มาสด้า เผยครึ่งปีแรกโต 41% เตรียม 4 กลยุทธ์กระชับใจครึ่งปีหลัง

มาสด้า เผยครึ่งปีแรกโต 41% เตรียม 4 กลยุทธ์กระชับใจครึ่งปีหลัง

ไม่ต้องแปลกใจถ้าเราจะเห็นรถยนต์มาสด้ารุ่นใหม่ๆ บนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น เพราะในช่วงครึ่งปีแรกนี้ มาสด้า มียอดขายใน 6 เดือนแรกสูงถึง 33,593 คัน หรือเติบโตกว่า 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สร้างสถิติใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน สร้างความมั่นใจจนต้องปรับเป้ายอดขายสำหรับปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 27% และคาดว่าตัวเลขยอดขายรถมาสด้าทะลุ 65,000 คัน โดยได้เตรียม 4 กลยุทธ์หลักในการทำตลาดครึ่งปีหลังเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

ในปี 2560 ที่ผ่านมา มาสด้ามียอดขายรวมทั้งหมดอยู่ที่ 51,355 คัน เพิ่มขึ้น 21% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.9% และการเติบโตในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดขยับขึ้นเป็น 6.9%

โดยแบ่งเป็น Mazda 2 เก๋งเล็กที่มียอดขายสูงถึง 21,741 คัน เติบโต 52% ครองอันดับหนึ่งของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก Mazda CX- 5 จำนวน 4,399 คัน เพิ่มขึ้น 179% Mazda BT-50 PRO จำนวน 3,254 คัน เพิ่มขึ้น 5% Mazda 3 จำนวน 2,621 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 2% Mazda CX-3 จำนวน 1,562 คัน ลดลง 30% Mazda MX-5 จำนวน 16 คัน เพิ่มขึ้น 60%

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังเริ่มดีขึ้น ซึ่งมาสด้าคาดการณ์ยอดรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ปีนี้พุ่งทะลุเกินหนึ่งล้านคัน

ดังนั้นในครึ่งปีหลังมาสด้าเตรียมรุกตลาดการทำงานเป็นทีม ภายใต้การบริหารงานโดยคนไทยเพื่อลูกค้าชาวไทยครอบคลุมทุกฟังก์ชัน โดยได้กำหนด 4 ที่จะก้าวสู่การเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง

โดยกลยุทธ์แรกจะเน้นความเป็นหนึ่งเดียว หรือ One Mazda ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้มาสด้าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและเกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคิดนอกกรอบ กล้าที่จะแตกต่างของมาสด้าในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีและยนตรกรรม เน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของแนวคิดในการทำงาน

ด้วยการทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างละเอียด ตั้งแต่การเริ่มต้นการผลิตไปยังลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ที่ดีที่สุด

Mazda Building Block Strategy คือหนึ่งในทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตแบบเป็นขั้นเป็นตอน และเป็นการนำเอาเทคโนโลยีในอนาคตมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงานและการพัฒนาอุตสาหกรรมในส่วนของภาคผลิต

รวมทั้งการบริหารธุรกิจในลักษณะ Distribution Business โดยมีผู้จำหน่ายเป็นผู้ขายและให้การบริการตรงกับลูกค้า ทำให้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายสามารถทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเป็นหนึ่งเดียว หรือ One Mazda ควบคู่ไปกับการสนับสนุนอย่างดีจากมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น

2.กลยุทธ์ด้านการขาย ที่จะเริ่มจากการหากลุ่มลูกค้าให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย โดยสถานที่ที่จะพบลูกค้าได้นั้นนอกจากที่โชว์รูมแล้ว คือการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ หรือการออกงานอีเวนท์ตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมบนสื่อออนไลน์

อาทิ การจัดกิจกรรมในโชว์รูมและการออกโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น โดยแยกเป็นการจัดงานบนโชว์รูม ใช้ชื่องานว่า “MAZDA NEXT EXPERIENCE” ส่วนการจัดงานตามห้างสรรพสินค้า ใช้ชื่องานว่า “MAZDA SKYACTIV FESTIVAL”

เพื่อสร้างความแตกต่างให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำในการเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งทั้งสองกิจกรรมนี้ จะจัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ เดือน และกระจายออกไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

นโยบายการสนับสนุนการขายในงานบิ๊กอีเว้นท์ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ประกอบด้วย 5 งานหลักประจำปีโดยเป็นงานแสดงรถยนต์ในเขตกรุงเทพฯ ได้แก่ Motor Show, Fast Auto Show, Auto Salon, Big Motor Sales และ Motor Expo และงานตามต่างจังหวัด ได้แก่ Local Motor Show, Mini Motor Show ที่ห้างสรรพสินค้า, งานประจำปี (Annual Fair) และงานกาชาด (Red Cross Fair)

การขยายพื้นที่โชว์รูมตามมาตรฐานใหม่ หรือ Mazda Corporate Identity ปัจจุบันแล้วเสร็จประมาณ 50% หรือ 62 โชว์รูม เป้าหมายของมาสด้าในปีนี้คือ 90% และทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2562

ปัจจุบันมีโชว์รูมทั้งหมด 134 แห่ง เป้าหมายคือขยายเพิ่มเป็น 140 แห่ง ภายในปีนี้ และในเร็วๆ นี้ มาสด้าเตรียมเปิดโชว์รูมแห่งใหม่รวดเดียว 5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

3.กลยุทธ์ด้านการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ด้วยการสร้างมาตรฐานการบริการหลังการขายให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อเอาใจใส่ดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถ

โดยเฉพาะครึ่งปีหลังนี้มาสด้าเน้นในส่วนของการบริการหลังการขาย ด้วยการเร่งมือปฏิบัติตามโปรแกรม MAZDA ACTIV SERVICE ซึ่งเกิดจากคอนเซ็ปต์ Feel the passion หรือ มุ่งมั่นดูแลรถใส่ใจดูแลคุณ เป็นแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นถึงความมี Passion ของชาวมาสด้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด จนเกิดความพึงพอใจสูงสุด

ทั้งนี้ภายใต้โปรแกรม MAZDA ACTIV SERVICE นั้นมีความหลากหลาย อาทิ Mazda Premium Insurance หรือโครงการประกันภัยรถยนต์ประเภท1 ด้วยเงื่อนไขความคุ้มครองและสิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับลูกค้ามาสด้าเท่านั้น Mazda Care หรือโปรแกรมที่มอบให้แก่ลูกค้าในการซ่อมบำรุงและตรวจเช็คสภาพรถ

ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทางทุกประเภท ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพอะไหล่แท้ทุกชิ้น Mazda Added Protection

หรือโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ หลังจากสิ้นสุดการรับประกันจากผู้ผลิตรถยนต์ในช่วง 3 ปีแรก โดยสามารถเลือกความคุ้มครองนานสูงสุดถึง 5 ปี ครอบคลุมทั้งชิ้นส่วนที่บกพร่องทางกลไกและระบบไฟฟ้า

Mazda Genuine Part หรืออะไหล่แท้จากมาสด้าที่ได้รับการออกแบบเพื่อรถมาสด้าโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัย ทนทานและมีคุณภาพสูง 24-Road Side Assistant ซึ่งมาสด้ายินดีให้บริการลูกค้าในทุกช่วงเวลาฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกเส้นทาง

โดยโปรแกรมทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้ลูกค้ามาสด้าทุกท่านเพลิดเพลินกับการขับขี่ได้อย่างอุ่นใจและปลอดภัย
และ4.กลยุทธ์ด้านการตลาด จะมาพร้อมกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย การเดินสายออกโรดโชว์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

กิจกรรมร่วมสนุกผ่านสื่อออนไลน์ และเตรียมปรับโฉมรถฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ New Mazda CX-3 Model Year 2018 ในวันที่ 20 กรกฎาคม นี้

“ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมาก มีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคคนไทยนิยมซื้อสินค้าทางระบบออนไลน์กันมากขึ้น สาเหตุอย่างแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องความสะดวกสบาย และยังมีในเรื่องของราคา ความหลากหลายของสินค้า รวมถึงความเป็นส่วนตัวแฝงอยู่ด้วย

ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถหาข้อมูลของสินค้าและร้านค้าที่ต้องการซื้อจากทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในขณะนี้รถยนต์ก็เข้ามามีอิทธิพลในการซื้อขายแบบออนไลน์ด้วยเช่นกัน”

ด้านนายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้มาสด้ายังได้เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อนำสื่อมวลชนร่วมบันทึกการเดินทางเพื่อพิชิตดินแดนแห่งขั้วโลกเหนือที่ไม่เคยมีใครกล้าพิสูจน์

ด้วยการนำรถยนต์จากประเทศไทยไปทดสอบ ประกอบด้วยรุ่น มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และมาสด้า บีที-50 โปรกับเส้นทางที่ท้าทายด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย ภูมิอากาศที่หนาวจัด

เพื่อมอบประการณ์สุดขั้ว รวมทั้งเป็นบทพิสูจน์สมรรถนะของรถยนต์ที่มีแหล่งผลิตจากประเทศไทย ภายใต้ชื่องาน Mazda Passion Drive to the New Horizon “เปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับมาสด้า”

โดยเฉพาะการนำเอารถยนต์ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจากเขตภูมิอากาศร้อนชื้นไปขับในสภาพภูมิอากาศที่หนาวจัด ในแถบกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ประกอบด้วย สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ และฟินแลนด์ ด้วยระยะทางขับขี่กว่า 6,000 กิโลเมตรในช่วงเดือนกันยายนนี้

Related Posts