LINE ประกาศควบรวมธุรกิจกับ Sellsuki สตาร์ทอัพไทยเจ้าของระบบบริหารจัดการโซเชียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจรที่ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถจัดการทั้งระบบแชท ขายสินค้า เช็คสต็อค ติดตาม และดูแลหลังการขายได้ในระบบเดียว
Sellsukiก่อตั้งในยุคที่การซื้อขายทางออนไลน์ได้รับความนิยมด้วยบริการที่เข้าถึงความต้องการในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ซื้อขายออนไลน์ผ่านหลายช่องทางโดยเน้นไปที่โซเชียลมีเดียและแชทเป็นหลัก ซึ่งSellsukiก็ได้นำเอาความชำนาญนั้นมาร่วมพัฒนาบริการซื้อขายออนไลน์ของ LINE@ ด้วยเช่นกัน
นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “การซื้อขายผ่านทางโซเชียลมีเดียช่วยขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซของไทยให้เติบโต โดยผลสำรวจของ PWC พบว่าการซื้อขายผ่านทางโซเชียลมีเดียมีสัดส่วนถึง 51% ของตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งหมด และคิดเป็นมูลค่ารวมถึง 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เฉพาะปริมาณผู้บริโภคที่ซื้อขายสินค้าผ่านทางโซเชียลมีเดียในไทย ก็มีสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 3 เท่าแล้ว เพราะฉะนั้นการควบรวมธุรกิจกันในครั้งนี้จะเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ LINE ในประเทศไทย และจากที่ร่วมงานกันมาหลายปี
เราเชื่อว่าSellsuki มีศักยภาพเพียงพอที่จะให้ผลตอบแทนคุ้มค่าจากการรวมธุรกิจกันในครั้งนี้ LINE จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับทีมงานมากความสามารถอย่าง Sellsuki เพื่อมาช่วยกันส่งเสริมระบบนิเวศของสตาร์ทอัพไทยด้วยกัน”
การควบรวมธุรกิจดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่6 ธันวาคม 2561 ซึ่งพนักงานโซเชียลคอมเมิร์ซของSellsukiได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีม LINE ประเทศไทย
ขณะเดียวกัน นายเลอทัด ศุภดิลก ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารจัดการของSellsuki ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารฝ่ายอีคอมเมิร์ซของ LINE ประเทศไทย และในส่วนของโซลูชั่นด้านโซเชียลคอมเมิร์ซต่างๆ ของSellsuki ก็จะได้รับการถ่ายโอนมายัง LINE ส่วนบริษัทเดิมจะยังคงดำเนินธุรกิจอื่นๆ ต่อไปภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่
นายเลอทัด ศุภดิลก ผู้บริหารฝ่ายอีคอมเมิร์ซของ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ภารกิจที่เรายึดมั่นมาตลอดคือการสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตขณะเดียวกันก็ยังคงใกล้ชิดกับผู้บริโภค ซึ่งด้วยวิสัยทัศน์ของ LINE ทำให้เราตัดสินใจได้ไม่ยาก
และผมเชื่อว่านี่จะเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะสนับสนุนทั้งผู้ค้าในธุรกิจอีคอมเมิร์ซรวมทั้งระบบนิเวศของสตาร์ทอัพในภาพรวมด้วย เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์เทคโนโลยีและบริการใหม่ๆ ให้กับ LINE เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยอย่างไร้ขีดจำกัด”
“เราเชื่อมั่นว่าการรวมธุรกิจกันในครั้งนี้จะนำไปสู่มิติใหม่ของบริการอีคอมเมิร์ซจาก LINE และจากการบริหารของคุุณเลอทัดพร้อมด้วยทีมนักพัฒนาที่มีความสามารถ ซึ่งเข้าใจความต้องการของตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเป็นอย่างดี เราก็ยิ่งมั่นใจว่าจะสามารถนำบริการใหม่ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานและพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ชาวไทยได้อย่างแน่นอนครับ” นายอริยะกล่าวปิดท้าย
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง