อีริคสันเผยรายงานประจำปีฉบับที่ 7 เกี่ยวกับ 10 แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2561 และในอนาคต พบผู้บริโภคคาดหวังว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาสร้างความสะดวกสะบาย และ ‘หุ่นยนต์’ จะเข้ามาทำงานแทนจนทำให้มนุษย์มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันดิจิทัลก็อาจจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นจนทำให้คนปกติแยกไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นการกระทำของมนุษย์หรือเครื่องจักร และที่สำคัญเอไอจะเข้ามาตรวจสอบข้อมูลที่ถูกโพสต์ลงบนโซเซียลเน็ตเวิร์ค
นอกจากนี้ผู้บริโภคคาดหวังจะได้ใช้เทคโนโลยีที่ควบคุมด้วยเสียง การแสดงออกทางสีหน้า และท่าทาง หูฟังจะกลายเป็นอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานทุกวันตลอด 24 ชม. แม้ขณะนอนหลับ 51 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะสามารถทำให้โฆษณาดูเหมือนผลิตภัณฑ์จริงจนไม่สามารถแยกออก
ไมเคิล บิยอร์น หัวหน้างานฝ่ายวิจัย ห้องปฏิบัติการวิจัยผู้บริโภคของอีริคสัน กล่าวว่า เรากำลังเข้าสู่ยุคแห่งอนาคตที่อุปกรณ์ต่าง ๆ จะไม่จำเป็นต้องมีปุ่มเปิดปิดหรือสวิตช์ แต่จะถูกควบคุมด้วยระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟนแทน ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นและเป็นเรื่องยากสำหรับผู้คนที่จะต้องเรียนรู้การใช้งานแบบใหม่ในทุก ๆ อุปกรณ์ที่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับ Internet of Things
“ในวันนี้มันอาจจะดูยุ่งยากซับซ้อนในการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในโลกดิจิทัล แต่ในอนาคตอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นฝ่ายเรียนรู้เราเอง ในการที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง อุปกรณ์จะต้องสามารถถ่ายทอดข้อมูลปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีความซับซ้อนได้
เพื่อที่จะประมวลผลไปยังระบบ could และให้การตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติภายในเวลาอันรวดเร็วระดับหนึ่งในพันของหนึ่งวินาที และความต้องการเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นในยุคต่อ ๆ ไป”
โดยแนวโน้ม 10 ประการที่จะเกิดขึ้นในปี 2561 และในอนาคต ประกอบไปด้วย
1.ร่างกายของเราคือส่วนต่อประสาน : ผู้ใช้งานปัจจุบันมากกว่าครึ่งที่ใช้อุปกรณ์สั่งงานด้วยเสียงมีความเชื่อว่าเราจะใช้ท่าทาง การแสดงออกทางสีหน้า การออกเสียงสูงต่ำ และการสัมผัส ในการทำปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ราวกับเพื่อนมนุษย์ ผู้ใช้งานจำนวน 2 ใน 3 ส่วนคิดว่าแนวโน้มเช่นนี้จะเกิดขึ้นภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
2.เสียงที่ได้ยิน : 63 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคอยากได้หูฟังที่ช่วยแปลภาษาแบบ real time และ 52 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคต้องการที่จะใส่หูฟังเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากการกรนของคนในครอบครัว
3.เรียนรู้ตลอดเวลา : ผลการสำรวจระบุว่าผู้บริโภค 30 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าเทคโนโลยีใหม่ทำให้พวกเขารู้สึกล้าหลัง แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ยังทำให้พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ผู้บริโภค 46 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าอินเทอร์เน็ตทำให้พวกเขาได้เรียนรู้และลืมทักษะต่าง ๆ เร็วกว่าที่เคยเป็นมา
4.การออกอากาศทางสังคม : โซเซียลมีเดียยังคงถูกเผยแพร่ด้วยตัวกระจายภาพและเสียงแบบเดิม แต่ครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้บริโภคกล่าวว่า AI จะมีประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกโพสต์ลงบนโซเซียลเน็ตเวิร์ค
5.โฆษณาอัจฉริยะ : การทำโฆษณาสินค้าและผลิตภัณฑ์จะเป็นไปอย่างชาญฉลาด ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) จำนวนกว่าครึ่งคิดว่าการทำโฆษณาอัจฉริยะมีความเหมือนจริงมากจนแทบจะสามารถใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์จริงได้เลย
6.การสื่อสารที่แปลกไป : ผู้บริโภคจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์คิดว่าไม่สามารถบ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรได้ ผู้บริโภคจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ยังถูกหลอกด้วยสมาร์ทโฟนที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบต่ออารมณ์ของพวกเขาได้อีกด้วย
7.สังคมแห่งการผ่อนคลาย : 32 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนและคนทำงานคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะทำงานเท่านั้น 40 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าพวกเขาต้องการหุ่นยนต์ที่จะสามารถทำงานสร้างรายได้ให้แก่พวกเขา และยังสามารถมีเวลาพักผ่อนอีกด้วย
8.รูปถ่ายที่อยู่ในห้อง : จินตนาการทำให้เราสามารถเดินเข้าไปดูรูปและหวนระลึกถึงอดีตได้ ผู้บริโภคจำนวน 3 ใน 4 เชื่อว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า พวกเขาจะได้ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (virtual reality) เดินเข้าไปดูรูปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนได้
9.ถนนที่อยู่บนอากาศ : การจราจรบนถนนทั่วไปในเมืองอาจติดขัด แต่บนท้องฟ้ายังคงมีที่ว่าง ผู้บริโภคจำนวน 39 เปอร์เซ็นต์คิดว่าเมืองของพวกเขาต้องการโครงข่ายถนนสำหรับโดรนและยานพาหนะที่บินได้ อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีความกังวลว่าโดรนจะหล่นลงบนหัวของพวกเขาสักวัน
10.โลกแห่งอนาคต : โลกแห่งการเชื่อมต่อย่อมต้องการพลังงาน มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคเชื่อว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะมีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องที่ชาร์จอีกต่อไป
ทั้งนี้ข้อมูลในรายงาน 10 แนวโน้มผู้บริโภคปี 2561 มาจากห้องปฏิบัติการวิจัยผู้บริโภคของอีริคสัน ซึ่งทำการวิจัยมามากกว่า 22 ปี และผลสำรวจออนไลน์เกี่ยวกับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตใน 10 เมืองทีมีอิทธิพลทั่วโลก เมื่อเดือนตุลาคม 2560
การศึกษาในครั้งนี้อ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่างประชากรจำนวน 30 ล้านราย ซึ่งเป็นผู้ที่มีการปรับเปลี่ยนได้เร็วกว่าผู้อื่น ทำให้กลุ่มตัวอย่างมีความเข้าใจในการทำแบบสำรวจแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต