การจับมือของไปรษณีย์ไทยและธนาคารกสิกรไทยในการขยายจุดบริการรับฝากเงินเข้าบัญชีลูกค้าธนาคารกสิกรไทย สู่เครือข่ายไปรษณีย์ 964 แห่งทั่วประเทศ นับเป็นความร่วมมือแบบวินวิน ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าของทั้ง 2 องค์กรได้เป็นอย่างดี
ตอบโจทย์คนที่ไม่อยากเดินทางไปสาขาของธนาคารซึ่งอาจจะอยู่ไกลและเดินทางลำบาก แต่การเดินทางไปส่งโปรษณีย์จะง่ายเพราะเข้าถึงในพื้นที่ห่างไกลได้ดีกว่า โดยในช่วงแรกบริการเรียลไทม์รับฝากเงินสดปุ๊บเงินเข้าบัญชีปั๊บด้วยค่าธรรมเนียม 20 บาท
ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีสาขาอยู่แล้ว 1,016 สาขา และตู้บริการอัตโนมัติ 11,792 ตู้ จะทำให้ธนาคารมีจุดให้บริการธุรกรรมการเงินเพิ่มขึ้นทันทีรวมแล้วกว่า 13,772 จุดทั่วประเทศ นับเป็นการร่วมกันพัฒนาศักยภาพช่องทางการให้บริการที่จะเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าในการใช้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และครอบคลุมทุกพื้นที่
ส่วนไปรษณีย์ไทยนั้นก็จะมีบริการใหม่เพิ่มขึ้น โดยรับฝากเงินสูงสุด 20,000 บาทต่อครั้ง ไม่เกิน 40,000 บาทต่อวัน ค่าธรรมเนียม 20 บาทต่อรายการ ในช่วงเปิดบริการลดค่าธรรมเนียมเหลือ 10 บาทต่อรายการจนถึงสิ้นปี 2561
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า บริการดังกล่าวเป็นบริการ “เคแบงก์ เซอร์วิส” ผ่านแบงกิ้ง เอเย่นต์ หรือตัวแทนผู้ให้บริการของธนาคาร นับเป็นยุทธศาสตร์ของธนาคารในการรุกมอบบริการให้ถึงตัวลูกค้าด้วยสาขา และช่องทางบริการรูปแบบใหม่ๆ
เพื่อเพิ่มช่องทางบริการทางการเงินที่นอกเหนือจากสาขาธนาคารรูปแบบปกติ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และพื้นที่ที่แตกต่างกันไปของลูกค้า และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ยังไม่คุ้นเคยกับดิจิทัล แบงกิ้ง โดย “เคแบงก์ เซอร์วิส” ให้บริการเหมือนสาขาของธนาคาร
การแต่งตั้งบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นตัวแทนในการให้บริการ “เคแบงก์ เซอร์วิส” ผ่านสาขาไปรษณีย์ ในเบื้องต้นจะเปิดให้บริการในสาขาที่มีความพร้อมจำนวน 964 แห่ง ตั้งเป้าหมายมีลูกค้าใช้บริการฝากเงินสดกว่า 150,000 ธุรกรรมภายในสิ้นปี 2561
ส่วนการให้บริการเต็มรูปแบบทั้งรับฝากเงินสด ถอนเงิน และการเปิดบัญชี ซึ่งอยู่ในระหว่างกำหนดกระบวนการที่เหมาะสมตามมาตรฐานของ ธปท. ภายในปีหน้า ส่งผลให้ภายใน 3 ปีแรกมีปริมาณลูกค้าใช้บริการทุกธุรกรรมที่สาขาไปรษณีย์ไทยรวมประมาณ 600,000 ธุรกรรม
“แบงกิ้งเอเย่นต์ที่ธนาคารแต่งตั้งจะต้องมีสถานที่ให้บริการเป็นหลักแหล่ง เสริมพื้นที่ที่ธนาคารมีอยู่ มีพนักงาน เครื่องมือ และระบบการให้บริการที่รองรับการปฏิบัติงานที่ปลอดภัย โดยเฉพาะศักยภาพการเชื่อมต่อระบบกับธนาคารแบบเรียลไทม์ เพื่อสามารถให้บริการกับลูกค้าได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย โดยธนาคารจะดูแลรับผิดชอบการให้บริการของตัวแทนเสมือนหนึ่งเป็นผู้ให้บริการเอง”
นายพัชร กล่าวว่า ธนาคารมีแผนเปิดให้บริการ “เคแบงก์ เซอร์วิส” ผ่านแบงกิ้ง เอเย่นต์ กับพันธมิตรที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพแตกต่างกันไป เช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และสถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น
คาดว่า เมื่อเคแบงก์ เซอร์วิส สามารถให้บริการเต็มรูปแบบครอบคลุมบริการรับฝากเงิน ถอนเงิน จ่ายบิล และเปิดบัญชี จะทำให้มีจำนวนธุรกรรมรวมกว่า 2 ล้านรายการภายใน 3 ปี และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น บนต้นทุนบริหารจัดการที่เหมาะสมของธนาคาร
ด้านนางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดให้บริการตัวแทนสถาบันการเงิน (Bank@Post) โดยร่วมกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในการรับฝากเงินเข้าบัญชีธนาคาร มาตั้งแต่ปี 2554
โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้นต่อไปในอนาคต เนื่องจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนขยายสาขาของธนาคารมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ไปรษณีย์ไทย ถือเป็นหน่วยงานรัฐที่มีศักยภาพทางด้านเครือข่ายที่ครอบคลุมและเข้าถึงประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขามากกว่า 5,000 แห่ง ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของธนาคารในการเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง
“ในระยะแรกจะเปิดให้บริการรับฝากเงินเข้าบัญชีลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยผ่านที่ทำการไปรษณีย์ กระจายไปยังสาขาของไปรษณีย์โดยเฉพาะในเขตภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในพื้นที่ให้สามารถฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสาขาของธนาคารฯ และจะมีการขยายประเภทธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ พร้อมเพิ่มจุดบริการให้ครอบคลุมทุก ปณ. ทั่วประเทศในอนาคตอันใกล้”
สำหรับลูกค้าที่ต้องการฝากเงินผ่าน “เคแบงก์ เซอร์วิส” ที่สาขาไปรษณีย์ เป็นลูกค้าประเภทบุคคลธรรมดาที่ต้องการฝากเงินสดเข้าบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวัน ออมทรัพย์ เพียงกรอกใบนำฝากเพื่อแจ้งเลขที่บัญชีที่ต้องการฝากเงิน และจำนวนเงิน โดยผู้ฝากจะได้รับหลักฐานการทำธุรกรรม เมื่อทำรายการเสร็จสมบูรณ์เป็นใบเสร็จ และ SMS ซึ่งผู้รับปลายทางจะได้รับเงินโดยทันที