ทีโอที เผยผลประกอบการ 11 เดือนแรกดีขึ้น แต่ยังขาดทุน

ทีโอที เผยผลประกอบการ 11 เดือนแรกดีขึ้น แต่ยังขาดทุน

ทีโอที เผยผลประกอบการ 11 เดือนแรกยังดีแม้จะเป็นตัวเลขขาดทุน มั่นใจอีก 1 เดือนที่เหลือเมื่อรวมกันแล้วก็ยังขาดทุน รอเซ็นสัญญากับเอไอเอสให้ทันภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้มีรายได้ในปีหน้าเดือนละ 325 ล้านบาท ส่วนสัญญากับดีแทคยังต้องรอ แต่หากได้ภายในต้นปีหน้าก็จะสามารถสร้างรายได้หลังจาก 3 เดือนที่เซ็นสัญญา ด้านโครงการเน็ตประชารัฐนั้นราคา 349 ที่ดีอีเสนอยังไม่คุ้มกับต้นทุน

นายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการตลอด 11 เดือนของปีนี้เป็นผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทีโอทีขาดทุนลดลง 55 % โดยมาจากการประหยัดค่าใช้จ่ายภายในองค์กร เช่น การจัดซื้อในราคาถูกลง โดยผลประกอบการ 11 เดือนอยู่ที่ 32,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้คือ 34,000 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 26,000 ล้านบาท และมี EBITDA ประมาณ 8,000 ล้านบาท

สำหรับอีก 1 เดือนที่เหลือเมื่อนำมารวมกันแล้วก็คาดว่าทีโอทียังขาดทุน แต่ยังไม่สามารถบอกตัวเลขได้ว่าขาดทุนเท่าไหร่ เพราะอยู่ระหว่างการรอตัวเลขค่าใช้จ่ายและค่าเสื่อมที่เหลือมาคิด แต่ทั้งนี้ทีโอทีหวังว่าจะได้เซ็นสัญญากับเอไอเอสให้ทันภายในปีนี้ เพราะร่างสัญญาต่างๆ ผ่านความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว รอเพียงการนัดวันเซ็นสัญญาเท่านั้น

และหลังจากเซ็นสัญญาแล้วทีโอทีจะมีรายได้ที่แน่นอนเดือนละ 325 ล้านบาท ส่วนร่างสัญญาที่ทำกับดีแทคกำลังอยู่ระหว่างรอความเห็นชอบจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าภายในต้นปีจะสามารถเซ็นสัญญาได้

“ในปี 2561 ทีโอทีจะกลับมามีกำไรสุทธิประมาณ 2,000 ล้านบาท หากได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจคลื่น 2300 MHz กับ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด บริษัทในเครือ ดีแทค ภายในต้นปีหน้า ซึ่งทีโอทีจะเริ่มได้รับรายได้จากสัญญาดังกล่าวภายในสิ้นไตรมาสแรกของปี หรือ หลังจาก 3 เดือนที่เซ็นสัญญา โดยรายได้ที่จะได้รับในปีหน้าอยู่ที่ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท”

นายมนต์ชัยกล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อรวมรายได้ที่ทีโอทีคาดว่าจะเซ็นสัญญาภายในสิ้นปีนี้กับ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวร์ค จำกัด (เอดับบลิวเอ็น) ในเครือ เอไอเอส ในคลื่น 2100 MHz อีกกว่า 10,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้ประจำของบริการทีโอทีเองแล้วคาดว่าปีหน้าทีโอทีจะมีรายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท คาดว่าจะมี EBITDA อยู่ที่ 11,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ทีโอทีจะสามารถมีรายได้จากการบำรุงรักษาโครงข่ายหลังจากติดตั้งโครงข่ายครบ 1 ปี จากโครงการเน็ตประชารัฐ ทีโอที ได้ติดตั้งครบทั้ง 24,700 หมู่บ้านแล้วในวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยโครงข่ายแรกที่ติดตั้งจะครบ 1 ปี ประมาณกลางปีหน้า นอกจากนี้ทีโอทียังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้จากบริการ ไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ รวมถึงแอปพลิเคชันบนโครงข่ายเน็ตประชารัฐได้

“ส่วนการจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการเน็ตประชารัฐนั้น ทีโอทีมองว่าราคาที่กระทรวงดีอี กำหนดที่ 349 บาทต่อเดือนนั้น เป็นราคาที่ต่ำเกินไป ดังนั้นหากทีโอทีจะเข้าร่วมโครงการก็ต้องมองหาวิธีการลดต้นทุนบางอย่างเพื่อให้สามารถให้บริการกับประชาชนได้”

Related Posts