ฮิตาชิ กรุ๊ปและเอสซีจี จับมือกัน พัฒนาการประหยัดพลังงานในโรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการด้านอื่นๆโดยใช้ แพลตฟอร์ม IoT ที่ชื่อว่า Lumada ของฮิตาชิ
พร้อมส่งเสริมโครงการริเริ่มใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่คุณค่านับตั้งแต่ในโรงงานผลิตไปจนถึงกระบวนการจัดส่ง
นายจุน อาเบะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและการกระจายสินค้า บริษัท ฮิตาชิ จำกัดกล่าวว่า
“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เริ่มต้นการประสานความร่วมมือกับ SCG-CBM ซึ่งจะเป็นผู้นำให้กับภาคอุตสาหกรรมของไทยต่อไป
ผมเชื่อว่าดิจิทัลเทคโนโลยีของฮิตาชิที่ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรมรวมถึงการกระจายสินค้า ประสานความร่วมมือโดยใช้ Lumada จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เราจะทำงานร่วมกับ SCG-CBM เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยเป้าหมายที่จะทำให้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ประสบความสำเร็จ”
โดยปัจจุบันจำนวนประชากรวัยทำงานกำลังลดลงในญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ดังนั้นโรงงานผลิตและธรุกิจลอจิสติกส์จึงไม่เพียงต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดจำนวนแรงงานลง
แต่ยังต้องเสริมการผลิตที่เพิ่มมูลค่าได้ในระดับสูง และการปฏิบัติงานด้านการจัดส่งที่ออพติไมซ์หรือเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่คุณค่าได้ทั้งระบบ ทดแทนแบบเดิมที่เป็นการออพติไมซ์แยกเป็นแต่ละส่วน
ปัจจุบันมีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเพื่อมุ่งจัดการพัฒนาเศรษฐกิจและการแก้ไขประเด็นทางสังคมต่างๆ ด้วยการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี เช่น เอไอ หรือ Artificial Intelligent, IoT และหุ่นยนต์
โดยเฉพาะโครงกาไทยแลนด์ 4.0 และ Society 5.0 ในญี่ปุ่น ที่มีรัฐบาลเป็นผู้ขับเคลื่อน
ด้านนาย ชนะ ภูมี รองประธาน บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า “ฮิตาชิ กับ SCG มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานแล้ว
ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการนำ ดิจิทัล เทคโนโลยี ในส่วนที่ ฮิตาชิ มีความชำนาญ มาร่วมกันพัฒนาต่อยอดในรูปแบบ Co-Creating เพื่อช่วยตอบโจทย์ทางธุรกิจของทั้ง 2 ฝ่าย
ความร่วมมือในครั้งนี้เริ่มจากการจัดการด้านพลังงาน และคงจะขยายความร่วมมือไปในด้านอื่น ตามแนวทางการพัฒนาองค์กรเพื่อมุ่งสู่ Industry 4.0 ของบริษัท”
ทั้งนี้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผู้ผลิตที่มีกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่ประกอบธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมิคอล และผลิตบรรจุภัณฑ์ในระดับโลก
โดยมี SCG-CBM ทำหน้าที่ผลิตและกระจายปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เนื่องจากบริษัทดำเนินงานในหลายกลุ่มธุรกิจ จึงจำเป็นต้องเสริมขีดความสามารถด้านการผลิตด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี
ขณะที่ฮิตาชิมีกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมโดยใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นอุตสากรรมไฟฟ้า/พลังงาน, อุตสาหกรรม/การกระจายสินค้า/น้ำ, การพัฒนาเมือง และการเงิน/โครงสร้างทางสังคม/การดูแลสุขภาพ
ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาในอุตสาหกรรมต่างๆมาอย่างยาวนาน
ทำให้ฮิตาชิพัฒนาและนำเสนอดิจิทัลโซลูชั่นส์ได้อย่างหลากหลาย ผ่านการทำงานแบบประสานความร่วมมือ หรือ Collaborative Creation กับลูกค้า โดยใช้ Lumada ซึ่งเป็น IoT แพลทฟอร์ม ของฮิตาชิ
เพื่อให้การสนับสนุน แก้ไขปัญหาของลูกค้า โดยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ฮิตาชิได้เปิดตัว “ศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ในประเทศไทย เพื่อเร่งให้เกิดการพัฒนาที่ทั่วถึง
ด้านนายโยชิโตะ โคดะมะ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า“ผมรู้สึกยินดีที่กลุ่มฮิตาชิมีส่วนร่วมกับ SCG-CBM ในการยกระดับห่วงโซ่คุณค่าไปอีกขั้นโดยใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีของเรา
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วย “ศูนย์ Lumada ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ที่ได้เปิดตัวเมื่อวานนี้ จะทำให้กลุ่มฮิตาชิสามารถสนับสนุนการเดินหน้าไปสู่ความเป็นดิจิทัลของอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียนได้เป็นอย่างดี”
เป้าหมายของ SCG-CBM ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ประกอบกับการนำเสนอดิจิทัลโซลูชั่นส์ของฮิตาชิ และฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) สู่ทั่วโลก
ทั้งสามบริษัทจึงเห็นชอบในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU ครั้งนี้ เพื่อประสานความร่วมมือในการส่งเสริมการประหยัดพลังงานในโรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านอื่นๆ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือโรงงานปูนซีเมนต์ของ SCG-CBM ในอำเภอทุ่งสงทางภาคใต้ของประเทศไทย มีการใช้ Factory Simulator ซึ่งเป็นโซลูชั่นหลักของ Lumada ของฮิตาชิ ในการวิเคราะห์ฐานข้อมูล
ซึ่งรวมถึงกำลังการผลิตและการควบคุมคุณภาพ รวมทั้งสามารถพัฒนาแผนการผลิตที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทั้งโรงงานได้โดยอัตโนมัติ จึงช่วยลดการใช้พลังงานลง ส่วนในการนำส่งปูนซีเมนต์ ก็เช่นกัน
ฮิตาชิจะวิเคราะห์ข้อมูลการปฏิบัติการของรถขนส่งปูนซีเมนต์ และพัฒนาแผนการขนส่งที่ดีที่สุด เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านลอจิสติกส์และสินค้าคงคลังลง
และดำเนินการตรวจสอบกระบวนการ รวมทั้งผลรับ เพื่อพิจารณาร่วมมือในการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีของฮิตาชิ ตลอดจนพิจารณาขยายขอบเขตการใช้งานต่างๆ
ทั้งนี้ ฮิตาชิ และฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จะสร้างบริการรูปแบบใหม่ผ่านการประสานความร่วมมือกับ SCG-CBM และมุ่งมั่นพัฒนาบริการบนโซลูชั่นหลักของ Lumada