ทราก้า เตรียมรุกตลาดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมเจาะตลาดเมืองไทยในกลุ่มโรงแรม ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ รวมไปถึงกลุ่มโรงงาน ด้วยการนำเสนอโซลูชันล่าสุดทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ในงาน IFSEC Southeast Asia 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคมนี้
มาร์ติน วู้ดเฮาส์ ผู้อำนวยการด้านการขายตลาดต่างประเทศของทราก้า (Traka) กล่าวว่า ทราก้าเป็นผู้ให้บริการด้านระบบกุญแจและระบบบริหารจัดการอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยในปีนี้เรามุ่งมั่นแนะนำโซลูชันและแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดเอเชียแปซิฟิก ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ล็อกเกอร์อัจฉริยะของทราก้าตอบสนองความต้องการในงานจัดเก็บทุกระดับ
ตั้งแต่เรียบง่ายไปจนถึงระดับซับซ้อนอย่างอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่มีราคาสูงในองค์กร เพื่อควบคุม ติดตามดูการใช้งานและรายงานการใช้สินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กรอย่างใกล้ชิด โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่น ฐานข้อมูลทรัพยากรบุคคล และอุปกรณ์อื่นๆ ได้ ระบบและอุปกรณ์ทั้งหมดของทราก้ามาพร้อมกับซอฟต์แวร์ระบบสัมผัสที่ได้รับการบูรณาการเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
“สำหรับประเทศไทยและอาเซียน เรามองว่ากลุ่มโรงแรม ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ตลอดจนโรงงานต่างๆ เป็นกลุ่มหลักที่จะเข้าไปทำตลาดก่อน โดยจะนำเสนอโซลูชันที่ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิผล และทำให้มั่นใจได้ว่ามีการใช้อุปกรณ์ของบริษัทให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดยจะนำโซลูชันของทราก้าประกอบด้วยล็อกเกอร์และตู้กุญแจรูปแบบต่างๆ ที่เชื่อมต่อกันด้วยซอฟต์แวร์ที่ควบคุมจากศูนย์กลาง โดยจะนำผลิตภัณฑ์บางส่วนดังต่อไปนี้มาจัดแสดงในงาน IFSEC Southeast Asia เป็นหนึ่งในงานจัดแสดงสินค้าด้านการรักษาความปลอดภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย”
ทั้งนี้ทราก้า เว็บ (Traka Web) เป็นซอฟต์แวร์บริหารจัดการอัจฉริยะที่ทำงานบนบราวเซอร์ องค์กรสามารถควบคุมดูแลตู้และล็อกเกอร์หลักทั้งหมดของทราก้าผ่านทราก้า เว็บ ได้โดยง่ายจากระยะไกล
นอกจากนี้ด้วยความสามารถในการควบคุมในภูมิภาคนั้นๆ ทำให้แต่ละแผนกในองค์กรสามารถตั้งค่าระดับความปลอดภัยได้ตามความต้องการ เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ตู้และสินทรัพย์อื่นๆ มีประสิทธิภาพและได้ผลมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ การแจ้งเตือนทางอีเมล การตั้งค่าเคอร์ฟิว การดำเนินกิจกรรมแบบเรียลไทม์ การบันทึกค่าพลังงาน รองรับหลากหลายภาษา เป็นต้น
ในส่วนของ ตู้กุญแจ (Key Cabinets) ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรขนาดต่างๆ ด้วยจำนวนกุญแจตั้งแต่ 5 จนถึง 720 จุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเฉพาะพนักงานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะเข้าถึงตัวตู้กุญแจได้ (และสามารถใช้กับกุญแจที่ออกแบบมาคู่กันเท่านั้น) เป็นระบบที่สามารถจัดการความปลอดภัยสูงสุด
มาพร้อมความสามารถในการรายงานและระบุผู้ที่นำกุญแจไป นำไปในเวลาใด และเวลาที่ส่งมอบกุญแจคืน ถือเป็นการรายงานความรับผิดชอบของพนักงานในทุกครั้งที่นำไปใช้
สมาร์ท ล็อกเกอร์ (Smart Locker) เป็นบริการควบคุมดูแลสำหรับอุปกรณ์ที่ต้องใช้งานร่วมกัน อาทิ แล็ปท็อป แท็บเล็ต โทรศัพท์ วิทยุ และอุปกรณ์การแพทย์ ด้วยโซลูชั่นบริหารจัดการและจัดเก็บที่ปลอดภัยและดีที่สุด
แร็ค เมเนเจอร์ (Rack Manager) ระบบบริหารจัดการตู้แร็คที่ทรงประสิทธิภาพของทราก้า ทำให้สามารถควบคุมการเข้าถึงตู้แร็คที่จัดวางเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูล โดยสามารถปรับขยายเพื่อรองรับโครงสร้างแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ โดย แร็ค เมเนเจอร์ได้รับการควบคุมโดยซอฟต์แวร์และหน้าจอแบบสัมผัสจากทราก้าจึงใช้งานง่าย
ทำให้สามารถติดตามผลและจัดทำรายงานในรูปแบบที่ต้องการได้ทันที สามารถตั้งค่าอนุญาตให้ใช้งาน ไม่เพียงบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น แต่ยังสามารถกำหนดเวลาการใช้งานของแต่ละบุคคลได้อีกด้วย โดยแร็ค เมเนเจอร์จะมาพร้อมบริการแจ้งเตือนทางอีเมล เช่น มีอีเมลแจ้งเตือนขึ้นทันที ในกรณีที่ประตูถูกเปิดทิ้งไว้นอกเวลาที่กำหนด
อินทีเกรชัน เอ็นจิน (Integration Engine) เป็นโซลูชันที่จะช่วยให้ผู้ดูแลอุปกรณ์สามารถเชื่อมการอนุญาตใช้งานจากผู้ใช้เข้ากับระบบควบคุมที่มีอยู่ เพื่อช่วยปกป้องสินทรัพย์ด้วยข้อกำหนดที่ว่าพนักงานไม่อาจออกจากอาคารได้หากยังถือครองสินทรัพย์มีค่าหรือกุญแจอยู่
นอกจากนี้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าในเขตหวงห้ามต่างๆ ได้ และหากมีการเปลี่ยนแปลงระดับการอนุญาตของบุคคลใดในฐานข้อมูล ระบบตู้กุญแจและล็อกเกอร์อัจฉริยะของทราก้าจะปรับเปลี่ยนไปด้วยโดยอัตโนมัติ
