ธพว.เผยยางพาราไทยนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญเป็นสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มียอดส่งออกอันดับ 1 ของประเทศ แต่จำนวนของการแปรรูปยางพารายังคิดเป็นเปอร์เซ็นต์น้อยทั้งที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าการส่งออกในรูปยางพาราดิบ พร้อมเปิดหลักสูตรSME- D Scaleup Rubber Innovation ยกระดับเอสเอ็มอียางพารา มาพร้อมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อใช้เป็นเงินทุนยกระดับปรับเปลี่ยนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อปี คงที่ตลอดระยะเวลา 7 ปี
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.หรือ SME Development Bank) กล่าวว่า ยางพาราไทยนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญเป็นสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มียอดส่งออกอันดับ 1 ของประเทศด้วยมูลค่าการส่งออกยางพาราดิบรวม 1.7 แสนล้านบาทในปี 2558
โดยคิดเป็น 87% ของรายได้รวมทั้งหมด แต่มูลค่าการแปรรูปยางพาราสูงถึง 2.07 แสนล้านบาท คิดเป็น 13% เท่านั้น จะเห็นได้ว่าจำนวนของการแปรรูปยางพารา คิดเป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมากแต่กลับสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าการส่งออกในรูปยางพาราดิบ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องเปลี่ยนตัวเองสู่การพัฒนายางพาราแปรรูปให้สูงขึ้น เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นและส่งผลกลับสู่เศรษฐกิจของประเทศด้วย
ด้วยปัจจัยดังกล่าวธนาคารมีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มยางพาราให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงการขับเคลื่อนประเทศก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามนโยบายรัฐบาล โดยร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
จัดทำโครงการหลักสูตร SME – D Scaleup Rubber Innovation ครั้งแรกประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักสูตรการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจยางพารารูปแบบใหม่ที่ต้องการสร้างแนวคิดสร้างสรรค์ผสมผสานนวัตกรรม ตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการยางพาราสู่การแปรรูป เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
“หลักสูตรดังกล่าวจะช่วยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและสร้างมูลค่าเพิ่มของยางพาราผ่านกระบวนความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถออกสู่ตลาดโลกได้จริง รวมถึงเอื้อโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากทางธนาคารเพื่อความสำเร็จของธุรกิจอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นมิติใหม่การพัฒนา การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากวิทยากรชั้นแนวหน้าของประเทศไทยที่เป็นกูรูตัวจริงในแวดวงธุรกิจยางพารามาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้
พร้อมเป็นพี่เลี้ยงช่วยดูแลฟูมฟักตั้งแต่การเริ่มต้นกระบวนการคิดสู่การต่อยอดธุรกิจ การสร้างมาตรฐาน และส่งเสริมการตลาด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์การแปรรูปยางพาราออกเป็นผลิตภัณฑ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป” นายมงคล ลีลาธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับหลักสูตรการเรียนจะเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการจากวิทยากรชั้นนำระดับประเทศ
ซึ่งจะมีค่ายฝึกปฏิบัติจริงระยะเวลาหลักสูตรอบรม 3 เดือน ตั้งแต่มิถุนายน ถึงกันยายน 2561 และจะมีพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิดอีก 2 เดือน ช่วงตุลาคม ถึงพฤศจิกายน 2561 เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ธนาคารจะให้การสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำกับผู้เข้าร่วมอบรมที่มีศักยภาพในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพาราสู่ตลาด เพื่อการสร้างและต่อยอดธุรกิจรวมถึงการส่งเสริมการตลาดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถเติบโตแบบยั่งยืน
โดยธนาคารมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อาทิ สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 เพื่อใช้เป็นเงินทุนยกระดับปรับเปลี่ยนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อปี คงที่ตลอดระยะเวลา 7 ปี และปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรกด้วย ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดในประวัติศาสตร์การให้บริการสินเชื่อธุรกิจของสถาบันการเงินไทย สามารถกู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาทต่อราย
สำหรับผู้กู้เป็นนิติบุคคล (บริษัทจำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล) ไม่ต้องมีหลักประกัน แม้จะมีประวัติการชำระเงินไม่สม่ำเสมอ ก็สามารถกู้ได้ โดยใช้เอกสารประกอบการพิจารณาสินเชื่อ เป็นไปตามสภาพข้อเท็จจริงของกิจการ และสินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก ผ่อนนาน 7 ปี สามารถใช้ บสย.ค้ำประกัน ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 18 มิถุนายน 2561 และจะมีการพิจารณาคัดเลือก ประกาศผลภายใน 30 มิถุนายน 2561 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา มหาวิทยาลัยสงขานครินทร์
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 074-282267-69 และ 099-4819032 หรือสามารถดูรายละเอียดและสมัครได้ที่ เฟสบุ๊ก : Powersmethai (ศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี)