ไทยยกระดับสู่ดิจิทัลครั้งใหญ่ หลังกลต. เผยกระทรวงการคลังเห็นชอบ การให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวน 4 ราย และยังอยู่ระหว่างการพิจารณา 1 ราย ด้านกลุ่มคริปโตเฮรับใบอนุญาต พร้อมเดินหน้าพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลต่อไป เปรยกลุ่มทุนคริปโตเคอเรนซี่จากทั่วโลกเริ่มทยอยไหลเข้าไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีผู้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 จำนวน 7 ราย* นั้น ในวันที่ 7 มกราคม 2562 กระทรวงการคลังได้แจ้งผลการพิจารณาคำขอรับใบอนุญาตดังกล่าวดังนี้
กลุ่มที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มีจำนวนรวม 4 ราย ประกอบด้วยผู้ได้รับอนุญาตเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวน 3 รายได้แก่ (1) บริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) เว็บไซต์ bx.in.th (2) บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB) เว็บไซต์ bitkub.com
และ (3) บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Satang Pro) เว็บไซต์ satang.pro และผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าและผู้ค้าคริปโทเคอร์เรนซี (Broker/Dealer) จำนวน 1 ราย ได้แก่ (4) บริษัท คอยส์ ทีเอช จำกัด (Coins TH) เว็บไซต์ Coins.co.th
กลุ่มที่คำขออนุญาตถูกปฏิเสธจำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท แคชทูคอยน์ จำกัด (Cash2coin) เว็บไซต์ cash2coins.com และบริษัท เซาท์อีส เอเชีย ดิจิทัล เอ็กซ์เชนจ์ จำกัด (SEADEX) เว็บไซต์ seadex.io ซึ่งได้ยื่นคำขอใบอนุญาตเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange)
เนื่องจากระบบงานสำคัญ อาทิ การดูแลรักษาทรัพย์สินและระบบงานในการทำความรู้จักตัวตนลูกค้ายังไม่มีความพร้อมตามมาตรฐานที่ ก.ล.ต. ยอมรับ และไม่สามารถแสดงได้ว่าระบบ IT security และ cybersecurity มีความปลอดภัยเพียงพอ
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัท Cash2coin และ SEADEX มีการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้บทเฉพาะกาล ผลการพิจารณานี้จึงเป็นเหตุให้บริษัทต้องยุติการประกอบธุรกิจ
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เวลาในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย รวมทั้งแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าทราบเพื่อการโอนทรัพย์สินของตนเองคืน หรือโอนไปยังผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลรายอื่นตามความประสงค์ของลูกค้า
กระทรวงการคลังจึงอนุญาตให้บริษัททั้ง 2 รายดังกล่าว ยังสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้จนถึงวันที่ 14 มกราคม 2562 ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ยังมีทรัพย์สินของลูกค้าที่รับฝากไว้ ขอความร่วมมือให้บริษัทฯ ดำเนินการโอนหรือส่งคืนทรัพย์สินให้แก่ลูกค้าหรือตามคำสั่งลูกค้า และขอให้แจ้งผลการดำเนินงานให้ ก.ล.ต. ทราบด้วย
โดย ก.ล.ต. ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัททั้ง 2 แห่งทราบเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ การปฏิเสธคำขอใบอนุญาตดังกล่าว ไม่ได้ตัดสิทธิในการยื่นขอใบอนุญาตได้อีกในอนาคตเมื่อบริษัทมีความพร้อม
สำหรับผู้ขออนุญาตรายบริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด (Coin Asset) เว็บไซต์ coinasset.co.th ซึ่งยื่นขอใบอนุญาตเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น เนื่องจากในระหว่างพิจารณาคำขอ Coin Asset มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่มีนัยสำคัญต่อการพิจารณา
ขณะนี้กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้การพิจารณาคำขอของบริษัทต้องเลื่อนออกไป โดยในระหว่างนี้บริษัทดังกล่าวยังสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ภายใต้บทเฉพาะกาล
ด้านนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งเว็บเทรด Bitkub เปิดเผยว่า การปลอดล็อคครั้งนี้นับเป็นการเปลี่ยนประวัติศาสตรครั้งใหญ่ของเมืองไทย ซึ่งเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของทั่วโลกนั้น ครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยรุดหน้ามากกว่าประเทศใดในโลก
โดยกลุ่มทุนด้านคริปโตเคอเรนซี่จะหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้อย่างสะดวกมากขึ้น ขณะที่การพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลก็จะได้รับการต่อยอดเพิ่มขึ้น
ซึ่งนับจากนี้มูลค่าของสินทรัพย์จะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่เพียงคำว่า ‘เงิน’ อีกต่อไป แต่จะหมายรวมถึง ความสามารถ คุณงามความดี หรือแม้กระทั่งอาชีพของบุคคล อย่างอาชีพดารา พิธีกรเป็นต้น ทั้งหมดจะสามารถเทรดเป็นมูลค่า และเป็นสินทรัพย์ที่ทุกคนสามารถร่วมลงทุนได้อย่างสะดวกมากขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ Bitkub ตั้งเป้าเพิ่มสกุลเงินดิจิทัลจากเดิมที่รองรับอยู่ 22 สกุลเหรียญขึ้นเป็น 26 สกุลเหรียญให้ทันภายในปีนี้ และเตรียมพัฒนาระบบขึ้นมารองรับอีกหลายโซลูชั่น และหนึ่งในนั้นมีโซลูชั่น “เรทการ์ด” ซึ่งจะเป็นบัตรกดเงินเงินสด ณ ตู้เอทีเอ็มของทุกธนาคาร รองรับการฝากและถอนเงินได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคารให้ยุ่งยากอีกต่อไป
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง