การขายเครื่องจักรในปัจจุบัน การส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพใช้งานได้ตรงตามความต้องการ ดูแลหลังการขายได้ดังใจดูเหมือนจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่ใครๆ ก็มีไปแล้ว เมื่อโอตาเคะ (OHTAKE) บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรทำเส้นราเมงในประเทศญี่ปุ่น ได้ปรับเป้าหมายที่จะพัฒนาเครื่องจักรที่ดีที่สุด
เป็นการโฟกัสไปที่ผู้บริโภคแทน ว่าต้องการเส้นราเมงแบบใด และพัฒนาเครื่องจักรให้สามารถผลิตราเมงให้ได้เช่นนั้น เปลี่ยนจากการมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เป็นการเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทที่ซื้อเครื่องไปผลิตราเม็ง
การพัฒนาเครื่องจักรครั้งนี้โอตาเคะได้ร่วมกับ เอบีม คอนซัลติ้ง ที่ปรึกษาธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น ในการช่วยปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ทันยุคสมัย สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนตามเทคโนโลยี
โดยได้ขยายสายการผลิตโดยใช้ Internet of Things หรือ IoT มาช่วยปรับปรุงการบำรุงรักษาเครื่อง และเพิ่มคุณภาพของเส้นราเมง จากเดิมที่ใช้วิธีการขายเครื่องจักรแบบดั้งเดิม
การพัฒนาคุณภาพเครื่องจักรครั้งนี้โอตาเคะทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ด้วยการนำนวัตกรรม DataDriven Manufacturing มาช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานเครื่องจักรได้อย่างราบรื่น เต็มประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเพิ่มเวลาที่เครื่องจักรสามารถทำงานได้ และลดเวลาที่เครื่องจักรเสีย
เนื่องจากทุกวินาทีที่เครื่องจักรเสียลง มีค่าดั่งรายได้ที่สูญหายไปของลูกค้า ดังนั้นช่วยให้ลูกค้าที่ใช้เครื่องจักรของโอตาเคะทำงานได้อย่างราบรื่น จึงจำเป็นต้องทราบถึงปัญหาที่เป็นไปได้ทั้งหมด เพื่อเตรียมวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที
นอกจากนี้ยังได้ทำการเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์เส้นราเมง ซึ่งองค์ประกอบหลักของคุณภาพนั้นคือ น้ำหนักของเส้นราเมงที่ต้องคงที่ ซึ่งก่อนหน้านี้โอตาเคะได้เผชิญกับปัญหาน้ำหนักเส้นราเมงไม่คงที่เมื่อตัดเส้นราเมงออกเป็นชิ้น ๆ
ทำให้โอตาเคะตัดสินใจนำเทคโนโลยี IoT มาทำงานกับเครื่องจักรในการเก็บข้อมูล และทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเครื่องจักรกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ และความชื้น
กระบวนการผลิตเส้นราเมงเริ่มต้นเมื่อแป้ง ไข่ น้ำ และส่วนผสมอื่น ๆ คลุกเคล้ากันเป็นก้อน หลังจากนั้นจึงหั่นให้แป้งเป็นเส้น ลวกในน้ำร้อน ทอด และบรรจุ เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการเหล่านี้ เอบีม คอนซัลติ้ง ได้ทำการติดตั้ง RFID ที่ใบมีด
เพื่อระบุใบมีดที่มีการใช้มากที่สุด และประเมินความต้องการการบำรุงรักษาของแต่ละใบ การหมุนเวียนและการสั่นสะเทือนของมอเตอร์ รวมถึงน้ำหนักของเส้นที่ผลิตได้ ล้วนถูกวัดและจัดเก็บข้อมูลไว้ และท้ายที่สุดจะวางเซนเซอร์ไว้ที่เครื่องฉายลำแสงและหม้อทอด เพื่อตรวจจับความชื้นและอุณหภูมิที่สัมพันธ์กับตัวเครื่อง
หลังจากรวบรวมข้อมูลดิจิทัลทั้งหมดแล้ว ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปยังเครื่อง PLCที่มาจากความร่วมมือกับ MITSUBISHI Electric สำหรับเก็บข้อมูลแบบอะนาล็อก ก่อนที่จะถูกส่งไปยัง SAP Leonardo ผ่านทางไวไฟ
SAP Leonardo เป็นโซลูชันที่โอตาเคะร่วมมือกับเอบีมคอนซัลติ้งเลือกสรร เพื่อเป็นผู้นำกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมราเมง ข้อมูลที่รวบรวมทั้งหมดได้นำเข้าระบบนี้ และวิเคราะห์ในรูปแบบของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงทำนาย (Predictive Analytics)ก่อนจะนำเสนอผลลัพธ์ให้กับลูกค้า
ตัวอย่างเช่น การจับข้อมูลทั้งหมดผ่าน RFID และข้อมูลเซนเซอร์ ทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าใจข้อมูลของแต่ละมอเตอร์ได้ และทำนายความผิดพลาดของเครื่องจักรก่อนจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ระบบจะทำนายเวลาที่เหมาะสมในการตรวจสอบเครื่องจักร และป้องกันปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้นอีกด้วย
สุดท้าย เอบีม คอนซัลติ้ง ได้วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และพบว่าความชื้นและอุณหภูมิเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของเส้นราเมงที่สุด
นางสาวสุปรีดา จิรวงศ์ศรี ผู้บริหารระดับสูง บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาผู้ให้บริการการปรับเปลี่ยนองค์กรธุรกิจ ในเครือบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง จำกัด ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทฯ มีนวัตกรรมกรรมด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันโซลูชันอยู่ 3 รูปแบบ
ได้แก่ Data Driven Manufacturing, Data Driven Engineering และ Connected Home Appliances ซึ่งสามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้หลายประเภท เช่นเดียกับที่โอตาเคะประสบความสำเร็จจากการนำโซลูชันอย่าง Data Driven Manufacturing มาประกอบการดำเนินธุรกิจ จนสามารถควบคุมและคาดการณ์การซ่อมบำรุงของเครื่องจักรในสายการผลิตได้
“จากนวัตกรรมของดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นข้างต้น ทำให้โอตาเคะได้พัฒนาการผลิตเครื่องทำเส้นราเมงอย่างก้าวกระโดด ด้วยการบำรุงรักษาเชิงป้องกันและเชิงรุก การควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริหารต้นทุนให้เกิดผลประโยชน์ต่อธุรกิจมากที่สุด
โดยในอนาคต โอตาเคะ และเอบีม คอนซัลติ้ง จะพัฒนาและประยุกต์นวัตกรรมที่เกี่ยวกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันโซลูชันอื่น ๆ เข้ามาใช้ให้ครอบคลุม เพื่อความสำเร็จมากยิ่งขึ้น”