แผนระยะกลางระดับโลกของนิสสันในชื่อ M.O.V.E 2022 ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่ านมา ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิสั ยทัศน์สำหรับ 5 ปีข้างหน้าของ นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ซึ่งเมื่อดูโดยภาพรวมแล้ว ล้วนแต่เป็นเรื่องที่นิสสันต้ องทำการปรับปรุงทั้งสิ้น
มีเพียงด้านกลยุทธ์การตลาดเท่ านั้นที่น่าจะเหนือกว่าคู่แข่ งรายอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจนำเข้ านิสสันลีฟ รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลั งงานไฟฟ้า 100% (EV) ที่คนไทยจะได้สัมผัสแบบจริงจั งภายในปีงบประมาณนี้ของนิสสัน
ส่วนอีกรถยนต์ที่น่าจะดูมี อนาคตที่สุดในเมืองไทยขณะนี้คื อรถยนต์ รถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน e-Power ซึ่งจะใช้มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่ อนหลัก และใช้น้ำมันในการปั่นให้เกิ ดพลังงานไฟฟ้า
โดยรถยนต์ประเภทนี้นอกจากจะมีความแรงแล้วยังมีอัตราสิ้นเปลื องเฉลี่ยใกล้เคียงกับรถ EV เลยทีเดียว ซึ่งนิสสันให้ความสำคัญเพราะเป็ นสิ่งที่เปลี่ยนผ่านจากรถแบบเดิ ม ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีที่ ญี่ปุ่น และน่าจะเหมาะกับไทยเช่นกัน
แต่ด้วยอัตราภาษีบ้านเราที่ยั งไม่เอื้อ จึงทำให้นิสสันยังคงเดินหน้ าเจรจากับภาครัฐ เพื่อจะขออัตราภาษีที่จะทำให้ รถชนิดนี้เกิดในเมืองไทยให้ได้
สำหรับวิสัยทัศน์ 5 ปีนับจากนี้ของนิสสั นประเทศไทยนั้น นายอันตวน บาร์เตส ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำเนินงานนับจากนี้นิสสั นจะเน้นให้ลูกค้าเป็นหั วใจในการดำเนินธุรกิจทุกด้านอย่ างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า เดินหน้าผนึกกำลังกับพันธมิ ตรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงการลงทุนพัฒนาผู้จำหน่ าย ซึ่งประเทศไทยมีความสำคัญมากขึ้ นในฐานะที่เป็นหนึ่งในพลังขั บเคลื่อนสู่การเติบโตในระดับโลก
พร้อมกับเป็นศูนย์กลางการผลิ ตระดับภูมิภาคและเป็นสำนั กงานใหญ่ระดับภูมิภาคของนิสสัน ซึ่งทั้งหมดช่วยส่งเสริมวิสัยทั ศน์ในอนาคตของบริษัทฯ
“นิสสันเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มี การเติบโตรวดเร็วที่สุ ดในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 1.3 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 6.9 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสิ้นปี งบประมาณ และภายใต้แผนงานเพื่อการเติ บโตดังกล่าว
นิสสัน คาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด ปรับปรุงอันดับของนิสสันในด้ านความพึงพอใจของลูกค้า และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยื นต่อไปนับตั้งแต่วันนี้จนถึงปี พ.ศ. 2565”
ทั้งนี้นิสสันลงทุนไปมากกว่า 4.4 พันล้านบาทในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
และส่งออกรถยนต์ มากกว่า 880,000 คันไปยังกว่า 114 ประเทศในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยวิสัยทัศน์ระยะ 5 ปีดังกล่าวนี้สอดคล้องเป็นอย่ างดีกับแผนงานของนิสสันในระดั บโลกที่มีชื่อว่า M.O.V.E 2022 ซึ่งให้ความสำคัญกับนวั ตกรรมยานยนต์ (Mobility)
ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน (Operational Excellence) การให้ความสำคัญกับลูกค้า (Value to Customers) และระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (Electrification)
แผนงานดังกล่าวยังรวมถึ งการมอบการบริการที่เหนือกว่ าความคาดหมายของลูกค้าด้ วยการลงทุนพัฒนาและปรับปรุงผู้ จำหน่าย รวมถึงโชว์รูม Nissan Retail Environmental Design Initiative (NREDI) เพื่อมอบการบริการลูกค้าที่ ยอดเยี่ยมเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่ วโลก
และการดำเนินงานทั้ งหมดจะทำควบคู่ไปกับนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) ภายใต้องค์ประกอบหลัก 3 ด้านคือ ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า การขับขี่อัตโนมัติ และการเชื่อมต่อและการบริการเพื่ อการเดินทางรูปแบบใหม่
นายอันตวน กล่าวว่า ที่ผ่านมานิสสันได้เปิดตัวรถยนต์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ นิสสัน นาวารา ปี 2018 ซึ่งเป็นรถกระบะรุ่นเดี ยวในประเทศไทยที่มาพร้อมกล้ องมองรอบทิศทาง (Around View Monitor) รวมถึงจีที-อาร์ รถซูเปอร์สปอร์ตของนิสสัน พร้อมกับจะเดินหน้าผนึกกำลังกั บมิตซูบิชิในด้านการจัดซื้อ การขนส่ง และการบริการด้านอื่น
ส่วนในเร็วๆ นี้ นิสสันจะย้ำบทบาทความเป็นผู้ นำระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ าในประเทศไทยด้วยการแนะนำนิสสัน ลีฟ ใหม่ภายในปีงบประมาณนี้ ส่วนรถยนตรุ่นอื่นๆ นั้นนิสสันจะขอดูความต้ องการของลูกค้าก่อนว่าเหมาะกั บการตลาดหรือไม่อย่างเช่นรถยนต์ แบบพีพีวี
ซึ่งปัจจุบันนิสสันมีส่วนแบ่ งอยู่ที่ 7% นั้นแม้จะมีความน่าสนใจในตลาดนี้ แต่ยังไม่มีแผนชัดเจน เพราะจะเน้นเรื่องความคาดหวั งของตลาด และความคาดหวังของผู้บริ โภคไปควบคู่กัน
“สำหรับการดำเนินงานในอนาคต นิสสันคาดการณ์ว่า ด้วยสภาพตลาดปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมจะมีความมั่นคงและมีอัตราเติบโตสู งขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ในปีงบประมาณ 2561 ของนิสสัน (เดือนเมษายน พ.ศ. 2561 – มีนาคม พ.ศ. 2562)
เราคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 950,000 คัน ด้วยแนวโน้มเป็นบวกเช่นนี้ นิสสันมั่นใจว่ายอดขายของนิสสั นทั้งส่วนแบ่ งตลาดและจำนวนการผลิตจะมีการเติ บโตอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าอย่ างลีฟของนิสสันถือเป็นผู้ผลิ ตรายแรกๆ ที่กล้าจะทำตลาด ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นยังไม่มี ทิศทางที่ชัดเจนนัก โดยที่ผ่านมานิสสัน ลีฟ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุ ดในโลก ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่ องในปีงบประมาณ 2017
และทำให้นิสสันทั่วโลกมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 10% ในปีงบประมาณที่ผ่านมา และในปีงบประมาณ 2017 มีลูกค้าซื้อรถนิสสัน ลีฟ ทั้งหมด 54,451 คันซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 15% จาก 47,423 คัน จากปีก่อน นิสสันได้จำหน่ายลีฟไปแล้วกว่า 320,000 คันตั้งแต่มีการเปิดตัวรถรุ่ นแรกในปี 2010
นิสสัน ลีฟ ใหม่ จะจำหน่ายอย่างเป็นทางการใน อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล ชิลี จีน โคลอมเบีย คอสตาริกา เอกวาดอร์ ฮ่องกง มาเลเซีย นิวซีแลนด์ เปอร์โตริโก สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไทย และอุรุกวัย
เร็วๆ นี้ และนิสสันวางเป้าหมายจำหน่ ายรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 1 ล้านคันครอบคลุมถึงรถยนต์พลั งงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบและรถยนต์ที่ ใช้ระบบขับเคลื่อนอี-เพาเวอร์ (e-Power) ภายในปีงบประมาณ 2565