LINE@ พร้อมเสริมแกร่งให้ SME ก้าวสู่ ตลาดออนไลน์

LINE@ พร้อมเสริมแกร่งให้ SME ก้าวสู่ ตลาดออนไลน์

LINE@ เผยมีผู้ใช้กว่า 2 ล้านแอคเคาท์ และมีจำนวนผู้ใช้เติบโตมากขึ้นถึง 49% เทียบกับปี 2560 เป็นที่นิยมในกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่มมากที่สุด พร้อมเสริมความแกร่งให้ SME เพื่อให้ก้าวสู่ ตลาดออนไลน์ ใน 3 องค์ประกอบสำคัญ ทั้งเพิ่มความรู้ เชื่อมต่อออฟไลน์สู่ออนไลน์ และช่วยผลักดันธุรกิจ social commerce

สกุลรัตน์ ตันยงศิริ หัวหน้าธุรกิจ LINE@ กล่าวว่า ปัจจุบัน LINE@ มีผู้ใช้กว่า 2 ล้านแอคเคาท์ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2560 โดยมีจำนวนผู้ใช้เติบโตมากขึ้นถึง 49% โดยครึ่งปีแรกของปี 2561 LINE@ ได้ออกแพ็กเกจใหม่ Starter ในราคาเพียง 198 บาท

เพื่อให้เข้าถึงธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ทำธุรกิจเป็นอาชีพเสริมมากยิ่งขึ้น โดยกลุ่มหลักที่ใช้ LINE@ เยอะมากที่สุดคือ กลุ่มค้าขาย และกลุ่มธุรกิจ SME ที่เติบโตขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กล่าวคือ 1. กลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม เติบโตขึ้น 86% 2. กลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงามเติบโตขึ้น 85% 3. ธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตขึ้น 62%”

เพื่อเป็นการต่อยอดการเติบโตดังกล่าวกลยุทธ์ในครึ่งปีหลังนี้ ไลน์ได้เตรียมสร้างสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ SME เพื่อก้าวสู่ตลาดออนไลน์ ใน 3 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย 1.เพิ่มความรู้ให้ผู้ประกอบการ SME

ด้วยการปั้น LINE@ Certified Coach หรือผู้ผ่านการรับรองจาก LINE@ แล้วว่ามีความรู้ทั้งเรื่อง LINE@ เอง และความรู้ภาพรวมของการตลาดดิจิทัลอย่างครบวงจร เหมาะที่จะถ่ายทอดความรู้นี้ต่อไปยังผู้ขายที่สนใจทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ด้วยตนเอง

พร้อมจับมือพาร์ทเนอร์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้แพลตฟอร์ม LINE@ ให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นดิจิตอลเอเจนซี่ ธนาคารชั้นนำต่างๆ เครือข่ายโทรคมนาคมและเครือศูนย์การค้า

โดยการร่วมจัดสัมมนาให้ความรู้กับธนาคารชั้นนำ อาทิ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพานิชย์ รวมถึงบริษัทโทรคมนาคมเพื่อให้เข้าถึงเจ้าของธุรกิจในวงกว้างยิ่งขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยสัมมนาจะมีทั้งแบบที่เป็นเรื่อง LINE@ โดยเฉพาะ แล้วแบ่งตามประเภทธุรกิจ และสัมมนาเชิงเกร็ดความรู้หรือเทคนิคต่างๆ

2.เชื่อมต่อออฟไลน์สู่ออนไลน์หรือ O2O ทั้งด้านการจัดธุรกิจและปิดการขาย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ทั้งกับผู้ซื้อและผู้ขายยิ่งขึ้น โดยจับมือกับศูนย์การค้า เพื่อโปรโมทให้ร้านค้าต่างๆ ใช้ LINE@ โดยเริ่มจากร้านค้าใน Fashion Island, Gaysorn Village, Terminal21 Asok, และ The Promenade กว่า 300 ร้านค้าโดยทั้งหมดนี้เพื่อพัฒนาธุรกิจ SME ให้เข้าถึงโลกออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น

3.ผลักดันธุรกิจ social commerce ให้เติบโตไวยิ่งขึ้น เนื่องจากนักช้อปออนไลน์ไทยกว่า 51% ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่าน social media (เทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่ 16% นับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก)

ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มูลค่าไม่ได้สูงนักและไม่ต้องการบริการหลังการขายอย่างพวกสินค้าเสื้อผ้า รองเท้า ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม (ข้อมูล: PWC Total Retail Survey 2016 และ EIC Analysis 2017) ทำให้สอดคล้องกับข้อมูลของเรา

โดยกลุ่มค้าขาย ร้านค้า เป็นกลุ่มหลักที่ใช้ LINE@ กว่า 700,000 แอคเคาท์ ซึ่งการก้าวเข้าสู่ social commerce อาจเริ่มต้นจากการสร้าง Brand Awareness การส่งโปรโมชั่นของร้านค้า ผ่าน LINE@ ไปจนถึงกิจกรรมทั้งซื้อและขายที่สามารถจบในที่เดียวทั้งด้านโฆษณา ด้านชำระเงิน และด้านการจัดส่ง บนแอพพลิเคชัน LINE

Related Posts