เนสกาแฟ ประเดิมเทคโนโลยีการผลิตใหม่ เปิดตัว ‘เนสกาแฟ โกล์ด ครีม่า’ ลุยพรีเมี่ยม

เนสกาแฟ ประเดิมเทคโนโลยีการผลิตใหม่ เปิดตัว ‘เนสกาแฟ โกล์ด ครีม่า’ ลุยพรีเมี่ยม

เนสกาแฟ เดินหน้าการผลิตกาแฟพรีเมี่ยมภายในประเทศ หลังเซ็ตโรงงานใหม่ ดึงเทคโนโลยีการผลิตเทียบเท่ามาตรฐานอังกฤษมาตั้งในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าประเดิมเปิดสายการผลิต ‘เนสกาแฟ โกล์ด ครีม่า’ กาแฟความละเอียดสูง 10 เท่า ที่มาพร้อมรสชาดและกลิ่นที่ถูกสรรค์สร้างด้วยความละเอียดอ่อน ลุยตลาดพรีเมี่ยมในไทย

นายแวลดดิสลาฟ อังดรีฟ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า โรงงานแห่งนี้ได้รับการติตตั้งเทคโนโลยีการผลิตที่เทียบเท่าการผลิตในประเทศอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยความสามารถของเทคโนโลยีทำให้ผงกาแฟมีความละเอียดมากกว่าเดิม 10 เท่า ซึ่งเมื่อผสมน้ำร้อนลงไปก็จะรวมตัวกับน้ำได้เป็นอย่างดี

ขณะที่กลิ่นก็สร้างความแตกต่างที่หอมละมุน เนื่องจากเป็นเครื่องจากที่มีความพิถีพิถันในการคั่วบด ควบคุมการให้ความร้อนได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้กลิ่นของกาแฟคั่วบดที่แตกต่างจากเดิมและสร้างความน่าหลงใหลได้อย่างลงตัว ขณะที่รสชาดที่เกิดจากการคั่วบดที่ละเอียดอ่อนและใส่ใจ ช่วยให้เกิดรสชาดที่กลมกล่อมและสร้างความแตกต่างจากที่เคยเกิดขึ้น

ทั้งนี้เดิมทีเนสกาแฟโกล์ด เป็นสินค้านำเข้าเท่านั้น เมื่อตลาดเริ่มมีการตอบรับดี เราจึงสร้างโรงงานเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งความแตกต่างของเนสกาแฟเรดคัพ และเนสกาแฟ โกล์ด มีความแตกต่างทั้งในส่วนของกระบวนการผลิตของกาแฟ ตลอดจนความแตกต่างของรสชาด เพื่อสอดรับกับความนิยมในแต่ละระดับของผู้คน

สำหรับเนสการแฟในประเทศไทย ในกลุ่มของเรสคัพและคอฟฟี่มิกซ์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เนสกาแฟก็มีการรีลอนซ์ เพื่อให้เกิดการเข้าใจเรื่องของแบรนด์ที่ดีขึ้น ขณะที่กลุ่มพรีเมี่ยม ที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับสินค้ากลุ่มนี้ และอีกกลุ่มเป็น RTD ซึ่งเป็นกลุ่มที่พร้อมดื่มในทุกๆขณะ เพื่อตอบรับวิถีชีวิตที่แตกต่างของแต่ละบุคคล

เนสกาแฟ โกล์ด ครีม่า

 

ในช่วงที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มหลักยังคงเป็นกลุ่มเมนสตรีม ซึ่งมีทั้งเนสกาแฟเรดคัพและเนสกาแฟมิกซ์ ซึ่งแม้ว่าจะยังคงมีการเติบโตแบบติดลบเล็กน้อย แต่ในส่วนของตลาดพรีเมี่ยมก็เติบโตขึ้นราว 20-30% และเป็นการเติบโตที่น่าสนใจ

แน่นอนว่าความแตกต่างของกาแฟ ที่แม้ว่าจะดูเป็นเมล็ดพันธุ์เดียวกันแต่ก็ให้ความแตกต่างของรสชาดและกลิ่นที่แตกต่างกัน ขณะที่กรรมวิธีที่แตกต่างกัน ก็ย่อมสร้างความแตกต่างที่สามารถทำให้สินค้าในอนาคต มีความแตกต่างในส่วนของรายละเอียดกรรมวิธี เพื่อให้เกิดลักษณะเฉพาะของรสชาดได้อย่างสมบูรณ์แบบและตรงความต้องการผู้บริโภคมากที่สุด

เรื่องที่น่าสนใจคือ แม้ว่าในตลาดจะมีกาแฟพรีเมี่ยมของหลายๆแบรนด์อยู่บ้าง ซึ่งนำเข้ามาจากหลายๆแหล่งผลิตของโลก แต่เราก็ยังต้องการทำกาแฟพรีเมี่ยมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะ มีการผลิตในประเทศไทย และออกแบบกาแฟบนพื้นฐานของความต้องการคนไทย ซึ่งเรามั่นใจว่าเรามีความเข้าใจผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทำให้เรานำเทคโนโลยีขั้นสูงของเนสกาแฟเข้ามาผลิตกาแฟพรีเมี่ยมในประเทศไทยอย่างจริงจัง

โดยเราเชื่อว่าเทรนด์ของผู้บริโภคเริ่มมีความสนใจในส่วนของกาแฟรีพรีเมี่ยมมากขึ้น มีความสนใจในความแตกต่างที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ความท้าทายของการเกิดขึ้นของ เนสกาแฟ โกล์ด ครีม่า ก็เพื่อเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของรสชาด และกลิ่นสัมผัสที่เหนือระดับนั่นเอง

มูลค่าตลาดพรีเมี่ยมคาดว่าจะมีอยู่ราว 1,200 ล้านบาท ซึ่งเนสกาแฟมีมาเก็ตแชร์อยู่ที่ราว 42% และนับว่ามีการเติบโตมากกว่าตลาดรวม ขณะที่ภาพรวมตลาดกาแฟสำหรับประเทศไทยมีอยู่ราว 18,000 ล้านบาท ทรีอินวัน และผงพร้อมชง ประมาณ 14,000 ล้านบาท และผงสำเร็จรูป 4,000 ล้านบาท และอีกส่วนเป็นตลาด RTD ที่แยกออกมาต่างหาก คาดว่าจะมีอยู่ราว 12,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดกาแฟนอกบ้าน 60% และตลาดกาแฟในบ้าน 40% ขณะที่นอกบ้าน 20% ซื้อกินในคอฟฟี่ช้อป และ 80% ยังดื่มในออฟฟิศ

เนสกาแฟ โกล์ด ครีม่า

ทั้งนี้ การเปิดตัวเนสกาแฟ โกลด์ เมื่อปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและเสริมสร้างแบรนด์เนสกาแฟ โกลด์ให้ก้าวขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของกาแฟระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทย โดยครองตำแหน่งผู้นำตลาดกาแฟสำเร็จรูประดับพรีเมี่ยม ความสำเร็จครั้งนี้ยังเห็นได้จากอัตราการรับรู้ของแบรนด์เนสกาแฟ โกลด์เพิ่มขึ้นเป็น 93% อีกด้วย

เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา ใหม่ เปิดตัวในบรรจุภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของเนสกาแฟ โกลด์ สุดล้ำด้วยนวัตกรรมการดีไซน์ที่ลงตัว ซึ่งเปิดตัวในประเทศไทยในช่วงเดียวกันกับหลายประเทศในยุโรปตะวันตก โดยบรรจุภัณฑ์ใหม่มาพร้อมกับฝาสีทองสุดหรูและขวดทรงสูงทันสมัย เพื่อดึงดูดใจผู้บริโภครุ่นใหม่

เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา ใหม่ วางจำหน่ายแล้ววันนี้ใน 4 ขนาด ได้แก่ แบบขวดขนาดบรรจุ 200 กรัม ราคา 245 บาท ขนาดบรรจุ 100 กรัม ราคา 140 บาท และแบบซองขนาดบรรจุ 100 กรัม ราคา 125 บาท ขนาดบรรจุ 35 กรัม ราคา 49 บาท ที่ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ

Related Posts