ไอเอฟเอฟเปิดตัวแอพพลิเคชั่นส์ 10 รองรับ AI และ IoT

ไอเอฟเอฟเปิดตัวแอพพลิเคชั่นส์ 10 รองรับ AI และ IoT

ไอเอฟเอฟ ผู้พัฒนาและนำเสนอซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร พร้อมเดินหน้าทำตลาดโซลูชันใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจอย่าง AI และ IoT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัล โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้

และเพิ่มฟังก์ชันการทำงานมากกว่า 500 รายการและยังมีการแสดงผลที่สวยงามและการโต้ตอบรูปแบบใหม่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานและความเพลิดเพลินให้กับผู้ใช้

แอปพลิเคชันนี้ชื่อว่า IFS Applications 10 เป็นชุดแอปพลิเคชันสำหรับองค์กรเวอร์ชันใหม่ตอบสนองแนวโน้มอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาประยุกต์ใช้งานให้เกิดประโยชน์กับองค์กร เช่น ระบบการทำงานอัตโนมัติ

อุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างกันผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ ไอโอที (IoT) และบริการภิวัตน์ โดยเวอร์ชันใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเชื่อมต่อธุรกิจของตนเข้ากับแบ็คโบนดิจิทัลได้

แอปพลิเคชันใหม่นี้ยังประกอบไปด้วย IFS Aurena เบราว์เซอร์ในรูปของอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เพื่อช่วยกระตุ้นให้พนักงานเข้ามามีส่วนร่วมและเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ยังได้รับการพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) โดยมาพร้อมกับไอเอฟเอส ออรีนา บอต ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับระบบผ่านเสียงหรือการป้อนข้อความด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย

ทำให้พนักงานและผู้จัดการสามารถใช้ ไอเอฟเอส ออรีนา บอต เพื่อถามคำถามในลักษณะที่เป็นภาษาธรรมชาติ รวมถึงทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การบันทึกข้อมูลลาหยุดงานหรือการยื่นหนังสือลาออก และยังสามารถเข้าถึงได้จากเครื่องมือสื่อสารยอดนิยม เช่น Skype, Skype for Business และ Facebook Messenger รวมถึงจากภายในพื้นที่ใช้งานของผู้ใช้ด้วย

IFS Applications 10 ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อสนับสนุนองค์กรที่มุ่งเน้นการให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ผลิตที่มีการให้บริการหรือการดำเนินงานหลังการขาย รวมถึงบริษัทผู้ให้บริการต่างๆ สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับโมเดลการดำเนินธุรกิจของตนได้

อาทิ ความสามารถในการบริหารจัดการงานบริการและใบเสนอราคาตามสัญญาภายในโมดูลซีอาร์เอ็ม (CRM) ได้โดยตรง สนับสนุนการทำงานที่มีผู้ปฏิบัติงานหลายคนและมีการดำเนินงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วยให้การใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่ดียิ่งขึ้น การควบคุมต้นทุนและการบัญชี WIP พร้อมรองรับการดำเนินงานของลูกค้าตลอดวงจรชีวิตของบริการและการบริหารจัดการงานที่ว่าจ้างคู่สัญญาภายนอก

Demand-driven MRP: DDMRP : DDMRP เป็นส่วนขยายของ MRP แบบดั้งเดิมที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถรับมือกับวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่สั้นลง ระยะเวลาในการรอคอยการส่งมอบสินค้าที่ยาวนาน และรูปแบบความต้องการที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก

เมื่อนำกลยุทธ์การสำรองสินค้าอย่างเป็นระบบเข้ามาใช้ภายในองค์กร บริษัทต่างๆ สามารถลดระยะเวลาในการส่งมอบสินค้าและตอบสนองความต้องการได้มากขึ้นกว่าเดิม

ฟังก์ชันการผลิต – เวอร์ชันใหม่นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่สำคัญในด้านการสนับสนุนกระบวนการผลิต รวมถึงความสามารถใหม่ๆ ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ การจัดการคุณภาพ การจัดการสูตรการผลิต การสร้างสมดุลให้กับรอบการผลิตแต่ละล็อต

การยกเครื่องรูปแบบการทำงานและการจัดการด้านการค้า ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถใช้ประโยชน์จากกระบวนการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีเครื่องมือที่สร้างขึ้นใหม่สำหรับการบริหารจัดการภาษีที่ครอบคลุมทั่วโลก ความสามารถในการรองรับการดำเนินงานของบริษัทหลายแห่งพร้อมกัน

รองรับระบบคลาวด์เอพีไอ แบบเปิดที่พร้อมรองรับบริการขนาดเล็ก ซึ่งพัฒนาขึ้นตามหลักการ RESTful ล่าสุดและมาตรฐาน OASIS oData เพื่อผสานรวมข้อมูลและกระบวนการต่างๆ ในแอปพลิเคชันให้เข้ากับเทคโนโลยีไอโอที และเอไอไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 365 รวมถึงเทคโนโลยีระบบคลาวด์ที่ทันสมัยอื่นๆ และโซลูชัน SaaS

นายศรีดาราม อรูมูแกน รองประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ไอเอฟเอส จำกัด กล่าวว่า IFS Applications 10 เวอร์ชันใหม่นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าพร้อมนำเสนอนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น

โดยมีความสามารถใหม่ๆ เพิ่มมากกว่า 500 รายการ ซึ่งรวมถึงอินเทอร์เฟสใช้งานสำหรับผู้ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กรที่เน้นบริการเป็นศูนย์กลาง ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจและเชื่อมต่อผู้คนและกระบวนการต่างๆ เข้ากับแบ็คโบนดิจิทัล รวมคุณสมบัติใหม่ของแอปพลิเคชันเข้ากับนวัตกรรมล่าสุด เช่น ไอโอทีและสถาปัตยกรรมแอพพลิเคชันแบบเลเยอร์

Related Posts