แม้ที่ผ่านมาไอบีเอ็มจะดูเหมือนเงียบๆ ไม่ได้เป็นยักษ์ใหญ่ที่มีเรื่ องให้ตื่นเต้นแบบในอดีต แต่ล่าสุดได้เริ่มปรากฎตั วออกมาพร้อมกับเทคโนโลยีเปลี่ ยนโลกอย่าง บล็อกเชน ด้วยนำเสนอโซลูชันสำหรับการบริ หารจัดการธุรกิจยุคดิจิทัล ที่จะช่วยให้ลูกค้าทันกั บการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่
กรุงศรีอยุธยาต้องการจั ดการเอกสารใหม่ทั้งระบบ เนื่องจากปัจจุบันนอกจากจะเป็ นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศในด้านสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝากแล้ว กรุงศรีให้บริการทางการเงินที่ หลากหลายทั้งการบริหารความมั่ งคั่ง บัตรเครดิต ประกันภัย บริหารจัดการกองทุน ซื้อขายหลักทรัพย์ สินเชื่อยานยนต์ ธุรกิจเช่าซื้อ สินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย และการผ่อนชำระสินค้า
ดังนั้นในแต่ละวันจึงมีเอกสารการให้บริการระหว่ างธนาคารและบริษัทในเครื อจำนวนมากที่ส่งต่อไปมาระหว่ างกัน
ด้วยงานด้านเอกสารที่มากมายดั งกล่าว กรุงศรีจึงต้องการปรับปรุ งกระบวนการจัดเก็บเอกสารให้เป็ นรูปแบบดิจิทัล รวมทั้งจัดเก็บเอกสารและข้อมู ลการอนุมัติไว้อยู่บนฐานข้อมู ลเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อปรับปรุงประสิทธิ ภาพของกระบวนการการทำธุ รกรรมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ ยวข้อง (Related Party Transaction หรือ RPT) ภายในองค์กร พร้อมทั้งขยายแพลตฟอร์มนี้ให้ สามารถใช้งานได้ทั้ งภายในธนาคารและบริษัทในเครือ
วรนุช เดชะไกศยะ ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้ านเทคโนโลยีสารสนเทศและปฏิบัติ การ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการบริหารจัดการเอกสารนี้ เป็นโครงการนำร่อง ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็ อกเชนในกระบวนการเพื่อเพิ่ มประสิทธิภาพการปฏิบัติ งานภายในขององค์กร เพื่อส่งมอบความสะดวกให้กับลู กค้า
โดยได้ดำเนินการทดสอบตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจตั้ งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัย การทำธุรกรรมมีความโปร่งใส ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิ ภาพและลดระยะเวลาในการดำเนินงาน
“ด้วยคุณสมบัติของบล็อกเชนที่ ไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ ไขข้อมูลได้และมีการเข้ารหัส ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญต่ างๆ จะมีความปลอดภัยสามารถส่งต่อข้ อมูลระหว่างกันได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้เทคโนโลยีบล็อกเชนยั งช่วยให้ทั้งฝ่ ายตรวจสอบและควบคุมได้รับข้อมู ลอย่างรวดเร็ว สามารถแทรกแซงและดำเนิ นการตรวจสอบได้ จึงเป็นการเพิ่มความโปร่ งใสมากยิ่งขึ้น”
กรุงศรีคาดหวังว่าโครงการนี้ จะช่วยยกระดับประสิทธิ ภาพกระบวนการทำงานภายในทั้ งหมดของกรุงศรี นำไปสู่การเปลี่ ยนแปลงงานเอกสารในปัจจุบันให้ อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยอาศัยความก้าวหน้ าของเทคโนโลยีบล็อกเชน นั่นหมายถึงกระบวนการทุกขั้ นตอนจะมีความโปร่งใส รัดกุมและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ธนาคารเองสามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการอย่างมีประสิ ทธิภาพ ทำให้กรุงศรีสามารถส่งมอบบริ การในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็ นงานเอกสารให้มีประสิทธิ ภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
วรนุช กล่าวว่า กรุงศรีได้ทำงานร่วมกับทีมไอบี เอ็ม คลาวด์ การาจ (IBM Cloud Garage) ซึ่งเป็นทีมที่มีความเชี่ ยวชาญในเทคโนโลยีและธุรกิจ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีไฮเปอร์ เล็ดเจอร์ แฟบริค (Hyperledger Fabric) และบริการบล็อกเชนบนไอบีเอ็ มคลาวด์ (IBM Cloud) ทำให้ธนาคารใช้เวลาพัฒนาแนวคิ ดจากเริ่มต้นสู่การดำเนินงานจริ งภายในเวลาเพียง 3 เดือน
นอกจากนี้ยังได้มีการนำไฮเปอร์ เล็ดเจอร์ คอมโพเซอร์ (Hyperledger Composer) มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเร่ งให้การพัฒนาแอพพลิเคชันบล็ อกเชนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
ในระหว่างการดำเนินโครงการนำร่องกระบวนการจัดการเอกสารการให้ บริการระหว่างธนาคารและบริษั ทในเครือด้วยเทคโนโลยีบล็ อกเชนทำให้กรุงศรี สามารถลดกระบวนการและระยะเวลาใน การดำเนินงาน
โดยนวัตกรรมดังกล่ าวทำให้การแลกเปลี่ยนและส่งต่ อข้อมูลระหว่างกันมีประสิทธิ ภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดปริมาณคำถามที่เกิดขึ้ นระหว่างกระบวนการ และยังช่วยลดข้อบกพร่ องของงานเอกสารทั้งในแง่ความผิ ดพลาดและความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ของข้อมูล
พรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาไอบีเอ็มได้ทำการพั ฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยขยายขีดความสามารถให้ กับองค์กรธุรกิจตลอดจนการสร้ างข้อได้เปรียบในการแข่งขันให้ กับลูกค้า
ซึ่งบล็อกเชนเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีนั้น ที่จะไม่เพียงแต่จะช่วยเสริ มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมต่ างๆ แต่จะยังมีบทบาทสำคัญต่อวิวั ฒนาการใหม่ของหลากหลายอุ ตสาหกรรมในอนาคต
“ความสำเร็จของโครงการนำร่ องในการบริหารจัดการเอกสารด้ วยเทคโนโลยีบล็อกเชนของกรุงศรี นั้น แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ นำของอุตสาหกรรมการเงิ นในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อเสริมศักยภาพของธุรกิจ ช่วยสร้างความไว้วางใจมากยิ่งขึ้ นในกระบวนการบริหารจัดการเอกสาร และเป็นก้าวย่างที่ของสำคั ญของนวัตกรรมการเงิ นในประเทศไทย”