โรงพยาบาล พระรามเก้า ดึงเทคโนโลยีช่วยขับเคลื่อน สู่โลกดิจิทัลเต็มตัว

โรงพยาบาล พระรามเก้า ดึงเทคโนโลยีช่วยขับเคลื่อน สู่โลกดิจิทัลเต็มตัว
การเติบโตของธุรกิจ โรงพยาบาลจะมาพร้อมกับการขยายตัวของข้อมูลที่ต้องมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน และข้อมูลที่เกิดขึ้นนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้ให้ถูกต้องอย่างมาก เพราะมีความเป็นความตายเป็นสิ่งเดิมพันอยู่
ทำให้ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นหลายๆ โรงพยาบาลได้นำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ ส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และอีกส่วนหนึ่งคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวโรงพยาบาลเอง
โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่มีสาขา ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 1,200 คน มีจำนวนผู้ป่วยนอกมารับบริการเฉลี่ย 1,100 คนต่อวัน
ทำให้ทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องขยายอาคารและปรับปรุงระบบเพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น ตอบรับการดำเนินงานตามมาตรฐานสากลของโรงพยาบาล
แพทย์หญิงปิยะรัตน์ สัมฤทธิ์ประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กำกับดูแลฝ่ายสารสนเทศ โรงพยาบาล พระรามเก้า กล่าวว่า การขยายตัวของโรงพยาบาลทำให้ต้องมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร
โดยเฉพาะการวิเคราะห์ความเสี่ยงและหาวิธีดูแลและวิเคราะห์ข้อมูลคนไข้ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นจากระบบสำรองข้อมูลในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือ Disaster Recovery
ด้วยการจัดเก็บข้อมูลการทำงานของโรงพยาบาลรวมไปถึงข้อมูลคนไข้บนคลาวด์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าโรงพยาบาลจะสามารถดำเนินงานต่อได้อย่างแม่นยำแม้จะมีเหตุการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้เกิดขึ้
เป้าหมายของโรงพยาบาล คือการตั้งเป้าสู่การเป็นโรงพยาบาลดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเชื่อมั่
ซึ่งแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ธุรกิจจะต้องดำเนินไปได้อย่างมั่นคงและสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ ในด้านการดูแลรักษาคนไข้ สร้างความเชื่อมั่นโดยการบริหารจัดการข้อมูลคนไข้ให้เป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาคนไข้ให้ได้รับการรักษาที่ดีและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
และการวิเคราะห์ข้อมูลคนไข้ ตรวจสอบพฤติกรรมเชิงลึก ซึ่งระบบจะเข้ามาช่วยป้องกันความผิดพลาดพร้อมแนะนำการบริการได้
โรงพยาบาลพระรามเก้าได้เลือกใช้โซลูชัน Business Intelligence จากไมโครซอฟท์ ที่ประกอบด้วย SQL Server Enterprise Edition และ Mobile BI
ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS) ได้เป็นอย่างดี เข้ามาตอบโจทย์การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากในโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถนำข้อมูลต่างๆ ในระบบมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม
รวมทั้งยังสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการดูแลและปกป้องข้อมูลคนไข้ของโรงพยาบาลได้อีกด้วย
“เรามีการวางแผนระยะยาว 3 ปี ในการบริหารจัดการข้อมูลของโรงพยาบาลให้มีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำดาต้าไมน์นิ่งและวิเคราะห์ข้อมูลการแพทย์ (Analytics) เพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลพื้นฐานของโรงพยาบาล
โดยสามารถเข้าถึงตามหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละสายงาน รวมทั้งการบริหารจัดการสินทรัพย์ เช่น การตรวจสอบประวัติการใช้งานของอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งานครั้งถัดไปกับคนไข้อื่น”
แพทย์หญิงปิยะรัตน์ กล่าวว่า การเลือกใช้โซลูชันดังกล่าวต้องการให้ทุกคนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้จะช่วยให้ทุกคนทำงานง่ายขึ้นและอำนวยความสะดวกลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลหาวิธีรักษาคนไข้ได้อย่างตรงจุด ทั้งยังช่วยต่อยอดพัฒนาโรงพยาบาลในทิศทางที่ดีโดยไม่ก้าวล่วงจริยธรรมทางการแพทย์
โดยในตอนนี้เรากำลังพยายามเร่งปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำงานของบุคลากร เพื่อนำดิจิทัลเข้ามาช่วยปฏิรูปองค์กรให้มีความมั่นคงและปลอดภัยอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลพระรามเก้า คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการบริหารจัดการ
รวมไปถึงวิเคราะห์ข้อมูลพร้อมจัดสรรวิธีการดูแลรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพได้สะดวกและรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน ยังสามารถช่วยบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลในการดูแลข้อมูลผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันพนักงานกว่า 600 คนจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลตามแต่ละหน้าที่รับผิดชอบ คลาวด์จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากในการเข้ามาช่วยบริหารจัดการ
เพื่อยกระดับการทำงานให้โรงพยาบาลสามารถทำงานได้มั่นใจและยังช่วยลดต้นทุนในการทำงานอีกด้วย
ด้านทาเทียน่า มารัชเชฟสกาย่า ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมการแพทย์ในเอเชีย แปซิฟิก เริ่มมีความตื่นตัวและมองเห็นความจำเป็นในการปฏิรูปธุรกิจในยุคดิจิทัล
เพื่อเตรียมตัวรับความท้าทายและโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่ข้อมูลหรือ data เข้ามามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยปรับเปลี่ยนระบบการดำเนินงานทางการแพทย์จากแบบเดิมสู่แบบใหม่
ด้วยการบริหารจัดการสุขภาพของบุคคลและสาธารณสุขโดยรวมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยลง

ดังนั้นผู้ให้บริการด้านการแพทย์จึงควรนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาอย่างต่อเนื่องและช่วยพัฒนาการให้บริการด้านการแพทย์กับผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งเทคโนโลยีเกิดใหม่ โดยเฉพาะคลาวด์ การวิเคราะห์ (analytics) และนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ IoT (Internet of Things) จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้อุตสาหกรรมการแพทย์ในการปฏิรูปธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

“เราอยู่ในโลกที่โมบายล์และคลาวด์มีบทบาทสำคัญมากในการดำรงชีวิต การสร้างความมั่นใจทั้งในด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว

และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ คือปัจจัยสำคัญในการให้บริการด้านการแพทย์ที่น่าเชื่อถือและเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้วงการแพทย์ยุคดิจิทัลต้องให้ความสำคัญในการลงทุน”

Related Posts