แว๊บแรกที่เห็น MG ZS ถ้าไม่บอกราคาอาจจะต้องเดาไปว่ารถสีแดงตรงหน้านี้ทะลุหลักล้านแน่ๆ เพราะ “ดูแพง” กว่ารุ่นอื่นๆ และดูหรูกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน และอาจจะต้องตกใจเข้าไปอีกเมื่อรู้ว่ารถคันนี้มีหลังคากระจกทั้งแผ่นแบบ PANORAMIC SUNROOF กินเนื้อที่ถึง 90% ของหลังคา แบบที่รถแพงๆ เขามีกัน
และที่สำคัญยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีไอทีที่ทำให้เราต้องตะลึง เพราะนี่เป็นสิ่งที่แบรนด์ MG น้องใหม่ต้องการนำเสนอความคุ้มค่าที่มากกว่าในราคาไม่ถึง 8 แสนบาท
นี่ไม่ได้อวยจนออกนอกหน้า แต่อยากจะบอกว่าสำหรับผูู้บริโภคคนไทยนั้นที่ผ่านมาเรามักจะคุ้นเคยกับการจ่ายเงินให้กับค่าแบรนด์มากกว่าความคุ้มค่าของราคารถ เราจะไม่เคยได้ใช้สิ่งดีๆ กัน ถ้ารถคันนั้นราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท หรือตอนนี้รถบางรุ่นราคาทะลุล้านบาทก็ยังไม่ได้ให้อะไรได้มากกว่าซื้อง่ายขายคล่อง มีแอร์แบ็คและเอบีเอส อาจจะมีจอหลายๆ สีมาให้สัมผัสกันขำๆ แต่ทำอะไรไม่ค่อยได้
แต่สำหรับ MG ZS 1.5 x รุ่นท็อปคันนี้ พกเทคโนโลยีมาตอบสนองไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างเต็มที่ และน่าจะทำให้วัยดิจิทัลต้องร้องว๊าวววว เริ่มตั้งแต่สิ่งที่เราคุ้นเคยในภาพยนตร์โฆษณา ที่เราเพียงแค่พูดคำว่า “ฮัลโหล เอ็มจี” ตามด้วยคำสั่งภาษาไทย ก็สามารถควบคุมระบบการทำงานหลากหลายฟังก์ชันบนรถยนต์ MG ได้ง่ายๆ
ไม่ว่าจะเป็นระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เนวิเกเตอร์ ปรับอุณหภูมิแอร์ สั่งโทรออกและรับสาย หรือแม้แต่สั่ง เปิด-ปิด หลังคาซันรูฟ ถือเป็นครั้งแรกในโลกที่มีระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย เพราะหลายๆ แบรนด์ก่อนหน้านี้แม้จะมีการสั่งการด้วยเสียง แต่ต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
การทดลองขับครั้งนี้เราไม่ได้ใช้คำสั่งเสียง เนื่องจากเป็นระหว่างทางมีผู้โดยสารมากและเปิดเครื่องเสียงค่อนข้างดัง อาจทำให้เสียงไม่ชัดเจน จึงใช้วิธีกดที่พวงมาลัยก่อนค่อยสั่งงาน ซึ่งก็ถือว่าใช้ได้เพราะไม่ต้องใช้โทนเสียงแบบฝรั่ง ก็สามารถใช้เสียงไทยๆ สั่งโน่นนี่นั่นได้ตามสะดวก ชอบที่สุดน่าจะเป็นการเปิดซันรูฟ ที่ดูเหมือนว่าเราไม่ต้องเอื้อมมือไปกดให้เสียสมาธิ แค่พูดออกไปก็ได้ดั่งใจแล้ว แถมยังเปิดได้กว้างมากๆ
ยังไม่พอนอกจากจะมีฟังก์ชันที่บรรจุเอไอไว้ในรถเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับแล้ว เอ็มจียังมีแอปพลิเคชัน MG iSMART ที่ทำให้เราสามารถด้วยควบคุมและอัปเดทข้อมูลสถานะรถยนต์ได้ง่ายดาย ดาวน์โหลดกันได้ทั้ง Android และ iOS เหมาะกับสังคมก้มหน้ามากๆ เพราะระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปที่รถ เราสามารถใช้แอปพลิเคชันนี้ สำหรับการเปิดระบบปรับอากาศก่อนขึ้นรถยนต์ พอไปถึงรถก็สัมผัสความเย็นสบายได้ทันที
นอกจากนี้แอปพลิเคชันจะมีระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับรถ และสามารถบอกตำแหน่งรถได้ไม่ว่าอยู่ที่ไหน สร้างความสบายใจไร้กังวลให้ไม่น้อย และสำหรับคนที่ชอบหลงทางหน้าจอทัชสกรีนที่อยู่ตรงหน้า ยังมาพร้อมฟังก์ชันการตรวจสอบสภาพจราจรแบบเรียลไทม์ และรายงานตำแหน่งรถยนต์ผ่านระบบแผนที่ iGO ที่นอกจากนี้ยังเป็นผู้ช่วยค้นหาสถานที่แล้ว ยังให้คำแนะนำด้านไลฟ์สไตล์ เรื่องกิน ดื่ม เที่ยว ได้ตลอดการเดินทาง
วิธีใช้ก็ไม่ยากเจ้าของรถสามารถลงทะเบียนได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟน เพียงเข้าในดาวน์โหลดแอปตั้ง Username และ Password พร้อมระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และรอรับรหัสยืนยันการลงทะเบียนผ่าน SMS และกรอกรหัสดังกล่าว พร้อมหมายเลขตัวถังและหมายเลขเครื่องยนต์กับตั้งค่า PIN CODE สำหรับระบบสั่งการรถยนต์ เท่านี้ก็สามารถเชื่อมต่อรถยนต์ MG ผ่านระบบอัจฉริยะได้แล้ว
ด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้นดังนั้นจึงยังไม่สามารถที่จะใช้ฟังก์ชันได้แบบครบๆ แต่เท่าที่ลองใช้ดูก็ค่อนข้างพอใจ เพราะสิ่งที่มีคู่แข่งไม่มี โดยนอกจากเสียงภาษาไทยแล้ว หน้าจอยังแสดงผลภาษาไทยอีกด้วย ทำให้เวลาเปิดเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตแล้ว เราจะรู้ว่าชื่อเพลงคือเพลงอะไร ไม่ใช่เป็นภาษาต่างดาวเหมือนค่ายอื่นๆ ถือเป็นการเรียนรู้ที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญการเชื่อมต่อระหว่างมือถือและรถยนต์ทำได้ไม่ยากเลย
อีกเทคโนโลยีที่แม้จะไม่ได้ต่างจากคู่แข่งบางแบรนด์ แต่ก็ถือว่าการให้มาครั้งนี้ดีและใช้งานง่ายอย่างเช่น กล้องมองหลัง (REARVIEW CAMERA) และสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง (REAR PARKING SENSOR) ที่ช่วยให้การจอดรถแม่นยำและง่ายขึ้นได้จริง
โดยที่ระยะต่างๆ ทำได้ดีและไม่หลอกตา ทำให้เวลามองจอไม่ต่างกับความเป็นจริง รวมถึงไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ FOLLOW ME HOME LIGHT ที่เปิดสว่างสักพักหนึ่งเพื่อให้สามารถเดินเข้าบ้านได้แบบไม่มืดมิด
ถัดจากเรื่องไอทีมาที่ตัวรถกันบ้าง กุญแจของ MG ZS ทุกรุ่นเป็นกุญแจรีโมตใช้ในการเปิดและล็อกรถ แต่ไม่มีระบบ Smart Entry มาให้ แต่ก็เสริมด้วยสวิตช์สั่งเปิดฝาท้ายมาให้เพื่อความสะดวก ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่น่าบ่นหรอกเพราะเทคโนโลยีอื่นที่ให้มาก็สมราคาอยู่แล้ว
อย่างที่เกริ่นไปช่วงแรกว่ารถดูแพงกว่าราคาจริง ซึ่งไม่ใช่แค่ภายนอกเท่านั้นแต่การออกแบบภายในก็ถือว่าดี คอนโซลตกแต่งพิเศษด้วยวัสดุที่ดูแล้วสบายตา และทำให้ห้องโดยสารดูหรูขึ้นด้วยสีทูโทน ต้องบอกเลยว่าโดยภาพรวมของรถคันนี้ตกแต่งได้ดีมากๆ เช่นเดียวกับเบาะนั่งคู่หน้าที่อยู่ในตำแหน่งที่นั่งสบาย ความสูงและการปรับระดับทำได้อย่างเหมาะสม
ส่วนเบาะหลังที่นั่งสบายเกินคาด ตำแหน่งกำลังดีวางแข้งวางขาได้แบบไม่อึดอัด ส่วนพื้นที่ท้ายนั้นถ้าโดยปกติก็ถือว่ามีพื้นที่ให้ขนของได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นเบาะแบบพับได้แบบ 60:40 ก็จะได้ความจุเพิ่ม เรียกได้ว่าสำหรับภายในห้องโดยสารนั้นโดยภาพรวมค่อนข้างพอใจมาก
หลังจากที่พึงพอใจกับสิ่งต่างๆ ที่ให้มาแบบเต็มที่แล้วมาดูที่เรารู้สึกอึดอัดกันสักนิด ก็คือเรื่องของอัตราเร่ง เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ตอบสนองได้ดีพอใช้
แต่ถ้าให้เครื่องยนต์ที่แรงกว่านี้ น่าจะทำให้ความชอบทะลุไปถึงระดับ 10 ได้ไม่ยาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกก่อนว่าไม่น่าใช่ปัญหาสำหรับคนที่ชอบขับเรื่อยๆ ชิวๆ หรือการใช้งานในเมืองที่ให้ความคล่องตัวได้เป็นอย่างดี เพราะประสิทธิภาพเครื่องยนต์ไม่ได้แย่ แต่ไม่เหมาะสำหรับคนเท้าหนักเท่านั้นเอง
เช่นเดียวกับหากนั่งกันแบบเต็มทุกที่นั่งแล้วการเร่งแซงต้องกะระยะที่เหมาะสม ไม่ใช่นั้นอาจจะแซงออกไปแล้วต้องกลับมาอยู่ที่เดิม ส่วนความเร็วสูงสุดในครั้งนี้ไม่ได้ทดสอบ เพราะมีการหากินกันบนถนนหลวงพอสมควร เสี่ยงต่อการเสียเงินโดยใช่เหตุ และเราก็คิดว่าการใช้ความเร็วที่เหมาะสมมีความปลอดภัยมากกว่า
ส่วนการบังคับควบคุมและการทรงตัวนั้น ต้องบอกเลยว่าการเช็ตช่วงล่างมาค่อนข้างดี การทรงตัวในความเร็วย่านต่างๆ ให้ความมั่นใจได้มาก แม้จะขับในระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปก็ยังไว้ใจได้เสมอ การเปลี่ยนเลนกระทันหันมีความหนึบแน่นแบบรถยุโรปให้ได้สัมผัสกัน
นอกจากนี้พวงมาลัยยังสามารถปรับความหน่วงมือได้ 3 ระดับซึ่งในครั้งนี้ไม่ได้ปรับอะไร เพราะแบบปกติก็ดีอยู่แล้วมีการเพิ่มน้ำหนักให้ตามความเร็วอยู่แล้วทำให้ขับทางไกลเร็วๆ มั่นใจได้ไม่เหวอ เช่นเดียวกับในส่วนของเบรคนั้นก็ให้ความมั่นใจได้ดีแม้อาจจะต้องกดลึกสักหน่อย แต่ก็เอาอยู่ในทุกสถานการณ์
ปิดท้ายกันที่ระบบรักษาความปลอดภัยที่ให้มากันแบบเต็มๆ เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบเบรค ABS ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน EBD ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBA ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ SCS ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง TCS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
และควบคุมการลื่นไถล HAS ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน TPMS ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง ESS ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ที่จะเปิดเมื่อมีการเบรกกะทันหัน เพื่อเตือนรถคันหลัง ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ