ริโก้ (ประเทศไทย) เปิดตัวเครื่องพิมพ์อุตสาหกรรม 2 รุ่นใหม่ RICOH Pro T7210 บุกตลาดสถาปนิกพิมพ์งานตกแต่งบ้าน และรุ่น RICOH Pro C7200x / C7210x เสริมงานพิมพ์ปริมาณน้อยให้โรงพิมพ์ขนาดใหญ่คล่องตัวมากขึ้น ลั่นพร้อมสร้างยอดขายทันที
Ricky Tan ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มธุรกิจการพิมพ์ ริโก้ เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า วันนี้ ริโก้ เปิดตัวเครื่องพิมพ์อุตสาหกรรมใหม่ 2 รุ่นใหม่ ทั้งแบบ Flatbed หน้ากว้าง RICOH Pro T7210 เพื่อการพิมพ์งานลงบนวัสดุขนาดใหญ่และมีความหนาของพื้นผิวเป็นพิเศษ รวมทั้งรองรับการใช้งานหมึกชนิดพิเศษ เพื่อพิมพ์ลงบนวัสดุที่หลากหลายได้ตามต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระเบื้อง วัสดุรองพื้นโต๊ะ วัสดุปูผนังต่าง ๆ ตลอดจนการสร้างรูปแบบพิเศษเพื่อเพิ่มความหน้าของชั้นสี และให้มีมิติในชิ้นงานดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การพิมพ์วัสดุตกแต่งบ้าน แบบเฉพาะตัว ในปริมาณตามต้องการ ซึ่งนับเป็นความเฉพาะตัวจากวัสดุชิ้นเดียวที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครในโลกนี้ให้กับบ้านของคุณอย่างแน่นอน
ขณะที่รุ่น RICOH Pro C7200x / C7210x จะเป็นเครื่องมือยกระดับงานพิมพ์ โดยได้เพิ่มความเสถียรของสีจากคุณสมบัติการสอบเทียบอัตโนมัติด้วยระบบ inline เซ็นเซอร์ และสะดวกยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่นปรับแต่งค่าความแม่นยำในการพิมพ์แบบอัตโนมัติในตัวเครื่องพิมพ์ พร้อมรองรับการใช้งานสีถึง 5 สี ทั้งในส่วนสีหลัก CMYK และอีก 1 ช่องสีพิเศษ
ซึ่งสามารถเลือกใช้หมึกสีที่ 5 นี้เพิ่มเติมได้ถึง 5 ตัวเลือก ได้แก่ สีขาว สีเคลียร์แบบใสเพื่อเพิ่มลูกเล่นการพิมพ์ สีชมพูสะท้อนแสง สีเหลืองสะท้อนแสง เพื่อเพิ่มความตื่นตาตื่นใจแก่งานพิมพ์ที่เน้นสีสดใส สร้างความแปลกใหม่ให้งานพิมพ์ และสีแดงล่องหน (Invisible ink) สำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยในระดับเบื้องต้น ด้วยการพิมพ์เพียงครั้งเดียว (Single Pass Printing)
ด้านกรภัทร วงศ์อนันต์ชัย ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจงานพิมพ์เชิงพาณิชย์ของบริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ตลาดงานพิมพ์อุตสาหกรรมได้มีการขยายตัวมากขึ้น พร้อมกับความต้องการการพิมพ์ของลูกค้าอย่างเช่น ปริมาณที่ต้องการน้อยลง ระยะเวลาการพิมพ์และการจัดส่งที่สั้นลง รวมทั้งความต้องการในการออกแบบตามความต้องการของแต่ละบุคคล”
“RICOH Pro T7210 นี้ตอบโจทย์ดังกล่าวทั้งหมดได้อย่างง่ายดายพร้อมประสิทธิภาพสูง จากความพยายามของ RICOH ที่จะใช้ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทั้งตัวหมึก และหัวพิมพ์ที่เป็นหัวใจของเทคโนโลยี Inkjet ที่จะคิดค้นและเพิ่มโอกาสสร้างมูลค่าใหม่ๆ ให้แก่ผลิตภัณฑ์และการบริการ”
RICOH Pro T7210 เครื่องพิมพ์อุตสหกรรมเพื่อสถาปนิกและนักออกแบบโดยเฉพาะ
RICOH ได้นิยามงานพิมพ์เชิงอุตสาหกรรมว่าเป็นการพิมพ์แบบหน้ากว้าง (Wide Format) ซึ่งงานที่พิมพ์ออกมาจะถูกนำไปใช้เป็นส่วนสำคัญของการผลิตสินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งทอ เสื้อผ้า วัสดุโลหะต่าง ๆ เครื่องพิมพ์ที่มีความยืดหยุ่นในเรื่องของขนาดงานพิมพ์ จึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ที่ต้องการผลักดันให้งานพิมพ์เข้ามามีส่วนสำคัญในกระบวนการผลิตสินค้าเหล่านี้
ซึ่ง RICOH Pro T7210 สามารถรองรับวัสุดที่นำมาพิมพ์ได้หนาถึง 4.3 นิ้ว และพื้นที่พิมพ์กว้างถึง 6.9 x 10.5 ฟุต ด้วยพื้นที่พิมพ์ที่กว้างนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์งานบนแผ่นกว้างมาตรฐานขนาด 4 x 8 ฟุต หรือขนาดแผ่นงานที่แตกต่างกัน
เช่น สามารถพิมพ์บอร์ดขนาด 3 x 6 ฟุต จำนวน 3 แผ่นในเวลาเดียวกันได้ คุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์งานบนวัสดุที่ก่อนหน้านี้ อาจถูกมองว่ามีขนาดใหญ่เกินไปที่จะพิมพ์บนพื้นผิวโดยตรงได้ ทำให้ประหยัดทั้งเวลา แรงงาน และทรัพยากร
อีกทั้งยังมีจุดเด่นที่ความทนทานและการใช้งานที่ง่าย สามารถช่วยยกระดับศักยภาพของผู้ให้บริการงานพิมพ์ได้เป็นอย่างมาก ด้วยความเร็วในการพิมพ์ที่ 50 ตารางเมตรต่อชั่วโมง หรือ 538.2 ตารางฟุตต่อชั่วโมงสำหรับโหมดงานพิมพ์มาตรฐาน
นอกจากนี้ยังมีตัว Media Gap Adjustment Sensor ที่ทำหน้าที่ตรวจวัดความหนาของวัสดุพิมพ์และปรับระยะหัวพิมพ์อย่างอัตโนมัติ เทคโนโลยีนี้ทำให้สามารถสับเปลี่ยนวัสดุที่มีความหนาต่างกันได้อย่างง่ายดาย รวมถึงงานพิมพ์ที่ออกมาก็มีความแม่นยำและมีเสถียรภาพสูง แม้จะพิมพ์เป็นครั้งแรกก็ตาม
ในขณะที่เทคโนโลยีหมึกยูวี (UV Ink) แบบความหนืดสูง และหัวฉีดแบบ Piezo electric ซึ่งเป็นเอกสิทธ์เฉพาะของ RICOH ทำให้งานพิมพ์ออกมาโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ พร้อมอายุการใช้งานของหัวพิมพ์ที่ยาวนานขึ้น และง่ายต่อการดูแลรักษาด้วยระบบ One-Touch Maintenance แยกการบำรุงรักษาเครื่องและหัวพิมพ์ ด้วยการกดปุ่มเพียงแค่ปุ่มเดียว
มาพร้อมระบบการจัดการทรัพยากรแบบอัจฉริยะ และอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้สามารถผลิตงานจำนวนน้อย หรืองานที่ทำเพียงแค่ชิ้นเดียว (on demand) ในราคาที่ไม่แพง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นกับผู้ลงทุน ในกลุ่มตลาดที่ผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตลาดธุรกิจตกแต่งภายใน ซึ่งให้ความสำคัญกับ “เอกลักษณ์” อันถือเป็นหัวใจของชิ้นงาน
RICOH Pro C7200x / C7210x ช่วยยกระดับการพิมพ์เอสเอ็มอี
RICOH Pro C7200x / C7210x ต่อยอดจากรุ่นปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการพิมพ์แบบ 5 สี หรือ 5 ถังพิมพ์ ออกแบบและพัฒนาเพื่องานด้านกราฟฟิคอาร์ตโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับธุรกิจงานพิมพ์แบบมืออาชีพที่ต้องพิมพ์งานจำนวนมาก
เพิ่มความเสถียรของสีจากคุณสมบัติการสอบเทียบอัตโนมัติด้วยระบบ inline เซ็นเซอร์ และสะดวกยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่นปรับแต่งค่าความแม่นยำในการพิมพ์แบบอัตโนมัติในตัวเครื่องพิมพ์ นอกจาก CMYK ซึ่งเป็น 4 สีหลัก แล้ว RICOH Pro C7200x / C7210x
พร้อมเพิ่มมูลค่าแก่งานพิมพ์ด้วยหมึกสีที่ 5 (Fifth Station) ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้หมึกสีที่ 5 นี้เพิ่มเติม ได้แก่ สีขาว สีเคลียร์ สีชมพูสะท้อนแสง สีเหลืองสะท้อนแสง เพื่อเพิ่มความตื่นตาตื่นใจแก่งานพิมพ์ที่เน้นสีสดใส สร้างความแปลกใหม่ให้งานพิมพ์ และสีแดงล่องหน (Invisible ink) สำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยในระดับเบื้องต้น ด้วยการพิมพ์เพียงครั้งเดียว (Single Pass Printing)
อีกทั้งยังมีกระบวนการผลิตงานพิมพ์อย่างต่อเนื่องด้วยอุปกรณ์ต่อพ่วง (Finishing) ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเข้าเล่มแบบ GBC eWire Binder, BDT Banner Sheet LCT หรือตัวจัดเรียงกระดาษที่ปรับความยาวได้จาก Plockmatic
ในส่วนของการควบคุมรองรับ Digital Front End (DFE) เพื่อคุณภาพการพิมพ์หลายแบบ ตั้งแต่ Fiery ของ EFI, GWNX ไปจนถึง TotalFlow Print Server R62A จาก RICOH ซึ่งเป็น DFE ประสิทธิภาพสูงที่สามารถทำงานร่วมกับโซลูชั่นงานพิมพ์หลากหลายประเภท
กรภัทร กล่าวเสริมว่า “ระบบเครื่องพิมพ์ของ RICOH สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและซับซ้อนในตลาดมากขึ้นในทุกวันนี้ ทั้งจำนวนพิมพ์ที่หลากหลายและการคืนทุนที่รวดเร็ว รวมถึงการยกระดับคุณภาพงานพิมพ์ ประสิทธิภาพและศักยภาพของเครื่องพิมพ์ที่สูงขึ้น และเรายังเชื่อมั่นว่าธุรกิจงานพิมพ์ที่ลงทุนกับความสามารถอันเหนือชั้นของเครื่องพิมพ์ของ RICOH ย่อมได้รับการยอมรับจากลูกค้าในวงกว้าง”