บทสรุปศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อมไตรมาส 1/2561 โดยภาพรวมสรุปเป็นบวก โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 49.2 สูงสุดในรอบ 5 ปี และดีขึ้นในทุกภูมิภาค ซึ่งแม้ว่าไตรมาส 1 เอสเอ็มอีมองว่าเป็นไฮซีซันและเทศกาลที่มีผลกับธุรกิจเอสเอ็มอี แต่ก็พบว่าการฟื้นตัวส่งไปถึงผู้ประกอบการมากขึ้น กำลังซื้อดีขึ้นกว่าปีก่อน
และแม้ว่าในไตรมาส 2 เอสเอ็มอีอาจจะมองว่าอาจจะไม่ดีขึ้น แต่ด้วยราคาวัตถุดิบค่าแรงยังไม่ได้สูงมาก ความกังวลด้านต้นทุนน้อยลง ต้นทุนค่าจ้างมีความกังวลบ้างแต่ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับยอดขายที่โตขึ้น รวมไปถึงต้นทุนอย่างราคาน้ำมันราคาพลังงานเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับค่อนข้างสูงกว่าปีที่แล้ว แต่เอสเอ็มอีก็ไม่ได้เป็นข้อกังวลเมื่อเทียบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
“เราบอกได้ว่าสัญญาณบวกของเอสเอ็มอีมากกว่าสัญญาณลบ ความเชื่อมั่นของเอสเอ็มอีเริ่มดี ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อ ซัพพลายเชนดีขึ้น ผลบวกจากนโยบายภาครัฐในการสนับสนุนการเบิกจ่ายการลงพื้นที่ ถือเป็นปัจจัยที่ยั่งยืนมากกว่าการขายได้มากในช่วงเทศกาล สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ด้านการส่งออกสินค้าของเอสเอ็มอีเติบโตได้ดี”
“โดยการส่งออกของเอสเอ็มอีคิดเป็น 25% ของการส่งออกรวม ประกอบกับการจ้างงานค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น และชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้น โดยภาคการผลิตมีการจ้างงานมากขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณการส่งออกที่ค่อนข้างขยายตัว”
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี Head of Economist ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า ปัจจัยทางเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ นับจากไตรมาส 3/2560 ปริมาณสินค้าเกษตรดีขึ้นในทุกภูมิภาค แม้ในบางพื้นที่จะราคาไม่ดีมากแต่ปริมาณสูงขึ้น ทำให้มีรายได้สูงขึ้น ปัจจัยหนุนที่ทำให้เงินหมุนเวียนดีขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวนั้น คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท
ส่วนปริมาณนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 37 ล้านคน โดยการท่องเที่ยวของเมืองไทยโตขึ้น 88 % กระจุกอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างเช่น กรุงเทพ ภูเก็ต ชลบุรี สุราษฎ์และกระบี่ มียอดการใช้จ่ายประมาณ 9 แสนล้านบาท ส่วนการท่องเที่ยวเมืองรองส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายของคนไทยเอง
โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics เผย “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี” (TMB-SME Sentiment Index) ไตรมาส 1/2561 จากความเห็นของผู้ประกอบการ SME กว่า 1,268 รายทั่วประเทศ สำรวจโดยศูนย์บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าเอสเอ็มอี (RMC) ทีเอ็มบี พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปัจจุบันของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปีมาอยู่ที่ระดับ 40.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 35.5 ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน การปรับตัวดีขึ้นมาจากทั้งความเชื่อมั่นด้านรายได้และความเชื่อมั่นด้านต้นทุนที่ดีขึ้น
โดยความเชื่อมั่นด้านรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 49.2 สูงสุดในรอบ 5 ปี และดีขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออก กรุงเทพและปริมณฑล เนื่องจากได้รับแรงส่งการค้า การส่งออกและการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ในขณะความเชื่อมั่นด้านต้นทุนพบว่าอยู่ที่ 31.1 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน จะเห็นว่าในภาพรวมผู้ประกอบการมีความกังวลด้านต้นทุนลดลงและส่วนใหญ่กังวลในเรื่องต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่ปรับขึ้นในเดือนเมษายนนี้
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 49.7 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 51.9 จากไตรมาสก่อน โดยความเชื่อมั่นด้านรายได้ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 63.3 ลดลงจากระดับ 65.9 ในไตรมาสก่อน และดัชนีความเชื่อมันด้านต้นทุน 3 เดือนข้างหน้าลดลงจาก 37.8 ในไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 36.1 ในไตรมาสนี้ จึงกดดันดัชนีความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าให้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย
เมื่อพิจารณาเจาะลึกลงไปที่ดัชนีความเชื่อมั่นด้านรายได้ในปัจจุบันของ SME ที่ปรับดีขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี ผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ตอบว่า มีสาเหตุมาจากสองปัจจัยหลักคือ 1.ปัจจัยเศรษฐกิจฟื้นตัว ได้แก่ ลูกค้าเก่า/ใหม่สั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ยอดขายเติบโตตามห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการส่งออกและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผลบวกจากนโยบายภาครัฐ (อาทิ ธงฟ้าประชารัฐ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ) และ 2.ปัจจัยการเข้าสู่ฤดูกาลขาย ได้แก่ เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตร ช่วง high season การท่องเที่ยว เข้าสู่เทศกาลรื่นเริง เข้าหน้าแล้งทำให้การก่อสร้างง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจความเชื่อมั่นด้านรายได้ พบว่าปัจจัยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีจำนวนผู้ตอบที่มากกว่าปัจจัยการสู่เข้าฤดูการขาย ชี้ว่าผู้ประกอบการเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจมากขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี ที่ปรับตัวดีขึ้นสูงขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณการฟื้นตัวของเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจอื่นๆ ได้แก่ รายได้ภาคเกษตรที่ดีขึ้นเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
ภาคการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง การส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการ SME ที่ขยายตัว และการจ้างงานที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นพร้อมกับจำนวนชั่วโมงการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ชี้ถึงสภาพแนวโน้มดีมานด์ที่ฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2560 เป็นต้นมา ส่วนข้อกังวลของผู้ประกอบการเรื่องค่าจ้างแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาจไม่ส่งผลกระทบในภาพรวมมากนัก โดยอาจกระทบกำไรสุทธิให้ลดลงประมาณ 0.2% โดยรวม ถือว่าสภาพแวดล้อมธุรกิจ SME เริ่มมีข่าวดีมากขึ้น ซึ่งเราประเมินว่าหากสามารถรักษาโมเมนตัมแรงส่งทางเศรษฐกิจนี้ไว้ได้ ภาวะเศรษฐกิจของ SME จะมีทิศทางที่สดใสตลอดทั้งปี 2561
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB มองว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น SME ได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อที่กลับมาช่วยการดำเนินธุรกิจได้ในระดับหนึ่ง แต่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงหันไปใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ธุรกิจมีความจำเป็นที่จะต้องขยายการดำเนินธุรกิจไปสู่โลกยุคดิจิทัล เพื่อสร้างตลาดใหม่ๆ เพื่อให้ได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบันใน Digital Ecosystem มีธุรกิจและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์และเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจ ตัวอย่างเช่น 1. ธุรกิจที่ช่วยส่งเสริมการตลาด (Channel) ได้แก่ Facebook, Lazada, Shopee, Tarad.com, Agoda, Booking.com ฯลฯ ซึ่ง SME ใช้เป็นช่องทางขายและประชาสัมพันธ์ผ่าน E-commerce 2.ระบบอำนวยความสะดวกในการชำระเงินการซื้อขายสินค้าและบริการ (Payment) ได้แก่ Internet Banking, Mobile Baking, E-Wallet, QR code ฯลฯ
3.ธุรกิจรับ-ส่งสินค้า (Transportation) ซึ่งส่งสินค้าให้ถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วด้วยต้นทุนต่ำ เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย, Kerry Express, DHL, LINE Man, GrabFood, Foodpanda ฯลฯ และหากธุรกิจ SME ขยายตัวใหญ่ขึ้น SME ก็สามารถเลือกใช้บริการ 4.ระบบการวิเคราะห์และบริหารจัดการธุรกิจและการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ (Management) ที่จะเข้ามาตอบโจทย์การบริหารจัดการธุรกิจของท่านได้ เช่น Google Analytics, Facebook Insights เป็นต้น
นายเบญจรงค์ กล่าวว่า ในโลกธุรกิจต่อไป นอกจาก SME ต้องเติมเต็มความสามารถด้วย Digital Ecosystem แล้วสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการ SME ก้าวเดินต่อไปอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องความเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้าตนเอง ต้องผลิตสินค้าด้วยความคิดสร้างสรรค์และมีนวัตกรรม ต้องบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญต้องมีมาตรฐานบริการที่ดีควบคู่ไปด้วย