ไทยเบฟ วางวิสัยทัศน์ 2020 ด้วยเป้าหมายคือการขึ้นแท่นผู้นำแบรนด์สินค้าในระดับอาเซียน ซึ่งเป็นแผนดำเนินการระยะ 6 ปี ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 ด้วยกลยุทธ์หลัก 5 ด้าน ประกอบด้วย Growth คือการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
Diversity ความหลากหลายของสินค้าและตลาด Brand การมีตราสินค้าที่โดนใจ Reach การกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง Professionalism ความเป็นมืออาชีพด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร โดยในวันนี้ก็ผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว ไทยเบฟจึงได้จัดแถลงผลงาน และทิศทางธุรกิจที่จะเดินต่อ
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจเบียร์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาไทยเบฟได้รวมธุรกิจเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศเวียดนาม และสุราอันดับหนึ่งของประเทศเมียนมา เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัท
ทั้ง 2 ประเทศเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดภูมิภาคหนึ่งของโลก เข้ามาอยู่ในกลุ่มบริษัทของเรา สำหรับในปีหน้านี้ไทยเบฟพร้อมที่จะทุ่มเทศักยภาพที่มีอยู่ในทุกด้านเพื่อการสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของไทยเบฟที่สามารถรวมพลังเพื่อสร้างสรรค์ และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ซึ่งรวมถึงผู้บริโภคของไทยเบฟทุกคน
ในการขยายธุรกิจของกลุ่มไทยเบฟ เราก้าวหน้าไปอย่างรอบคอบระมัดระวัง ทำให้เราได้รับรางวัลความยั่งยืน DJSI World ซึ่งวัดความยั่งยืน 3 ด้าน คือความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนด้านสังคม
สำหรับปีนี้ไทยเบฟได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets หรือกลุ่มตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 3 และได้ถูกคัดเลือกขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลกในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของไทยเบฟ
“รางวัลที่ได้รับสะท้อนให้เห็นว่าไทยเบฟ มุ่งมั่นเพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กรที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำทางด้านเครื่องดื่มครบวงจรของอาเซียน พร้อมจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ใส่ใจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลก
ก้าวเข้าสู่วิสัยทัศน์ 2020 อย่างชัดเจน และพร้อมที่จะเดินหน้ารุกเต็มกำลังเพื่อครองความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรของภูมิภาคอาเซียนได้อย่างยั่งยืน”
นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจสุราและผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารช่องทางการจำหน่าย กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาธุรกิจสุราในประเทศไทยไทยเบฟยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้
ในขณะเดียวกันได้มีการพัฒนาสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดสุราพร้อมดื่ม สําหรับผู้บริโภคกลุ่มใหม่เช่น สตาร์ คูลเลอร์ และคูลอฟ แมกซ์ เซเว่น นอกจากนี้ยังได้มีการส่งออกสุรารวงข้าวซิลเวอร์
ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ไปยังประเทศเวียดนามและเกาหลีใต้ ถือเป็นการยกระดับสินค้าตรารวงข้าว ซึ่งเป็นสุรายี่ห้อแรกของประเทศไทยเข้าสู่ตลาดต่างประเทศอีกด้วย
โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศไทยเบฟได้มีการเข้าลงทุน 75% ในกลุ่ม Grand Royal Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุรา Grand Royal Whisky ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเมียนมา
และล่าสุดยังได้เข้าร่วมลงทุน 51% ในกลุ่ม Asiaeuro International Beverage ซึ่งเป็นบริษัทจัดจําหน่ายสินค้าเครื่องดื่มต่าง ๆ โดยเฉพาะสุราพรีเมียมจากประเทศสก็อตแลนด์และฝรั่งเศสอีกด้วย
ด้านนายเอ็ดมอนด์ เนียว คิมซูน รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารการลงทุนตราสินค้า ดูแลกลุ่มธุรกิจเบียร์ในปีที่ผ่านมา กล่าวว่า ในด้านของแบรนด์ช้างเองได้เพิ่มความแข็งแกร่งในการสร้างแบรนด์มากขึ้น
ผ่านปรัชญาที่ว่าด้วยความ “ละเมียด” ที่ใส่ใจในรายละเอียดทุก ๆ ขั้นตอนการผลิต กลั่นกรองสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ทั้งด้านของตัวผลิตภัณฑ์และกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย เพื่อที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับผู้บริโภค
นอกจากนี้ยังได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบรับกับความต้องการ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกปี
“ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทำการเปิดตัวในปีที่ผ่านมาคือ แทปเปอร์ (Tapper) เบียร์แอลกอฮอล์สูง ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเรากำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง เฟเดอร์บรอย ไวส์เบียร์ (Federbru Weissbier) พรีเมียมสไตล์เยอรมัน รวมถึงกิจกรรมการตลาดที่จะมาสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคในเร็วๆ นี้ ซึ่งถือว่าธุรกิจเบียร์ของเราขยายตัวได้อย่างรวดเร็วมาก”
นายเบนเนท เนียว กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไซ่ง่อนเบียร์-แอลกอฮอล์-เบฟเวอเรจ จ๊อยซ์สต๊อก คอร์ปอเรชั่น (ซาเบโก้) กล่าวว่า ปี 2561 นับเป็นอีกปีที่สำคัญในประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจของซาเบโก้ เพราะการดำเนินการรวมกลุ่มธุรกิจกับไทยเบฟกรุ๊ปประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
ทำให้กลุ่มธุรกิจเบียร์ซาเบโก้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ที่แข็งแรง พร้อมสนับสนุนในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ 2020 ของไทยเบฟ
เราเชื่อว่าธุรกิจของเราจะยิ่งแข็งแกร่ง เพราะมีตราสินค้าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่าง ไซง่อนเบียร์ อีกทั้งเรายังมีทีมกรรมการ และผู้บริหารที่เต็มไปด้วยความสามารถพร้อมที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาและขยายการดำเนินธุรกิจอย่างรวดเร็วต่อไป
นาย ลี เม็ง ตัท ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกรรมการผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด (เอฟแอนด์เอ็น) พร้อมด้วย มร. เลสเตอร์ เต็ก ชวน ตัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮออล์ ประเทศไทย กล่าวว่า
แม้ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มีการแข่งขันสูง แต่กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟยังสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีในตลาดที่ดำเนินธุรกิจ โดยเน้นการดำเนินงานใน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1. ขับเคลื่อนตลาดด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำและสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ในเครือ
โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกปีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน 2. ขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจและผลักดันสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟเวอเรจในภาพรวม
นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจอาหารประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจอาหารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัทไทยเบฟ
แม้ในปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านการแข่งขันในตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ก็สามารถขับเคลื่อนธุรกิจอาหารให้เดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ทั้งในกลุ่มโออิชิ ที่สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำด้านธุรกิจอาหารญี่ปุ่นไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และยังเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกันเรายังได้ทำการซื้อกิจการร้านเคเอฟซี ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในประเทศไทย จำนวน 252 สาขา ในนามบริษัท The QSR of Asia รวมทั้งการร่วมลงทุน 76% ในกลุ่มร้านอาหารไทย Spice of Asia
ภายใต้การบริหารที่เน้นประสิทธิภาพและกลยุทธ์การสร้างสรรค์ที่โดดเด่นและแตกต่าง จึงส่งผลให้เราเติบโตแบบก้าวกระโดด ขึ้นแท่นหนึ่งในผู้นำธุรกิจอาหารในประเทศไทย
นายโฆษิต สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาของกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง โครงการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าและการบริหารจัดการทางด้านซัพพลายเชนของบริษัทมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในปี 2561
โดยบริษัทสามารถเปิดศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคตามตำแหน่งยุทธศาสตร์ได้ตามแผนงาน พร้อมทั้งยังได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความชำนาญทางบริหารจัดการทางด้าน cold chain ในระดับโลก ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายการกระจายสินค้าทางด้าน cold chain เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัท
นอกจากนี้ยังสามารถนำเทคโนโลยีที่บริษัทได้ดำเนินการพัฒนาในช่วงที่ผ่านมา มาขยายผลและต่อยอดให้กับพันธมิตรและคู่ค้าของบริษัทเพื่อประโยชน์ที่สูงสุด ผ่านโครงการ digital transformation เป็นแกนกลางในการผลักดันศักยภาพของพนักงานและคู่ค้าให้เข้าถึงและสามารถที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่
มาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการโลจิสติกอย่างครบวงจร ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค
ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า จากการเดินทางสู่วิสัยทัศน์ 2020 ไทยเบฟมุ่งหวังที่จะเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของอาเซียน ด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้กับพนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องคือ โอกาสที่ไร้ขีดจำกัด หรือ Limitless Opportunities
ทั้งด้านการเติบโตในสายอาชีพ การสรรสร้างความสัมพันธ์ และการสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคมหนึ่งปีที่ผ่านมา จำนวนของพนักงานภายใต้กลุ่มไทยเบฟเพิ่มจากประมาณ 43,000 คน เป็นประมาณ 59,000 คน จากกิจการที่ขยายทั้งในไทย เวียดนาม และเมียนมา
นอกจากนี้ไทยเบฟได้รับรางวัลสำคัญในเวทีนานาชาติ Asia Best Employer Brand Awards 2018 ที่สิงค์โปร์ 3 รางวัล คือ Best Employer Brand Dream Employer of the Year และ Award for Talent Management
ซึ่งสอดคล้องกับการได้ 100 คะแนนเต็มด้าน Human Capital Development ในการประเมิน DJSI Sustainability Index 2018
เมื่อมองจากแต่ละสายธุรกิจของไทบเบฟโดยเฉพาะในสายน้ำเมาแล้ว การตั้งเป้าหมายมุ่งสู่การเติบโตตามเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2020 คงไม่ใช่เรื่องยาก และอาจจะถึงฝั่งฝันได้เร็วกว่าที่คิด