การพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้านจำเป็นต้องมีการนำผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาช่ วยเหลือ และทำงานในเมืองไทยในช่ วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาพบว่าการออกวีซ่ าในรูปแบบปกติที่ต้องต่ออายุทุก 3 เดือน และไม่สามารถให้ครอบครัวติ ดตามเข้ามาด้วย
กลายเป็นปัญหาที่สำคัญที่จะดึ งผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเข้ามา ด้วยเหตุนี้เองหลายหน่วยงานจึ งต้องช่วยกันผลักดันให้เกิ ดการออกวีซ่าแบบพิเศษที่เรียกว่ า SMART Visa ซึ่งจะช่วยดึงดูดบุคลากรที่มี ความรู้ความสามารถสูงเข้ ามาทำงานในประเทศไทย
โครงการวีซ่าประเภทพิเศษ (SMART Visa) เป็นดึงดูดชาวต่างชาติที่เป็นผู้ เชี่ยวชาญ ผู้บริหารระดับสูง หรือนักลงทุน เข้าทำงานหรือลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
ประกอบด้วย 1.อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจริยะ 3.อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่ มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิ งสุขภาพ
4.อุ ตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชี วภาพ 5.อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 6.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 7.อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติ กส์
8.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชี วภาพและเคมีชีวภาพ 9.อุตสาหกรรมดิจิทัล 10.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร
โดยทั้ง 10 อุตสาหกรรมล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่ ประเทศไทยยังไม่มีผู้เชี่ ยวชาญอย่างแท้จริง ซึ่ง บีโอไอ ได้กำหนดประเภทของการรับรองคุ ณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รั บสมาร์ทวีซ่า ทั้งหมด 4 ประเภท
ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานที่จะตรวจสอบและให้ การรับรองคุณสมบัติของผู้ยื่ นขอสมาร์ทวีซ่า
โดยวีซ่า ทั้ง 4 ประเภท ประกอบด้วย 1. SMART “T” (Talents) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 2. SMART “I” (Investors) ลงทุนในบริษัทที่ใช้เทคโนโลยี เป็นฐานในการทำธุรกิจและอยู่ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
3. SMART “E” (Executives) ผู้บริหารระดับสูงที่ทำงานในบริ ษัทที่ใช้เทคโนโลยีเป็ นฐานในการทำธุรกิจและอยู่ในอุ ตสาหกรรมเป้าหมาย และ 4. SMART “S” (Startups) กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่ มต้น
SMART Visa จึงเป็นเสมือนบัตรผ่านพิเศษสามารถนำครอบครัวเข้ามาอยู่ และทำงานได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขี ดความสามารถในการแข่งขัน และผลักดันประเทศไปสู่เศรษฐกิ จที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
ซึ่งล่าสุดในการให้วีซ่าแบบพิ เศษนี้สำนักงานคณะกรรมการส่ งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอได้จั บมือสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)แต่งตั้ง ทรู อินคิวบ์ ร่วมรับรองคุณสมบัติสตาร์ทอัพต่ างชาติ
ผู้มีสิทธิรับ SMART Visa ประเภท SMART “S” ประเดิมพันธมิ ตรเอกชนรายแรกในไทย
ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านนวั ตกรรมและความยั่งยืน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ที่ผ่านมาทรูได้ร่วมผลักดั นในเรื่องนี้มาโดยตลอด
เนื่องจากการออกวีซ่าเป็นปัญหาอย่างมากในการนำผู้เชี่ ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามา เราจึงแชร์เรื่องนี้ให้กับภาครั ฐได้รับรู้ ซึ่งในส่วนของทรูเองจากการที่ ได้สัมผัสมาพบว่ามีผู้เชี่ ยวชาญจำนวนมากอยากมาอยู่เมื องไทย
แต่ติดในเรื่องดังกล่าว ซึ่งนับจากนี้จะไม่กลายเป็นปั ญหาอีกต่อไป และการที่ทรูอินคิวบ์เข้ามาร่ วมในเรื่องนี้ก็จะช่วยแก้ปั ญหาเรื่องการพิจารณาที่เป็ นคอขวดของภาครัฐให้ สะดวกและรวดเร็วขึ้น
การที่ทรูอินคิวบ์ได้เป็นพั นธมิตรบริษั ทเอกชนรายแรกในประเทศไทย ที่สามารถให้การรับรองคุณสมบัติ ของสตาร์ทอัพต่างชาติที่ยื่ นขอสมาร์ทวีซ่า ประเภท SMART “S” เพราะได้ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
ประกอบกับทรูเองก็มีโครงการสตาร์ทอัพเป็นของตนเอง และมีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะเข้ ามาร่วมผลักดันโครงการต่างๆ กว่า 100 ราย
ซึ่งความสามารถให้การรับรองได้ นั้นจะทำให้เราสามารถดึงดูดให้ คนเก่งๆ และนักลงทุนให้เข้ามามากขึ้น สามารถพัฒนาไปสู่อีโคซิสเต็มได้ รวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้สตาร์ทอัพที่ผ่านการคั ดเลือกเข้าร่วมโครงการบ่มเพาะ (Incubation) หรือ โครงการเร่งการเติบโต (Accelerator) ของทรู อินคิวบ์ จะได้รับการรับรองดังกล่าวโดยอั ตโนมัติ
สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของหน่วยงานภาครัฐในศั กยภาพและมาตรฐานโปรแกรมบ่ มเพาะของทรู อินคิวบ์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านสตาร์ทอั พครบวงจรในการให้บริการและส่ งเสริมสตาร์ทอัพไทยให้ก้าวไกลสู่ ระดับโลก
ด้วยระบบนิเวศระดับภูมิภาค ภายใต้ 4 พันธกิจหลัก ทั้งการสร้างแรงบันดาลใจ, สร้างนวัตกรรม, บ่มเพาะธุรกิจ และการลงทุน
ดร.ธีระพล กล่าวว่า เพื่อขยายโอกาสการได้รับสิทธิ และประโยชน์สมาร์ทวีซ่าในกลุ่ มสตาร์ทอัพชาวต่างชาติ ทรู อินคิวบ์ จึงเตรียมเปิดรับสตาร์ทอั พจากไทยและต่างประเทศเข้าร่วม โครงการ “ScaleUp Batch 5 Startup Grandprix”
ซึ่งโปรแกรมนี้จะเพิ่มดีกรีความเข้มข้นในระดับภูมิภาคด้ วยการผนึกความแข็งแกร่งของเหล่ าโค้ชที่เป็นสตาร์ทอัพผู้ก่อตั้ งธุรกิจในไทยและอาเซียน เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอั พไทยให้ประสบความสำเร็จได้ ในเวทีโลก
นอกจากนี้ทรู อินคิวบ์ ยังเตรียมขยายโปรแกรมบ่ มเพาะและกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่โครงการ ทรู ดิจิทัล พาร์ค สุขุมวิท 101 ศูนย์กลางด้านดิจิทัลของไทยที่ ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวั นออกเฉียงใต้ที่คาดว่าจะเปิดให้ บริการราวปลายปีนี้
เพื่อเติมเต็มระบบนิ เวศครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพไทยด้ วย
ด้านดร.อภิชัย สมบูรณ์ปกรณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มั่นใจว่าการดำเนินโครงการนี้ โดยมีเอกชนช่วยจะทำให้ โครงการสมาร์ทวีซ่ามีความก้ าวหน้ามากขึ้น
สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยต้ องการเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอั พในภูมิภาคอาเซียน (Startup Hub of Southeast Asia) และต้องการดึงดูดบริษัทสตาร์ทอั พ (Startup Tech Company) และ บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถสูง (Talent)
ซึ่งสมาร์ทวีซ่าจะเป็นปัจจั ยและแรงจูงใจสำคัญที่จะทำให้บุ คลากรชั้นนำด้านเทคโนโลยี (Tech Talent) ต่างๆ มาเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริ มการลงทุน (บีโอไอ) มีแนวทางในการส่งเสริ มโครงการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ที่ จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ งขันของประเทศสำหรับอุ ตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรั ฐบาล
การสนับสนุนและการให้สิทธิ และประโยชน์ในครั้งนี้จะช่วยส่ งเสริมในด้านการลงทุน การวิจัยและพัฒนาการส่งเสริมนวั ตกรรม ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้ านของกิจการในอุตสาหกรรมเป้ าหมาย
ด้านดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานนวั ตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ด้านระบบนวัตกรรม กล่าวว่า โครงการสมาร์ทวีซ่าสอดรับกั บแนวทางการดำเนินกลยุทธ์ของสำนั กงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ในการยกระดับนวัตกรรม สร้างธุรกิจใหม่
และการพัฒนาบุคลากรด้านนวัตกรรม เสริมให้มีผู้เชี่ยวชาญในประเทศในสาขาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กระตุ้นการลงทุนในสาขาที่ใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการเรี ยนรู้เทคโนโลยีและเป็นแหล่งเงิ นทุนให้คนไทย เพื่อเสริมศั กยภาพความสามารถในการแข่งขั นของประเทศ
โดย สนช. ได้ทำงานร่วมกับ บีโอไอ ในการตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติ ของผู้ยื่นขอสมาร์ทวีซ่าสำหรั บกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร นักลงทุน และสตาร์ทอัพที่อยู่ในอุ ตสาหกรรมเป้าหมาย 10 ประเภท
รวมทั้ง พิจารณาให้การรับรองคุณสมบัติของสตาร์ทอัพ ในกรณีที่ได้รับการร่วมลงทุ นจากหน่วยงานภาครัฐ ส่วนความร่วมมือกับเอกชนนั้น ถือเป็นการขยายโอกาสการได้รับสิ ทธิและประโยชน์สมาร์ทวีซ่าสำหรั บสตาร์ทอัพต่างชาติ
ซึ่งสตาร์ทอัพที่ผ่านการรั บรองและมีคุณสมบัติครบถ้วนจะได้ รับสิทธิและประโยชน์สมาร์ทวีซ่า อาทิ ระยะเวลาวีซ่าครั้งแรก 1 ปี และขยายสูงสุดไม่เกิน 2 ปี/ครั้ง ขยายเวลารายงานตัวเป็นทุก 1 ปี (จากปกติ 90 วัน)
ทำงานในกิจการที่ได้รับการรั บรองโดยไม่ต้องขอใบอนุญาต ได้รับยกเว้นการขอ Re-entry Permit ในการเข้าออกประเทศไทย รวมถึงสิทธิประโยชน์สำหรั บครอบครัวในการพำนักในประเทศไทย เป็นต้น