กูรู บิทคอยต์ จีน รุกเปิดบริษัทในไทย ตั้งฐานอุตสาหกรรมบิทคอยต์แบบครบลูป ชูครบ 4 ด้านที่สำคัญภายใน 1 ปีหากนโยบายรัฐพร้อม เตรียมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านบิทคอยต์ที่มีมากกว่าการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล ฝันไกลตั้งไทยเป็นฮับสกุลเงินดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉัยงใต้ โอ่วาดแผนระดมทุนให้สตาร์ทอัพผ่านระบบไอซีโอจากนักลงทุนจีนที่มีอยู่ในมือมากกว่ารายอื่น
เรย์ ชู ผู้ร่วมก่อตั้ง บิทไทย เอเชีย แปซฺิฟิค เผยว่า สถานการณ์บิทคอยต์ในจีนอยู่ในคามเสี่ยงสูง ตามการประกาศของธนาคารแห่งชาติจีน ทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องจึงหยุดเพื่อปรับเปลี่ยนให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ซึ่งปัจจุบันทางรัฐบาลจีน แจ้งว่าจะเป็นผู้ออกสกุลเงินดิจิทัลเอง เพื่อสร้างมาตรฐานที่ชัดเจนและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการปูทางให้เกิดเงินสกุลดิจิทัลที่เข้มแข็งในประเทศจีนต่อไปในอนาคต
เราคิดว่าปีหน้า ประเทศจีนจึงจะเริ่มการแลกเปลี่ยนภายใต้สกุลเงินดิจิทัลใหม่อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยตั้งเป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักของประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนจากบิทคอยต์ก่อนเป็นเงินหยวน ซึ่งก่อนหน้านี้เงินหยวนสามารถแลกเปลี่ยนได้เลย ด้วยอัตราก่อนการปิดมีการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 30,000 หยวนต่อ 1บิทคอยต์
ขณะที่ในภาพรวมของตลาดบิทคอยต์ในประเทศจีน มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยแบ่งออกเป็น 2ตลาด ทั้งในและนอกตลาด ซึ่งมูลค่าที่วัดได้เนื่องจากไม่สามารถวัดจากมูลค่านอกตลาดได้ แต่เท่าที่ดูจากตลาดในแล้วคาดว่าจะมีประมาณ 1.3-1.4 แสนบิทคอยต์ ขณะที่ภาพรวมของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดของประเทศจีน มีการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ราว 4-5 พันล้านหยวน
นอกจากนั้นประเทศจีนยังมีชื่อเสียงด้านการทำเหมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจีนมีเทคนิคทางด้านเครื่องขุดเป็นผู้นำของโลก และยังมีค่าไฟที่ถูก ซึ่งทำให้ต้นทุนในการขุดที่ต่ำ โดยเหมืองจะผุดขึ้นในโซนโรงงานไฟฟ้า เพราะจะมีส่วนที่ผลิตไฟฟ้าเกินทำให้ต้นทุนต่ำลงกว่าเดิม อีกทั้งการทำเหมืองยังสามารถทำได้อย่างง่ายดาย ทำให้อัตราการเกิดใหม่ของผู้เข้าร่วมทำเหมืองเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งคนจีนที่มีเงินมีอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อเข้าสู่ระบบทำเหมืองง่าย ก็ทำให้คนอยากเข้าไปลงทุน และจะยิ่งทำให้จีนเป็นประเทศของการขุดเหมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจีนมีอัตราการทำเหมืองใหญ่ที่มีอัตราการขุดบิทคอยต์ได้ในอันดับต้นๆของโลก คิดเป็นจำนวนเหมืองที่ทำการขุดอยู่กว่า 60% ของเหมืองทั้งหมดทั่วโลก
โดยในประเทศจีน 1เหมือง จะมีอัตราการขุดต่อวันได้ 124 บล็อก ต่อบล็อกมีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ราว 12.5 บิทคอยต์ ซึ่งแต่ละรายจะขุดได้อยู่ที่ราว 10-20 บล็อกต่อวัน มีต้นทุนต่อ 1บิทคอยต์อยู่ที่ราว 1.7-2 หมื่นหยวน
รุกตลาด บิทคอยต์ ไทย สร้างความรู้ความเข้าใจด้านบิทคอยต์ที่ถูกต้อง
การเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครั้งนี้ เดิมตั้งใจจะเปิดตัวในวันที่ 8 อย่างเป็นทางการ แต่อาจจะต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไป โดยกระแสของการเปิดตัวในประเทศไทยยังมีความผันผวนเป็นอย่างมาก โดยมีความรู้เรื่องบิทคอยต์เพียงการซื้อขายแลกเปลี่ยนเท่านั้น ทำให้เกิดหกระแสความเข้าใจที่ผิดพลาด
ซึ่งระบบอีโคซิสเต็มส์ของบิทคอยต์ แบ่งออกเป็น 4 ส่วนที่สำคัญ ได้แก่ 1.ส่วนของการเข้ารหัส การทำ ICO 2. ส่วนของ Token และระบบการแลกเปลี่ยน 3.ส่วนของนักลงทุน และ 4 ส่วนของการทำเหมืองเพื่อขุดบิทคอยต์ ซึ่งทั้งหมดจะผสานการทำงานร่วมกันและทำให้เกิดระบบการเงินบิทคอยต์ที่มีอยู่ทั่วโลกออกมาเป็นบริการรูปแบบต่างๆ
การเข้ามาสร้างองค์ความรู้และประโยชน์ที่แท้จริงของบิทคอยต์ จึงอาจจะต้องเตรียมความพร้อมด้านแผนเอ็ดดูเคชั่นให้กับตลาดในประเทศไทยชัดเจน พร้อมกับสร้างให้ตลาดมีความเชี่ยวชาญในการนำระบบบิทคอยต์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ซึ่งก็อาจจะต้องเข้าไปพูดคุยกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าไปให้ข้อมูลระบบอีโคซิสเต็มส์ที่ผ่านมา และ ไอซีโอ (Initial coin offering) หรือแผนการระดมทุนผ่านบิทคอยต์ที่เกิดขึ้นจริงและสำเร็จไปแล้ว อีกทั้งยังมีการหยิบยกตัวอย่างของการนำสกุลเงินดิจิทัลเข้าไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยจะเป็นการนำเสนอเชิงให้ความรู้ความเข้าใจที่มากขึ้น

เหตุผลอย่างหนึ่งที่เลือกประเทศไทย เพราะการแข่งขันสูงมากในยุโรปและอเมริกา หรือในประเทศที่เจริญแล้ว โซเอเชียจึงนับว่าน่าสนใจ ขณะที่ประเทศไทยมีการผลักดันเข้าสู่ดิจิทัลมากขึ้น และยังเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านชัยภูมิพื้นที่
ซึ่งเมื่อย่อให้เล็กลงมาแค่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศท่องเที่ยว มีต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยอยู่แล้ว การเปิดตลาดในไทยจึงมีการแข่งขันที่ต่ำ แถมยังมีโอกาสที่ต่างชาติจะเข้าถึง จึงเป็นจุดเเริ่มต้นของการเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้องด้านบิทคอยต์ ซึ่งก็จะมีโอกาสที่จะเข้าถึงต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวด้วยในตัว
และในอนาคตเงินสกุลดิจิทัล จะสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ถ้าสามารถทำได้ประเทศไทยก็จะเปป็นศูนย์กลางของเงินสกุลบิทคอยต์ และแลกเปลี่ยนเป็นดิจิทัลไทยบาท ซึ่งผลประโยชน์ก็ตกมาที่ประเทศไทยในอนาคต เพราะทุกประเทศในภูมิภาคก็จะต้องนำเงินตราเข้ามาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลดิจิทัลจากไทยบาทเป็นหลัก
ความสามารถและการลงทุนของแพลตฟอร์ม บิทไทย
ทั้งนี้แพลตฟอร์มบิทไทยสามารถรองรับการทำงานได้สูงสุดกว่า 1.4 ล้านทรานเซ็กชั่นต่อวินาที อีกทั้งยังนำไปใช้งานจริงได้อย่างสะดวก สามารถเข้าถึงได้ในทุกๆที่จากทุกๆระบบ ด้วยเงินลงทุนด้านเทคโนโลยีกว่า 50 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านระบบ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่ามากกว่ารายอื่นๆ เนื่องจากได้ระบบที่มีประสิทธิภาพมาก อีกทั้งยังมีการเพิ่มระบบด้านความปลอดภัยในส่วนของอีวอลลเล็ตทั้งออฟไลน์และออนไลน์เป็นอย่างดี
โดยระบบทั้งหมดจะวางอยู่ในฮ่องกง ซึ่งตั้งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ชื่อว่า บิทไทย ฮ่องกง และบริษัท บิทไทย เอเชีย แปซิฟิค ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยจะเป็นผู้ถือไลเซ่นเพื่อเข้ามาบริหารจัดการ หรือเป็นสาขาของการบริการทั้งภูมิภาค
ขณะที่ผลิตภัณฑ์แรกที่จะเปิดให้บริการเป็นส่วนของระบบแลกเปลี่ยน ซึ่งในส่วนของบริการไอซีโอ หรือระดมทุนผ่านบิทคอยต์ ก็ขึ้นอยู่กับข้อกฏหมายว่าระบบ ไอซีโอจะทำได้หรือไม่ ในอนาคตจะเปิดบริการไหนก็ต้องอ้างอิงตามหลักของกฏหมายของแต่ละประเทศ
และหากรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน ก็อยากจะทำไอซีโอ เพื่อดึงนักลงทุนจากจีน เข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัพของไทย ซึ่งจุดนี้บิทไทยได้เปรียบเนื่องจากมีนักลงทุนจีนในมืออยู่มากกว่ารายอื่นๆ
คาดว่าการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนทุกสกุลเงินในประเทศไทย จะมีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ราว 100 ล้านบาทต่อวัน โดยบริษัทได้เตรียมบุคลากรไว้ราว 20คน ซึ่งเรามองว่าเมื่อนโยบายภาครัฐเปิดกว้างมากขึ้นจะสามารถทำงานได้ครบลูป แบบที่มีทั้ง 4 ส่วนที่สำคัญดังที่กล่าวมาแล้ว ภายในระยะเวลา 1ปี
ซึ่งอนาคตหวังว่าจะสามารถตั้งเป็นศูนย์บิทคอยต์ ที่ไม่ต่างจากร้านมือถือที่มีอยู่ทั่วประเทศในปัจจุบัน เพื่อให้คนเห็นภาพประโยชน์ของบิทคอยต์ที่แท้จริง และสามารถเข้ามาเลือกบริการ ตลอดจนรับความรู้ด้านการใช้งานและความเข้าใจที่ถูกต้องผ่านศูนย์บริการได้อย่างสะดวก
เราอยากให้เมืองไทยนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ด้านที่สามารถใช้งานบิทคอยต์ให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย เพื่อสร้างสังคมบิทคอยต์ที่แท้จริง ซึ่งก็อาจจะต้องพยายามให้เกิดขึ้น แม้ว่าจะยากก็ตาม