Nissan Note เล็กแต่กว้าง แถมอัดไฮเทคแบบเกินหน้าเกินตา

Nissan Note เล็กแต่กว้าง แถมอัดไฮเทคแบบเกินหน้าเกินตา

การจะเลือกรถยนต์นั่งเล็กๆ สักคันไว้ขับในเมืองเป็นหลัก ออกต่างจังหวัดใกล้ๆ บ้าง ถ้าตั้งโจทย์แบบนี้ ตัวเลือกคงมีมากมายก่ายกอง เพราะในเมืองไทยมีรถในเซ็กเมนต์ที่ว่านี้มากมายหลายรุ่น แต่ถ้าโฟกัสความต้องการให้แคบลงอีกสักหน่อย อย่างเช่น หน้าตาน่ารัก ใช้แล้วไม่เอาท์ และภายในกว้างขวางสามารถขนทั้งคนทั้งของได้แบบเกินหน้าเกินตาคนอื่น แบบนี้ตัวเลือกคงจะเหลือน้อยลงบ้าง

Nissan Note คือความสดใหม่และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ มีสีสันสดใสสะดุดตา (อย่างที่ Thereporter.asia ได้มาลองขับกันคันนี้ที่เด่นมาก) และแม้จะมีขนาดตัวถังยาวเพียง 4,105 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,535 มิลลิเมตร แต่ก็มีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,600 มิลลิเมตร จนเรียกได้ว่ามีความยาวฐานล้อมากที่สุดในบรรดารถเก๋งคันเล็ก และที่สำคัญแม้ภายนอกจะดูเหมือนเท่าๆ กับคนอื่น แต่หากเข้ามาดูภายในแล้ว อาจจะทำให้เราต้องร้องว๊าวกับพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง ที่กว้างเสียจนไม่น่าเชื่อ

Nissan Note

“กว้างถึงขนาดที่ว่าเราสามารถนั่งไขว่ห้างได้แบบสบายๆ จนรถเก๋งขนาดใหญ่บางรุ่นยังต้องอาย หรือถ้าเป็นแบบพวกงานรัดตัวหน่อยก็สามารถหาโต๊ะเล็กๆ มาวางโน๊ตบุ๊กแทนการวางบนตัก วางอุปกรณ์ที่หลากหลายได้แบบรอบตัว สามารถทำงานระหว่างรถติดได้แบบสบายๆ เช่นเดียวกับสายปาร์ตี้ที่ชีวิตนี้มีแต่การสังสรรค์ก็สามารถนำกระติกน้ำแข็งขนาดพอเหมาะมาวางแช่เครื่องดื่ม เพื่อสนุกสนานกันในกลุ่มเพื่อนระหว่างเดินทางไปเที่ยวกันได้เลย”

ไม่ใช่แค่ความกว้างเท่านั้นที่เด่นมากๆ ในรถรุ่นนี้ แต่สิ่งที่ต้องโฟกัสที่สุดสำหรับรถคันนี้คือเทคโนโลยีรอบคันที่จัดให้กันมาแบบเต็มๆ ช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้น และเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้ ฟังก์ชันความบันเทิง รวมไปถึงด้านความปลอดภัยแบบเชิงป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซึ่งสำคัญไม่แพ้ระบบป้องกันระหว่างเกิดเหตุ ใส่มาให้แบบน่าสนใจใช้ได้ทุกวัน ไม่ใช่ใส่มาจนล้นแบบถุงลมนิรภัย 7-8 ใบ แต่จะใช้ได้แค่วันใดวันหนึ่งเท่านั้น (แต่คงไม่มีใครอยากใช้)

เริ่มตั้งแต่กุญแจรีโมทอัจฉริยะที่เพียงแค่กดที่ปุ่มบนมือจับเปิดประตูรถ ของ นิสสัน โน๊ต ก็สามารถเปิดประตูได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องล้วงหากุญแจออกจากกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าถือให้ดูวุ่นวาย ที่สำคัญยังได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวรถยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Immobilizer เช่นเดียวกับเมื่อเข้ามาในรถเราก็ยังไม่ต้องหยิบกุญแจ เพราะชมพูจี๊ดคันนี้เป็นรุ่นทอป 1.2 VL มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ทำให้เราสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ง่ายและทันใจเพียงปลายนิ้วสัมผัส

ระบบดับและติดเครื่องยนต์เองอัตโนมัติขณะรถติดหรือ Auto-Start Stop ที่เราคุ้นเคยกับรถร่วมรุ่นอย่างอัลเมร่านั้น Note ก็จัดมาให้เช่นกัน แต่เด่นสุดของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง มองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน และตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ/บุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection) โดยแสดงผลที่กระจกมองหลัง ให้ความปลอดภัย ซึ่งฟังก์ชันนี้ส่วนใหญ่เราจะเห็นในรุ่นรถราคาแพงเท่านั้น นี่จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่รถคันเล็กๆ ราคากระทัดรัดแบบนี้จัดมาให้

Nissan Note

เช่นเดียวกับ Intelligent Forward Collision Warning หรือระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ ซึ่งเซ็นเซอร์จากกล้องด้านหน้ารถจะตรวจจับบุคคลหรือยานยนต์บริเวณด้านหน้ารถ แล้วส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด เมื่อรวมกับ Intelligent Emergency Braking หรือระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ โดยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วด้วยกล้องด้านหน้า แล้วช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถ บรรเทาอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดจากการชนรถคันอื่นหรือแม้แต่คนเดินถนน

Lane Departure Warning ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง ระบบจะเตือนผู้ขับขี่ ด้วยเสียงและสัญญาณไฟที่บริเวณหน้าปัดเมื่อรถออกนอกช่องทางโดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบจะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม. ซึ่งนี่ก็เป็นอีกระบบหนึ่งที่เราจะได้เห็นเฉพาะรถยนต์ที่รุ่นใหญ่ราคาแพงกว่า

Nissan Note

และระบบที่บรรยายมาทั้งหมดนี้มองดูคู่แข่งรอบๆ ตัวแล้วในระดับราคาเดียวกันนั้นยังไม่มี ที่มีคล้ายกันมีราคาที่สูงกว่ากันพอสมควร ซึ่งระบบไฮเทคที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลนั้น ถ้าเรารู้สึกว่าไม่อยากให้พวกมันทำงานก็มองใต้ช่องแอร์ฝั่งขวาด้านคนขับ เพราะจะมีสวิตช์ให้เปิดปิดได้ดั่งใจ

ทางด้านความบันเทิงนั้น Note รุ่นทอปคันนี้ มาพร้อมระบบเครื่องเสียง วิทยุ KENWOOD จอ Touch Screen 7 นิ้ว เล่นได้ทั้ง CD MP3 DVD แบบ 1 แผ่น หน้าจอสี LED แบบสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ USB และ Bluetooth สามารถเชื่อมต่อกับมือถือเพื่อฟังเพลงโปรดที่เก็บไว้ในมือถือของเราเอง

Nissan Note

หรือจะฟังจากแอปพลิเคชันฟังเพลงที่มีมาให้เลือกมากมายก็ทำได้ง่าย ผ่านจอแบบทัชสกรีนที่ใช้งานไม่ยาก ค่อยๆ เรียนรู้กันไป เพราะในระหว่างที่ขับรถก็ได้ลองให้น้องที่นั่งไปด้วยลองเชื่อมต่อ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยประสีประสากับเทคโนโลยีสักเท่าไร ก็ยังใช้งานได้แบบชิวๆ

ถ้าชอบใช้สายอาจจะเลือกการเชื่อมต่อด้วยการใช้สาย ก็มีช่องต่อ iPod/USB เพียงแค่เสียบสาย iPod หรือเครื่องเล่น MP3 แบบพกพาอื่นๆ ผ่านช่องต่อ USB ก็สามารถควบคุม และสั่งการทำงานต่างๆ ได้ง่ายดายผ่านแผงควบคุมเสียงบนรถ ส่วนเครื่องปรับอากาศก็เป็นแบบอัตโนมัติพร้อมหน้าจอ Digital ที่ให้ความเย็นดีมาก เย็นจนบางทีก็หนาวจนต้องปัดไปทางอื่น

Nissan Note

เรารู้จักกับเทคโนโลยีที่เต็มเพียบจนล้นรถไปแล้ว ลองหันมามองรอบๆ คันกันบ้าง Note คันนี้แม้มองเผินๆ ก็จะทรงไม่ต่างจากยี่ห้ออื่นในแบบเดียวกัน แต่หากมองดีๆ แล้วจะพบถึงลูกเล่นรอบคันที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้เด่นกว่าได้ไม่น้อย เริ่มกันตั้งแต่ไฟหน้าที่ดูโฉบเฉี่ยวและมีเส้นสายลากต่อเนื่องไปกับกระจังหน้า

โคมไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม LED Signature Light ไฟตัดหมอกคู่หน้า โดยไฟหน้าสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ ส่วนไฟท้ายที่ต้องบอกว่าออกแบบได้เย้ายวนและลงตัว และกลายเป็นจุดน่าสนใจได้ไม่ยาก เพราะมาพร้อมไฟเบรกแบบ LED เบรคทีเด่นสะดุดตา

Nissan Note

ภายในออกแบบด้วยโทนสีดำและแตกต่างด้วยวัสดุสีเงินทั้งหัวเกียร์ ฐานเกียร์ ส่วนวัสดุตกแต่งคอนโซลกลางสีเปียโน แบล็ค พวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต แบบ D-Shape ปรับสูงต่ำได้ และในรุ่นที่ขับนี้เป็นแบบมัลติฟังก์ชัน สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ได้เพียงกระดิกนิ้วเท่านั้น

ด้านมาตรวัดเรืองแสงเป็นแบบมัลติฟังก์ชัน ดิสเพลย์ (MID) แสดงข้อมูลการขับขี่ แสดงระยะการเข้ารับบริการ อุณหภูมิภายนอก นาฬิกาดิจิทัล เสียงสัญญาณเตือนลืมปิดไฟหน้า และระบบเตือนเมื่อลืมกุญแจ

ส่วนระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และที่ปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา ระบบไล่ฝ้าากระจกหลังแบบตั้งเวลา กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ กระจกมองหลังในรุ่น VL ตัดแสงอัตโนมัติ

Nissan Note

เบาะด้านผู้ขับขี่สามารถปรับสูง-ต่ำได้ และสามารถปรับได้เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่แต่ละคน มุมมองรอบตัวรถมีความปลอดโปร่งและมองได้แบบสบายๆ ทำให้การเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาหรือเปลี่ยนเลนทำได้อย่างง่าย เช่นเดียวกับในส่วนของเครื่องยนต์นั้น Note มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1,198 ซีซี ให้พลัง 79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.8 กก.-ม.ที่ 4,400 รอบ/นาที รองรับน้ำมันสูงสุด E20 และมีระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดวิ่ง idling stop

การใช้งานในเมืองจะให้ความคล่องแคล่วและว่องไวดี ซอกแซกไปตามตรอกซอกซอยได้แบบมั่นใจ เพราะเรามีกล้องมองรอบตัว ที่จะสามารถกดปุ่มที่กระจกมองหลังเพื่อให้กล้องทำงาน เราจะได้รู้เลยว่ามุมด้านหน้าที่เราเคยมองไม่เห็นนั้นมีอะไรเกะกะบ้าง จากเดิมที่ต้องค่อยๆ ขยับตัวไปมาโดยที่มองไม่เห็นอะไรเลย และอาจไปเฉี่ยวชนกับของเกะกะรอบตัวได้ แต่สำหรับการใช้งานในช่วงความเร็วสูงๆ นั้น คนเท่าหนักอาจจะอึดอัดสักหน่อย เพราะเครื่องมันเล็ก ไม่เหมาะที่จะเอาไปท้ารบกับใคร

สำหรับการเดินทางไกลนั้นช่วงล่างที่เซ็ตมาเป็นอย่างดี การตอบสนองของช่วงล่างและพวงมาลัยให้ความมั่นใจ ทำให้เราไม่รู้สึกเหวอ แต่การไต่ความเร็วก็จะไปแบบเรื่อยๆ การเดินทางในระดับ120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมีความมั่นใจได้ แต่ก็แนะนำให้ใช้ความเร็วตามที่กฏหมายกำหนด เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะต้องเสียเงินเพื่อให้ทานระหว่างทางได้

Nissan Note

ส่วนอัตราเร่งก็เป็นไปตามที่บอกว่าต้องเผื่อไว้สักหน่อย และก็ไม่ควรแซงในทางคับขัน เพราะนี้คือรถคันเล็กไม่ใช่ซุปเปอร์คาร์ จึงเหมาะที่จะเดินทางไกลในแบบชิวๆ มากกว่าขาโหด ทางด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้นไม่ได้วัดอย่างจริงจัง แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 17 กิโลเมตร/ลิตร อย่างแน่นอน

ในส่วนของระบบเบรคนั้นเบรกหน้าเป็นแบบ ดิสค์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลัง ดรัมเบรก มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ แอลอีดี เห็นได้ชัดเจน รวมไปถึงระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ลดปัญหารถไหลเมื่อออกตัว

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้า กลายเป็นอุปกรณ์ เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด ปรับระดับสูง – ต่ำได้ เช่นเดียวกับเข็มขัดนิรภัยบนเบาะแถวหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ทั้ง 3 ที่นั่ง เช่นเดียวกัน รวมทั้งจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กทารก ISOFIX ก็ให้มาด้วย

Nissan Note

Note มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดง เรเดียน เรด, สีชมพู สวีท พิงค์ (คันที่นำมาขับนี้), สีม่วง พลัม, สีขาว ไวท์ เพิร์ล, สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ และสีดำ แบล็ค สตาร์ โดยมี 2 รุ่น ย่อย คือ 1.2V และ 1.2 VL

Related Posts