในระบบจำลอง Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมไปถึงระบบการชำระเงินผ่าน คิวอาร์โค้ด ที่มีความแตกต่างจากรายอื่นๆ ซึ่งเราจะพยายามพัฒนาและอัปเดตระบบใหม่ให้ลูกค้าได้ใช้แอปใหม่ตลอดช่วงเวลา 3-6เดือน
โดย TapKTC เวอร์ชั่นแรกจะรองรับแอนดรอยด์ตั้งแต่เวอร์ชั่น 5 ขึ้นไป สามารถสแกนลายนิ้วมือและระบบพิน เช่นเดียวกับระบบไอโฟนเวอร์ชั่น 8 ขึ้นไป ขณะที่รุ่นซึ่งรองรับซัมซุงพาร์ท S8 S8+ และ Samsung Note8 จะสามารถใช้งานระบบสแกนม่านตา Iris ได้ทันที
โดยตั้งเป้าผู้ใช้งานหลังผ่านการทดลอง Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วงไตรมาสสุดท้าย จะมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นกว่า 2ล้านราย ตลอดปี 2561นี้