เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย แบบเก้าอี้ยังอุ่นๆ สำหรับ “ทวีศักดิ์ แสงทอง” ผู้บริหารผู้มีประสบการณ์ในวงการไอทีมากกว่า 30 ปี เคยดำรงตำแหน่งผู้นำในบริษัทไอทีชั้นนำในเมืองไทยหลายแห่ง
และได้เริ่มงานกับออราเคิลเมื่อเดือนธันวาคม 2561 ในฐานะผู้นำธุรกิจและดูแลการดำเนินงานของออราเคิล ประเทศไทย รับผิดชอบการทำธุรกิจของออราเคิลทุกภาคส่วนในไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและนำลูกค้าก้าวสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย
การเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ยังได้ทำการจัดออฟฟิศใหม่เน้นโคเวิร์กกิงสเปซมากขึ้น เน้นการทำงานในรูปแบบใหม่ที่แม้แต่หัวหน้างานก็จะไม่มีห้องทำงาน เพื่อที่จะสามารถเดินคุยกับพนักงานได้ใกล้ชิดมากขึ้น
และยังสอดคล้องกับภารกิจหนึ่งของออราเคิลที่ต้องการจะผลักดันให้ธุรกิจขนาดใหญ่ในเมืองไทย หันมาใช้คลาวด์ของออราเคิลเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้ตรงประเด็น ทำให้องค์กรใหญ่ขยับตัวได้รวดเร็วเหมือนสตาร์ทอัพ
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินงานภายในนั้นออราเคิลจะเน้นการลดต้นทุนองค์กร เน้นให้พนักงานใช้เวลาอยู่กับหน่วยงานต่างๆ อยูุ่กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากโซลูชันของออราเคิลได้เต็มที่ รวมไปถึงการเรียนรู้ปัญหาของลูกค้าเพื่อร่วมแก้ไข และนำฐานลูกค้าเดิมขึ้นไปอยู่บนคลาวด์
โดยจะนำเสนอแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์ และผนวกรวมโซลูชันอันชาญฉลาดของทุกๆ เทคโนโลยีบนระบบคลาวด์ ส่วนดิจิทัลทรานฟอร์เมชันนั้นสำหรับบางธุรกิจอาจจะดำเนินธุรกิจเหมือนเดิมแต่เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น
“วันนี้เราเริ่มเห็นหลายธุรกิจเริ่มปรับเปลี่ยนหลายองค์กรมีทิศทางการปรับตัวที่ชัดเจน เพื่อเตรียมความพร้อมกับทศวรรษหน้า สำหรับเมืองไทยเห็นได้อย่างชัดเจนในกลุ่มธุรกิจธนาคารที่เริ่มใช้เทคโนโลยีเป็นตัวหลัก ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถาบันการเงินแต่มุ่งสู่การเป็นโซลูชันโพรวายเดอร์ ที่จะสามารถข้ามไปให้บริการกับโรงพยาบาลได้
ตั้งแต่ไลฟ์ไซเคิลของโรงพยาบาลตั้งแต่การสั่งยา การโอนเงิน มีบทบาทตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางในองค์กร หรือแม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อที่ยังปรับตัวเป็นเอเยนต์ในการฝากเงิน แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมทางการเงินต้องปรับตัวไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบที่รุนแรง”
สำหรับเทรนด์ธุรกิจในเมืองไทยปีนี้ประกอบด้วย 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.การนำคลาวด์เข้ามาใช้มากขึ้นขององค์กรธุรกิจต่างๆ หรือแม้แต่หน่วยงานภาครัฐที่เริ่มตื่นตัวในการยกระดับมาตรฐานของตนเองมากขึ้น 2.การใช้ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันที่รวมเข้ากับเอไอ เพื่อทำให้เป้าหมายขององค์กรสัมฤทธิ์ผล
และ 3.การลงทุนด้านทักษะบุคลากรที่ต้องมีความพร้อมทั้งระดับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติการณ์ ซึ่งออราเคิลเตรียมสนับสนุนให้ลูกค้าให้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคนี้ ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน และความเป็นผู้นำด้าน SaaS
ออราเคิลให้บริการคลาวด์ใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.Infrastructure as a Service (IaaS) 2.Platform as a Service (PaaS) 3.Software as a Service (SaaS) และ 4. Data as a Service (DaaS) ซึ่งแอปพลิเคชันคลาวด์ของออราเคิล สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนกระบวนการธุรกิจดิจิทัลที่ทันสมัย
ด้วยการใช้ศักยภาพของข้อมูล ซึ่งหมายความว่าแอปพลิเคชันนั้นๆ สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อ และชาญฉลาด จึงสามารถนำข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่มาใช้เป็นกระบวนการการทำงานได้เลย แอปพลิเคชัน คลาวด์ของออราเคิลสามารถสร้างผลสะท้อนให้กับธุรกิจได้ทันที ด้วยการทำงานร่วมกับ AI แล แมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML)
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการใช้คลาวด์นั้นหน่วยงานรัฐนั้นอาจจะมีความพร้อมอาจจะไม่เท่ากับเอกชน การใช้คลาวด์ยังเป็นเอนทรีเลเวลแค่นำข้อมูลมาใช้งานเพื่อประมวลผลง่ายๆ ต่างจากหน่วยงานเอกชนที่มีการใช้คลาวด์เต็มรูปแบบ ปัจจุบันออราเคิลมีลูกค้าเอกชน 70% และภาครัฐ 30%
ซึ่งตลาดเมืองไทยเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้วการลงทุนเทคโนโลยีอยู่ในระดับสูง ทั้งแบงค์ ค้าปลีก และโทรคมนาคม ทำให้ออราเคิลเมืองไทยมีการเพิ่มบุคลากรไปกับการเติบโตทางธุรกิจของเมืองไทย
ส่วนแนวโน้มการเติบโตในปีนี้ต้องดูว่าหลังเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอย่างคลาวด์ เอไอ และบิ๊กดาต้ามากน้อยแค่ไหน มีการนำไปใช้งานจริงมากน้อยแค่ไหน
“เศรษฐกิจไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และตลาดไทยก็มีศักยภาพที่แข็งแกร่ง ออราเคิลนำเสนอเทคโนโลยีคลาวด์ให้กับลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้เข้าถึงเทคโนโลยีเกิดใหม่เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว สามารถสร้างและขยายการใช้งานได้ง่ายขึ้น มีความยืดหยุ่น จ่ายตามจริง รวมไปถึงยังมีความปลอดภัยมากขึ้น และได้รับผลลัพธ์แบบเรียลไทม์”
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง