Swift อีโคคาร์ที่ขับสนุกที่สุด เล็กแต่ตอบโจทย์การใช้งานวัยมัน

Swift อีโคคาร์ที่ขับสนุกที่สุด เล็กแต่ตอบโจทย์การใช้งานวัยมัน

ถ้าจะซื้อรถสักคันแต่ติดที่คำว่า “อีโคคาร์” ที่อาจจะทำให้ดูว่าเป็นรถราคาประหยัด สมรรถนะแค่พอใช้ และไปไหนมาไหนได้แบบเป็นผู้ตาม Thereporter.asia ขอแนะนำ Suzuki Swift ใหม่ ที่จะทำให้มุมมองที่มีต่อรถประเภทนี้เปลี่ยนไป

ด้วยหน้าตาที่โฉบเฉี่ยว สมรรถนะที่โดดเด่นและสร้างความสนุกได้แบบไม่ตามหลังใคร ยังไม่นับรวมอุปกรณ์ที่ใส่มาให้ก็ทำคนที่ติดเทคโนโลยีมีความเพลิดเพลินได้จนคิดว่าจะจ่ายแพงเพื่อได้รถใหญ่กว่าไปทำไม

แม้เจ้าตัวจิ๋วคันนี้จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,197 ซีซี. ปั่นแรงม้าให้ได้เพียง 83แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด เพียง 108 นิวตัน-เมตร หรือ 11.00 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที เท่านั้น

แต่ด้วยการนำเทคโนโลยี การฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดคู่ Dual Jet เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน CVT 7 ทำให้ Swift รุ่นใหม่นี้ขับสนุกและฉีกหน้ารถซับคอมแพคคาร์เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรได้แบบสบายๆ แถมยังกระทบไหล่เครื่อง 1.8 บางรุ่นได้แบบสมน้ำสมเนื้อ และเครื่องยนต์ตัวนี้รองรับน้ำมันสูงสุดได้ถึงระดับ Gasohol E20

“การขับรถคันเล็กนี้บอกเลยว่าสนุกมาก แม้อัตราเร่งในช่วงต้นจะไม่จี๊ดจ๊าดมากนัก แต่หลังจากเหยียบที่ความเร็วตั้งแต่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปจนถึง 140 กิโลเมตร ความสนุกจะเริ่มเข้ามาแทนที่ อัตราเร่งมาอย่างต่อเนื่อง เรียกเมื่อไรก็พร้อมใช้ได้เสมอ พลังระหว่างเร่งแซงไม่มีหล่นหาย

Swift

สนุกจนแอบคิดไปว่าซูซูกิแอบใส่เทอร์โบมาให้หรือเปล่า เพราะทุกการลัดเลาะบนไฮเวย์ที่มีรถยนต์มากมาย ก็คล่องแคล่วว่องไว คล่องตัว ถ้ามีฝีมือพอก็จะทำให้กระบะบ้าพลัง พีพีวีพลังแรง หรือแม้แต่รถคอมแพคคาร์แอบเหวอได้เหมือนกัน”

และเชื่อว่าถ้าเล่นกันจริงๆ แล้ว สำหรับคนที่เคยขับรถแต่งมาก่อนจะชอบรถยนต์รุ่นนี้ เพราะเซ็ตมาได้ดี ให้ความสนุกได้มากกว่ากำลังเครื่องที่ควรจะเป็น พุ่งได้เร็วตามใจสั่ง เข้าโค้งได้ดี ประมาณว่าให้ความแรงมาแล้วช่วงล่างก็ยังรับไหวอีกด้วย

นับว่าดีเกินหน้าเกินตาในราคาและขนาดเครื่องยนต์ระดับนี้ ที่ยังไม่เห็นว่ะจะมีอีโคคาร์หรือซับคอมแพค 1.5 ที่ให้พลังดีและเกาะถนนไปพร้อมๆ กันคันไหนมาเทียบ เพราะบางแบรนด์พุ่งช่วงออกตัวดีก็จริง แต่ช่วงกลางและปลายถดถอย แถมยังพร้อมทำตัวเป็นเครื่องร่อน เมื่อความเร็วมากกว่า 120 กิโลเมตรขึ้นไป

ความดีความงามในครั้งนี้ส่วนหนึ่งต้องยกให้กับโครงสร้างตัวถังกับ Heartect Platform น้ำหนักเบา ทำให้น้ำหนักตัวรถลดลง 945 – 975 กิโลกรัม เหลือ 875 – 910 กิโลกรัม ทำให้แรงม้าต่อน้ำหนักดีขึ้น และด้วยการทำแพลตฟอร์มตัวรถให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการยุบตัวเพิ่มความแข็งแรง และลดการบิดตัว

ทำให้รถมีความคล่องตัวและไต่ความเร็วขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงคันเร่งไฟฟ้าที่ถูกเซ็ตมาใหม่ให้ไวขึ้น กดสั่งเมื่อไหร่ ทำงานแทบจะตามสั่งทันที ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด สามารถกดคันเร่งเพื่อหนีหรือแซงรถที่ช้าได้แบบไม่ต้องลุ้น

ซึ่งในช่วงที่ทดสอบนั้นเรานั่งกัน 2 คน แต่คิดว่าถ้านั่งเกินกว่านี้ก็อาจจะทำให้ความสนุกลดลงไปบ้างแต่คงไม่มากมาย ซึ่งหลังการทดสอบครั้งนี้ เราหลงรักอีโคคาร์คันนี้ขึ้นมาแบบเต็มๆ

Swift

ความเร็วของทริปนี้เราไม่ได้วัดเพราะเป็นรถคันเล็กและคิดว่าไม่จำเป็น เราใช้ความเร็วไปได้ประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ต้องผ่อนคันเร่ง เพราะวิ่งอยู่บนถนนหลวงที่แม้จะโล่งและตรงยาว แต่ก็มีผู้ร่วมใช้กันบ้าง แม้ว่าเราจะไม่ประมาทแต่คนอื่นเราก็เดาใจเขาไม่ได้

การยึดเกาะถนนทำได้ดี การทรงตัวในช่วงความเร็วสูงก็ทำได้ดีเช่นกัน แต่ด้วยความที่รถมีน้ำหนักเบา ทำให้ความมั่นใจอาจจะลดน้อยลงไปบ้างเมื่อวิ่งเกินลิมิต แต่ความรู้สึกที่เราได้มาก็มั่นใจได้ว่า การทรงตัวของ Swift คันนี้ดีกว่าคู่แข่งเกือบทุกรุ่น

น้ำหนักพวงมาลัยมีความเหมาะสมทั้งในช่วงความเร็วต่ำและสูง ระบบกันสะเทือนซับแรงสะเทือนได้ดี นุ่มหนึบกำลังดี เป็นการเซ็ตช่วงล่างในแนวสปอร์ตหน่อยๆ ไม่นุ่มนิ่มจนย้วยเหมือนอีโคคาร์ค่ายอื่น

แป้นเบรกเซ็ตมาได้ดีมากๆ ชะลอได้ตามน้ำหนักเท้าที่เรากดลงไป มีความพอดี เช่นเดียวกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ก็ให้ความพึงพอใจได้มาก เป็นรถที่ขับได้สนุกมากแต่ประหยัด

ไม่ใช่ความแรงและสนุกเกินตัวเท่านั้น แต่ Swift ใหม่คันนี้ยังมีรูปทรงที่โฉมเฉี่ยว สะดุดตา และอาจจะไปละม้ายคล้ายรถราคาแพงบางรุ่น แถมรุ่นท็อป GLX Navi ที่เราได้มาทดลองนี้มาพร้อมกับโคมไฟ LED Projector พร้อมสวิตช์ ปรับระดับสูง-ต่ำของลำแสงได้ถึง 5 ระดับ

เมื่อเปิดไฟหน้าแล้วจะได้แสงสีขาวเฉกเช่นรถยนต์ราคาแพง และไฟหรี่จะเป็นหลอด LED เช่นเดียวกับไฟ Daytime Running Light ที่ติดตั้งมาให้ก็มีการออกแบบให้ดึงสายตาของคนที่ได้พบเห็นได้มาก

Swift

ระบบกุญแจแบบ Remote Control แบบ Keyless Entry ที่เราไม่ต้องหยิบขึ้นมาให้วุ่นวาย เพียงแค่ใส่ไว้ในกระเป่าแล้วเดินมากดปุ่มสีดำตรงที่เปิดประตูก็จะเข้ารถได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมาพร้อมกันขโมย Immobilizer อีกด้วย ส่วนการสตาร์ทรถก็จะใช้แบบ Push Start สะดวกสบายและไฮโซเข้าไปอีก

จอแสดงข้อมูล Multi Information Diaplay (MID) จะแสดงตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทั้งแบบที่กำลังใช้งานอยู่และแบบเฉลี่ย รวมทั้งแสดงระยะทางที่น้ำมันในถังยังแล่นได้ แสดงตำแหน่งเกียร์ นาฬิกา มาตรวัดระยะทางทั้งแบบ Odometer และ Trip Meter A กับ B จอแสดงความเร็วเฉลี่ย และมาตรวัดอุณหภูมิภายนอกรถ

ฟังก์ชันทางด้านเทคโนโลยีนั้น GLX Navi มาพร้อมเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอ Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว ที่เรียกได้ว่ามีการแสดงผลที่สดใสราวกับหน้าจอของสมาร์ทโฟนราคาแพง ต่างจากหลายๆ รุ่นที่เป็นจอแบบขุ่นแถมยังต้องใช้แรงกดค่อนข้างมาก

เช่นเดียวกับ Interface ที่ใช้งานง่ายดาย สัมผัสง่าย และเข้าใช้งานได้แบบไม่ต้องจิ้มแบบย้ำคิดย้ำทำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานความบันเทิง ที่มีทั้งวิทยุ AM-FM / CD / MP3 / WMA หรือจะใช้ระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS Navigation System ก็พิมพ์ง่าย เข้าง่ายและไม่สับสน รวมไปถึงยังรองรับระบบ Apple Car Play มาให้อีกด้วย

Swift

ขณะที่การเชื่อมต่อมือถือก็เข้าใช้งานได้ง่าย และเลือกที่จะฟังเพลงต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตได้แบบรื่นรมณ์ เครื่องเสียงให้เสียงที่ดีตามระดับของรถฟังได้แบบสบายๆ หรือจะเสียบผ่าน USB / AUX ก็ทำได้ง่าย

แถมด้วยปลั๊กไฟ 12V มาให้รวมไปถึงเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติที่ให้ความเย็นสบายแบบถึงใจ ไม่ต้องแคร์อุณหภูมิที่อยู่ด้านนอกเลย ที่สำคัญยังมี Heater มาให้เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ทางฝั่งยุโรป เอาไว้แก้หนาวเวลาขึ้นดอย

ภาพรวมของรถ Swift ใหม่ ยังมีความโฉบเฉี่ยวแบบรุ่นก่อนหน้าที่หากเอาป้ายยี่ห้อออก ก็จะบอกได้ว่านี่ล่ะสวิฟต์ แต่ดูดีและทันสมัยมากขึ้น ไฟหน้าและไฟท้ายดูเหมาะสม ดีไซน์ได้น่ามอง และการใช้ไฟท้ายแบบ LED ก็ทำให้ตัวรถดูแพงขึ้นมาอีกนิด

 

อีกทั้งยังมีการสร้างความแปลกใหม่ด้วยการย้ายมือจับเปิดประตูคู่หลังขึ้นไปไปไว้บนเสาขอบหน้าต่าง ก็ช่วยให้แปลกตาและกลมกลืนได้ไม่น้อย แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าสวยแต่การใช้งานไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะกลัวหนีบมือ ซึ่งในรุ่นท็อปนี้กระจกมองข้างก็ปรับและพับได้ด้วยไฟฟ้า

การเข้าออกรถทำได้อย่างง่ายดาย เบาะนั่งคู่หน้านั่งสบายและปรับได้พอดีกับสรีระ มองภาพรวมแล้วเหมือนเบาะรถสปอร์ต เฉพาะเบาะคนขับจะมีก้านโยกปรับระดับสูง – ต่ำมาให้ ตัวเบาะรองรับได้ดีตั้งแต่แผ่นหลังขึ้นมาถึงหัวไหล่แถมยังมีปีกข้างที่เสริมเข้ามาซัพพอร์ตช่วงเอวให้สบายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เช่นเดียวกับเบาะรองนั่งก็มีความพอดี เรียกได้ว่าตำแหน่งที่นั่งดีก็จะช่วยให้การบังคับควบคุมรถดีขึ้นตามไปด้วย ส่วนการเข้าออกด้านหลังนั้นก็ทำได้แบบสบาย อาจจะอึดอัดไปนิดด้วยดีไซน์ของรถ แต่ก็ถือว่าไม่ได้มากมายอะไร ถ้าแลกกับความสวยแบบโฉบเฉี่ยว

โดยภาพรวมของห้องโดยสารพบว่า Swift ใหม่มีความกว้างขวางมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม การโดยสารเบาะหลังนั่งสบายขึ้นไม่อึดอัด แต่ถ้ายัดกันไปผู้ใหญ่ 3 คนแบบตัวใหญ่ๆ ก็คงไม่เหมาะเท่าใดนัก พื้นที่เหนือศีรษะยังมีเหลือ เช่นเดียวกับพื้นที่วางขาที่เรียกได้ว่าไม่ต้องนั่งชันเข่าให้เมื่อย แถมยังมีที่เหลือเฟือให้ขยับตัวไปมาได้แบบสบายๆ

Swift

โดยเบาะแถวหลังยังสามารถแบ่งพับได้ในอัตราส่วน 60 : 40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของด้านหลังได้อีก เป็นแบบกดกดปลดล็อกที่ทำได้ง่าย ส่วนฝาประตูห้องเก็บของด้านหลังก็เปิดด้วยสวิตช์ไฟฟ้าพร้อมสวิตช์ล็อกฝาท้ายมาให้ในตัว

ถ้าจะขนของในรถคันนี้ก็เรียกได้ว่าเหมาะสมสำหรับการเดินทางไป 4 คนแบบพอดีๆ แต่ด้วยรูปทรงของรถจึงไม่เหมาะสำหรับครอบครัวที่เป็นบ้าหอบฟาง ไปเที่ยวทีก็ขนข้าวของกันไปเหมือนย้ายบ้าน เพราะคันนี้เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย

หรือผู้ใหญ่สักหน่อยแต่มีรูปแบบชีวิตที่ล้ำยุคเกินคนในวัยเดียวกัน แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า Swift คันนี้ ไม่มียางอะไหล่นะจ๊ะมีเพียงชุดปะยางพร้อมปั้มลมอัตโนมัติและแม่แรงเท่านั้น

ระบบเบรคนั้นด้านหน้าดิสก์เบรกแบบมีรูระบายความร้อน สำหรับล้อคู่หลังก็เป็นดิสก์เบรก เช่นกัน โดยจะได้ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัว ESP (Electronic Stability Program) พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว Traction Control ระบบป้องกันล้อล็อก ขณะเบรกกะทันหัน ABS (Anti-Lock Braking System)

ระบบกระจายแรงเบรกตามน้ำหนักบรรทุก EBD (Electronics Brake Force Distribution) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Hold Control Swift ใหม่ ติดตั้งถุงลมนิรภัยมาให้ 6 ใบสำหรับรุ่นท๊อป ทั้งคู่หน้า ด้านข้าง และม่านลมนิรภัย

Swift

Related Posts