นูทานิคส์ ผู้ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์และโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ จัดงาน NEXT on Tour in Bangkok ครั้งที่ 2 ในประเทศไทย เน้นนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้งานได้ง่ายเข้ากับทุกสภาพแวดล้อม โดยได้มีการนำลูกค้าที่นำซอฟต์แวร์ไปใช้จนประสบความสำเร็จมาร่วมถ่ายทอด
ซึ่งในงานนี้นอกจากจะบอกทิศทางของเทคโนโลยีที่จะนำเสนอในประเทศไทยแล้ว ยังนำเสนอซอฟต์แวร์ใหม่ที่จะเข้ามาเสริมไลน์ผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพขึ้นอีกด้วย
Nutanix .NEXT Conference ในปีนี้จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ณ นิวออร์ลีน ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะจัด NEXT on Tour in Bangkok ขึ้นในกรุงเทพ และจะไป .NEXT Conference ต่อที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในเดือนพฤศจิกายน ในงานดังกล่าวจะมีการนำเสนอเทคโนโลยีอย่าง Multi-Cloud, Edge Computing, Dev/Ops หรือ AI ให้กับผู้บริหาร ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานไอที ผู้นำองค์กร สถาปนิก และนักพัฒนามารวมตัวกัน เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ช่วยให้การทำงานที่มีประสิทธิภาพ
นายทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการ นูทานิคซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงานในเมืองไทยดังกล่าวเป็นการจัดงานเพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก .NEXT Conference มาสู่ภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันลูกค้าในเมืองไทยของนูทานิคส์มีตั้งแต่ภาคการผลิต ลอจิสติกส์ สถาบันการเงิน เซอร์วิสโพรวายเดอร์
อาทิ ไอเน็ต สงขลานครินทร์ อีซี่บาย INSEE และทริส คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น โดยที่ผ่านมาลูกค้าของเมืองไทยหลายรายยังมีความต้องการการสร้างไพรเวทคลาวด์ที่ต้องมีดาต้าเซ็นเตอร์อยู่ เนื่องจากมีข้อกำหนดเรื่องของกฏหมาย จุดเด่นของนูทานิคส์จะอยู่ที่ลูกค้าสามารถใช้งานคลาวด์ได้ง่ายกว่าเดิม ต้นทุนลดลงกว่าเดิม และทำให้พื้นที่ของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ลดลง ประหยัดค่าไฟ ค่าเดินสายไฟ ค่ายูพีเอส เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างที่ผ่านมามีลูกค้าสามารถลดพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ 70%
ในต่างประเทศ เคอรี่ เป็นธุรกิจโลจิสติกที่โตเร็ว จึงต้องการรระบบที่สามารถะเพิ่มจำนวนได้ตามต้องการ ซึ่งโซลูชันของนูทานิคส์จะสามารถซื้อเติมได้เรื่อยๆ ตามความต้องการ จึงตอบสนองความต้องการได้ดี ส่วนในเมืองไทย INSEE หรือ ปูนซีเมนต์นครหลวง ได้นำซอฟต์แวร์ของเราไปใช้กับไอโอที นำไปประยุกต์เข้ากับเครื่องจักรที่ใช้งานอยู่ ซึ่งจะช่วยให้พยากรณ์ได้ว่าเครื่องจักรจะเสียหรือยัง และจะต้องเปลี่ยนอะไหล่หรือระบบในจุดไหนเมื่อไร ช่วยเพิ่มความง่ายและสะดวกให้กับลูกค้า ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่โดยไม่จำเป็น
“เรามองว่าไอทีมีบทบาทสำคัญ เทคโนโลยีของเราเอื้อให้ลูกค้าสร้างพื้นฐานไอทีเป็นไพรเวทคลาวด์ได้ง่ายขึ้น ช่วยแนวทางสำหรับลูกค้าจะลงทุนเรื่องเทคโนโลยี เช่น การจ่ายเงินให้กับพลับลิคคลาวด์เหมาะสมแค่ไหน ดูให้ตรงกับความต้องการ ลงทุนได้คุ้มค่า นอกจากนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เทคโนโลยีจะถูกลง การลงทุนต้องดูปัจจัยเหล่านี้นำมาคิดด้วย นอกจากนี้ยังได้มีการใส่แมชชีนเลินนิ่งในนูทานิคส์ด้วย เพราะคนไม่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา
รวมถึงฝ่ายไอทีแต่ละที่ก็จะมีประสบการณ์ที่ต่างกัน แต่แมชชีนเลิร์นนิงจะตัดสินใจได้ดีกว่า นอกจากนี้เรายังสามารถสามารถสร้างเอนเทอร์ไพร้ซคลาวด์โอเอส โดยที่ด้านล่างรันอยู่บนไฮเปอร์คอนเวิร์ส เชื่องโยงไพรเวทคลาวด์ไปกับพลับบลิคคลาวด์ได้ และเรายังมีซอฟต์แวร์ที่ควบคุมทั้งหมดนี้อีกชั้นหนึ่ง”
นายทวิพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าต่างประเทศเริ่มไปในเอสเอพีมากขึ้น และมีเป้าหมายเรื่องการผสมไพรเวทกับพลับบลิคคลาวด์ด้วยกัน สร้างมาตรฐานเดียวกัน สำหรับเมืองไทยกำลังอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับลูกค้าในส่วนของการนำธุรกิจขึ้นเอสเอพี ฮาน่า
โดยโซลูชัน Enterprise Cloud OS Hyperconvergence ของนูทานิคซ์ รองรับการใช้งานร่วมกับ SAP HANA ซอฟต์แวร์ของนูทานิคซ์เพิ่มความคล่องตัวและความสะดวกในการใช้งานแบบคลิกเดียว โดยเอสเอพีให้การรับรองแพลตฟอร์ม Nutanix Enterprise Cloud OS พร้อมด้วยเวอร์ชวลไลเซชัน AHV ที่ใช้งานร่วมกับ SAP HANA
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรับรอง HCI ของเอสเอพี ทั้งนี้ SAP HANA เพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อมูลในการรายงาน การวิเคราะห์ข้อมูล และการคำนวณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนซอฟต์แวร์ของนูทานิคซ์นำเสนอประสิทธิภาพและการปรับขนาดที่ยืดหยุ่น เพิ่มความสะดวกในการบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมของเอสเอพีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่มากขึ้น และลดความล่าช้าของการเข้าถึงข้อมูล ทั้งยังปรับปรุงความพร้อมใช้งานในช่วงเวลาที่มีการใช้งานฐานข้อมูลอย่างหนักหน่วง
ช่วยให้ลูกค้าของเรามีทางเลือกด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยเพิ่มขึ้น โดยองค์กรต่างๆ จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของนูทานิคซ์และเอสเอพี เพื่อให้บริการฐานข้อมูล ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาแอป และอื่นๆ สามารถปรับขนาดได้
ทั้งนี้นูทานิคส์ยังได้แนะนำ Nutanix Flow ซึ่งเป็นโซลูชันด้านเครือข่ายที่ควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ เพื่อใช้งานมัลติคลาวด์ โซลูชัน Flow สร้างระบบรักษาความปลอดภัยให้กับเวอร์ชวลแมชชีน และแอปพลิเคชันที่ทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมของนูทานิคซ์ เพื่อปกป้องภัยคุกคามทั้งจากภายในและภายนอกที่ไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันด้านความปลอดภัยบนระบบเครือข่ายแบบดั้งเดิม
โซลูชัน Flow เมื่อทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ AcropolisTM ของนูทานิคซ์ จะช่วยให้ใช้งานง่ายและยังสามารถตรวจสอบการทำงานของแอปพลิเคชันที่องค์กรใช้งานอยู่ได้แบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยีจาก Netsil ซึ่งเป็นบริษัทที่นูทานิคซ์เข้าซื้อกิจการเมื่อเร็วๆ นี้
Nutanix Flow ช่วยให้กำหนดนโยบาย และบริหารจัดการการรักษาความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันเป็นไปอย่างอัตโนมัติโดยไม่รบกวนการทำงาน ทีมไอทีและเจ้าของธุรกิจจึงมั่นใจได้ว่าแอปพลิเคชันที่ใช้ในธุรกิจได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามต่างๆ ทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร
ตอบโจทย์องค์กรใหญ่ๆ เริ่มใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์เพื่อรองรับกับแอปพลิเคชันทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งแอปพลิเคชันหลายตัวมีการเชื่อมต่อและทำงานจากบริการของเวอร์ชวลแมชชีนหลายตัว ดังนั้นการกำหนดนโยบายความปลอดภัยในการติดต่อสื่อสารระหว่างบริการจึงเป็นเรื่องสำคัญ
Nutanix Beam เป็นโซลูชันที่ใช้กำกับ ดูแล และบริหารค่าใช้จ่ายบนพับลิคคลาวด์ รวมถึงตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย และการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับบนสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์ ใช้งานได้บน on-premise นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถบริหารจัดการระบบมัลติคลาวด์ได้ดียิ่งขึ้นด้วย ทีมไอทีสามารถประเมินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ได้ทั้งหมด ทั้งยังสามารถบริหารค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมโดยทำการระบุทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้งานและทรัพยากรที่มีการใช้งานน้อย
นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมงบประมาณและการใช้จ่ายกับคลาวด์ ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อประกอบการจัดสรรงบประมาณ และกำกับดูแลการใช้จ่ายกับคลาวด์ตามงบประมาณที่กำหนดไว้ ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถติดตามการใช้งานทรัพยากรคลาวด์ของแต่ละแผนก และแต่ละฝ่ายได้
และที่สำคัญสามารถกำหนดนโยบายในการตรวจสอบให้เป็นไปตามข้อบังคับ (compliance) รวมถึงวิเคราะห์การปฏิบัติการทางด้านความปลอดภัยของคลาวด์ได้อย่างมั่นใจ ในขณะเดียวกันก็สามารถระบุความเสี่ยงและการละเมิดที่เกิดขึ้นบนคลาวด์ได้
Nutanix Era เป็นอีกหนึ่งในโซลูชันที่เปิดตัวใหม่ มีความสามารถที่หลากหลายสำหรับการทำสำเนาข้อมูล และจัดการกับดาต้าเบส ช่วยทำให้ฐานข้อมูลที่อยู่บนนูทานิคส์ สามารถเก็บประวัติการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยนูทานิคซ์พัฒนา Era ขึ้นเพื่อทดแทนรีคัฟเวอร์รี่แบบเดิม อย่างเช่น เมื่อเราต้องการใช้ดาต้าเบสในจุดไหนก็ตาม
เราก็สามารถทำได้ในคลิ๊กเดียว ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการเอางานมาอยู่บนนูทานิคส์จะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น ลดความยุ่งยากซับซ้อนในการทำสำเนา ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสำเนาชุดข้อมูลปริมาณมาก ลดค่าใช้จ่ายด้านสตอเรจสำหรับดาต้าเบส แก้ปัญหาการจัดเก็บข้อมูลในองค์กรไม่มีประสิทธิภาพ มีระบบบริหารจัดการที่เรียบง่าย ควบคุมและป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล ในขณะเดียวกันทำให้กระบวนการดูแลดาต้าเบสลดความซับซ้อนลงได้
Nutanix Era มีความสามารถในการทำ Time-Machine หรือการย้อนเวลาเพื่อกลับไปยังช่วงเวลาที่ต้องการ จนถึงจุดสุดท้ายที่มีเกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ร่วมกับความสามารถในการทำ Snapshot ของนูทานิคซ์ และ APIs ของดาต้าเบสเหล่านั้น เพื่อสร้างการทำสำเนาข้อมูลในเวลาที่ต้องการ ช่วยให้นักพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ สามารถเลือกชุดสำเนาดาต้าเบสที่ตนต้องการได้
กู้คืนหรือรีเฟรชดาต้าเบสต่างๆ ได้ทันท่วงทีด้วยความมั่นใจว่าทุกๆ กิจกรรมที่เกิดขึ้นมีการบันทึกไว้ครบถ้วน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน NEXT on Tour in Bangkok ที่นูทานิคส์ได้นำเสนอให้กับผู้เข้าร่วมงาน