รีวิว : นิสสันเทอร์ร่าใหม่ แค่เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ก็คุ้มแล้ว

รีวิว : นิสสันเทอร์ร่าใหม่ แค่เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ก็คุ้มแล้ว

ครั้งแรกที่ได้ทำความรู้จักกับนิสสัน เทอร์ร่าใหม่ ก็คิดว่าจะเน้นที่การใช้งาน Nissan Intelligent Mobility: NIM เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีที่นิสสันใช้เป็นจุดขายของรถอเนกประสงค์คันใหญ่คันนี้ ว่ามีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน

แต่พอได้ทดสอบแล้วกลับพบว่า จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้จริงๆ อยู่ที่เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ที่ให้พละทั้งแรงม้าและแรงบิดที่มหาศาลและช่วงล่างที่หนึบแน่นต่างหาก ที่เป็นจุดแข็งและจุดขายที่โดดเด่นมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

“สรุปการขับขี่สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัดได้ว่า นี่คือรถอเนกประสงค์ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด เครื่องยนต์ทรงพลังและแรงได้ตามที่ใจต้องการ แซงได้ดีไม่มีลุ้น การทรงตัวดี การดูดซับแรงสั่นสะเทือนทำได้ดีในทุกช่วงความเร็ว

ระบบความปลอดภัยทั้งเชิงป้องกันและหลังเกิดอุบัติเหตุให้กันมาแบบครบๆ เทคโนโลโลยีทันสมัยใส่กันให้มาแบบพอดีๆ ไม่น้อยหน้า ลุยได้ทุกที่ที่ไม่โหดมาก ใครที่ลังเลว่าช่วงราคา 1.2-1.4 ล้านจะเลือกใคร ฟันธงคันนี้ไปเลย.. (ส่วนรายละเอียดอื่นเลื่อนอ่านต่อได้เลย)”

Nissan Intelligent Mobility

การเปิดราคามาที่ 1.3-1.46 ล้านบาทของนิสสัน ที่ช่วงนี้มีราคาโปรโมชันพิเศษเหลือเพียง 1.19 ล้าน ยิ่งทำให้การตัดสินใจทำได้ไม่ยากเลย เพราะเมื่อเทียบแค่ออปชันด้านความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือยามฉุกเฉินกันแล้ว อาจจะมีแค่ค่ายจากฝั่งอเมริกาเท่านั้นที่พอจะสูสีหรือให้มากกว่าบ้างนิดหน่อย

ส่วนค่ายญี่ปุ่นก็จะมีแต่มิตซูบิชิที่ให้มาสมน้ำสมเนื้อ ส่วนเจ้าตลาดในราคานี้ยังเป็นระบบความปลอดภัยแบบเดิมๆ ที่ยุโรปใส่มาเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ยิ่งถ้าลงลึกในรายละเอียดและองค์ประกอบของตัวรถแล้ว ราคาเท่ากันยังไงนิสสันเทอร์ร่าก็น่าสนใจมากกว่าในเกือบทุกยี่ห้อ

รุ่นที่ Thereporter ได้มาทดลองขับกันนี้เป็นรุ่น 2.3VL 2WD 7AT ซึ่งก็มีอุปกรณ์ครบแบบที่รุ่นท๊อปมี เพียงแต่ไม่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาให้เท่านั้น เครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ทวินเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ DOHC ขนาด 2,298 ซีซี หัวฉีดเชื้อเพลิงระบบไดเร็คอินเจคชันให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า

 

และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด เป็นเครื่องยนต์ทรงพลังอีกรุ่นนึงที่ชอบมากทำงานร่วมกับเกียรได้อย่างลงตัว พละกำลังเรียกแล้วมาแบบไม่ต้องรอให้ลุ้นให้เหนื่อย หรือกระทืบคันเร่งเพื่อปลุกให้ม้าตื่น ทั้งตีนต้น ช่วงกลาง และตีนปลายไหลลื่น เร่งแซงได้แบบสบายใจ

แตกต่างจากที่คิดไว้มาก เพราะทีแรกคิดว่าน่าจะต่างจากนาวาร่าไม่มากนัก แต่ตรงกันข้าม เมื่อเปลี่ยนมาเป็นเทอร์โบคู่แล้ว ลืมอารมณ์เดิมไปเลย มีแต่การขับขี่ที่สนุกไหลลื่นและมั่นใจทุกครั้งที่เหยียบคันเร่ง

“เช่นเดียวกับช่วงล่างที่หนึบแน่นแม้จะมีระยะความสูงจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถถึง 225 มิลลิเมตร ซึมซับแรงกระแทกได้ดีทั้งในช่วงความเร็วต่ำและสูง ไม่มีดีดดิ้นในบางเวลาเหมือนตอนขับกระบะ 4 ประตู

Nissan Intelligent Mobility

มีช่วงหนึ่งขับเข้าไปในถนนลูกรังช่วงล่างก็ยังซับแรงสะเทือนได้ดีไม่มีกระเด้งกระดอน และแม้ว่ารุ่นที่ได้มาเทสต์นี้จะไม่ได้ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ก็ลุยได้พอประมาณ ไปในที่ๆ รถเอสยูวีคุณหนูไปไม่ได้แบบสบายๆ แถมสร้างความมั่นใจในการเดินทางไกลได้มาก

เพราะระหว่างทดสอบมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีรถจะปาดหน้ากระทันหัน ซึ่งทีแรกคิดว่าชนแน่ แต่ด้วยสติ ระบบความช่วยเหลือของรถ ช่วงล่างที่ดีและเบรคที่สร้างความมั่นใจ ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้แบบโล่งอก จะมีแต่แตรรถเท่านั้นที่ยังทำงานนานกว่าระบบอื่น”

แม้จะเป็นรถที่ทรงตัวได้ดีในความเร็วสูง และเปลี่ยนเลนกระทันหันได้แบบไม่แกว่งไม่ย้วย แต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดสักหน่อยในเรื่องการขับขี่รถคันนี้ คือพวงมาลัยที่ดันมาเบาหวิวในช่วงการเดินทางความเร็วสูง

ทำให้บางครั้งต้องมากังวลกับความความรู้สึกหลวมและมีระยะฟรีมากเกินไป จนทำให้การเปลี่ยนเลนไม่ค่อยมั่นใจมากนัก เลยเป็นเรื่องที่ต้องแนะนำให้ปรับปรุงกันสักหน่อย

มาถึงจุดขายของนิสสันกันสักหน่อยกับเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังขณะขับขี่ ซึ่งในการทดลองขับครั้งนี้ค่อนข้างจะชอบในของเล่นชิ้นนี้มาก

Nissan Intelligent Mobility

เพราะด้วยหน้าจอ LCD ที่กระจกมองหลังจะแสดงภาพที่มาจากกล้องด้านหลังตัวรถจึงเห็นรถที่ตามมา ไม่ใช่การมองไปแล้วต้องสบตาคนนั่งเบาะกลางหรือมองผ่านสัมภาระท้ายรถเหมือนกระจกแบบเดิมๆ โดยภาพบนจอจะช่วยให้เราเห็นทัศนวิสัยด้านหลังได้ในมุมกว้าง มองเห็นสภาพการจราจรด้านหลังเหมือนสายตาไปอยู่ที่ด้านท้ายเลยทีเดียว

ข้อดีของกล้องแบบนี้คือช่วยแก้ปัญหาของการมองกระจกหลังของรถประเภทนี้ ที่มักจะมองเห็นไม่ไกลไปกว่าสายตาคนที่นั่งเบาะกลาง หรือถูกของท้ายรถบัง ซึ่งแม้กล้องตัวนี้อาจจะดูหลอกตาไปบ้าง แต่ถ้าใช้ไปนานๆ ก็จะชิน

ซึ่งในส่วนของ IRVMเราจะสามารถเลือกปรับเปลี่ยนระหว่างจอแสดงภาพจากกล้อง หรือเป็นกระจกปกติได้ บอกเลยฟินมากกับกระจกมองหลังที่ทำได้ตั้งหลายอย่าง

นอกจากนี้ในส่วนของกระจกวิเศษนี้ยังมีเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่จะช่วยให้เรามองเห็นสภาพรอบตัวยานพาหนะได้ทั่วทุกทิศทาง ด้วยการสร้างภาพมุมสูงแบบ bird’s-eye view รอบตัวรถ

ทำให้เรามองเห็นตัวรถระหว่างถอดจอดรวมถึงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้แม้ในพื้นที่แคบ นอกจากนี้กระจกมองหลังยังแสดงผลการถอยหลัง หรือแม้แต่การเดินหน้าไปในที่แคบได้อีก ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นรอบๆ ตัวรถได้เป็นอย่างดี

แต่จะดีกว่านี้ถ้านำทั้ง IAVM ภาพมุมสูงแบบ bird’s-eye view และกล้องมองหลัง ลงมาอยู่ในจอทัชสกรีนตรงกลางที่เป็นชุดเครื่องเสียงซึ่งจะทำให้มองทุกอย่างได้ง่ายขึ้น ทั้งการถอยเข้าถอยออกจะทำได้สะดวกมากขึ้น

Nissan Intelligent Mobility

ระบบความบันเทิงในรถรุ่นนี้ มีทั้งวิทยุ เครื่องเล่น DVD และ MP3 พร้อมช่องใส่แผ่นดิสก์ 1 ช่อง และหน้าจอแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ USB / HDMI และลำโพง 6 จุด

โดยสามารถควบคุมระบบเสียงและโทรศัพท์ได้โดยตรงจากพวงมาลัยคนขับ แต่ในการใช้งานจริงนั้นยังพบว่าทำได้ไม่ดีนัก พอๆ กับหน้าจอของนาวาร่า (เพราะเป็นตัวเดียวกัน) การเชื่อมต่อง่ายๆ อย่างสัญญาณบลูทูธยังทำได้ยาก

การเลือกความบันเทิงต่างๆ ยังทัชได้ไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร ประทับใจอย่างเดียวสำหรับจอนี้คือระบบนำทางที่มาพร้อมภาพ 3 มิติ ที่ทำได้ค่อนข้างดีและชัดเจน

สำหรับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ใส่มาให้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีและดูใส่ใจลูกค้ายุคใหม่มากขึ้น อย่างเช่นเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD) ซึ่งจะตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนทุกครั้ง เมื่อมีวัตถุหรือบุคคลที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ตัวรถ

Nissan Intelligent Mobility

 

 

โดยจับการเคลื่อนไหวจากภาพของกล้องที่อยู่รอบๆ ในเวลาที่ต้องการจอดรถ หรือการเคลื่อนตัวช้า ๆ เมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหว ระบบจะส่งทั้งภาพและเสียงเตือนผู้ขับ ทั้งนี้กล้องทั้งสี่ตัวรอบคันรถ สามารถแจ้งเตือนผู้ขับได้ใน 3 สถานการณ์ คือ เมื่อรถจอดหรือหยุดนิ่ง เมื่อขับไปข้างหน้าและเมื่อถอยหลัง

สำหรับการใช้งานจริงก็นับว่าช่วยได้มาก แต่สำหรับการเดินทางในเมืองก็อาจจะส่งเสียงกันบ่อยหน่อยเพราะรถจักรยานยนต์บ้านเรามันเยอะ แถมชอบขับมาชิดๆ กับรถให้รำคาญใจ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีเตือนจุดบอดหรือจุดอับสายตาอัจฉริยะ หรือ Intelligent Blind Spot Intervention (IBSW) ที่จะทำงานเมื่อพบว่ามียานพาหนะอื่นเข้าใกล้ตัวรถในบริเวณจุดอับสายตา

และทำการแจ้งเตือน โดยคนขับจะได้รับทั้งเสียงเตือนและสัญญาณไฟกะพริบที่กระจกมองข้าง อันนี้ก็เป็นสิ่งดีงามอีกเช่นกัน เพราะด้วยความที่รถคันใหญ่และสูงบางมุมมองของคนขับอาจจะมองไม่เห็นหรือมองไม่ชัดเจน

เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางอัจฉริยะหรือ Intelligent Lane Intervention (ILDW) จะแจ้งเตือนด้วย สัญญาณภาพและเสียงเมื่อรถเคลื่อนที่ออกนอกช่องทาง โดยระบบจะทำงานเมื่อมีการขับเคลื่อนด้วยความเร็วมากกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ซึ่งระบบนี้ก็จะช่วยในกรณีที่มีเส้นแบ่งถนนอย่างชัดเจน การเข้าไปในถนนที่เส้นไม่ชัดหรือไม่มีเส้นเพราะทุบทำถนนบ่อย ระบบก็อาจจะไม่เตือน

Nissan Intelligent Mobility

ระบบความปลอดภัยก็ขนกันมาแบบอุ่นหนาฝาคั่ง อาทิ ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA ระบบลิมิเต็ดสลิป B-LSD ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist กระจกบังลมหน้าแบบป้องกันเสียงรบกวน (Acoustic Glass) แบบอัดซ้อนนิรภัย จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง พวงมาลัยแบบยุบตัวได้ เมื่อเกิดการชนด้านหน้า และระบบตัดวาล์วน้ำมันเชื้อเพลิงอัตโนมัติ ในกรณีรถพลิกคว่ำ

Nissan Intelligent Mobility

เน้นเรื่องความไฮเทคกันไปแล้วก็กลับมาดูทางด้านรูปร่างหน้าตากันบ้าง ต้องบอกว่าสายแบ๊วจงหลบไป เพราะนิสสันให้ความบึกบึนและดูแมนมากๆ เพราะพัฒนาจากประสบการณ์ที่มีในรถยนต์อเนกประสงค์หรือเอสยูวีกว่า 60 ปี ของนิสสัน

อย่างเช่น นิสสัน พาโทรล ทำให้เทอร์ร่าเป็นรถอเนกประสงค์ที่ดูมีมัดกล้ามเข้มแข็งและพร้อมลุยในทุกที่ อาจจะไม่ได้ดูทันสมัยมากมายนักแต่สำหรับคนที่ชอบรถประเภทนี้รูปร่างหน้าตาแบบนี้ก็คงจะเลือกได้ไม่ยาก

Nissan Intelligent Mobility

มาตรวัดตรงพวงมาลัยแสดงข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะแบบ 3 มิติ Multifunction Intelligent Display (MID) ที่แสดงผลข้อมูลการขับขี่ ระยะเวลาที่เข้ารับการตรวจสอบสภาพรถ ระดับอุณหภูมิภายนอกรถ นาฬิกาดิจิตอล เสียงเตือนในกรณีที่ไม่ได้ปิดไฟหน้า

และสัญญาณเตือนกันการลืมกุญแจภายในรถ ระบบปรับอากาศกระจายความเย็นรอบทิศทางแบบ 360 องศา มอบความเย็นสบายทุกที่นั่งทั้งห้องโดยสาร โดยสามารถควบคุมความเร็วของพัดลมจากที่นั่งตอนหลังได้อีกด้วย และบอกเลยว่าเย็นจริงจัง

Nissan Intelligent Mobility

เช่นเดียวกับภายในที่ให้ความกว้างขวางสะดวกสบายในทุกต่ำแหน่งที่นั่ง โดยเฉพาะเบาะแถวกลางที่สบายมากๆ แถมยังพับด้วยไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายเพียงปุ่มเดียวไม่ต้องเสียแรงพับเองให้เมื่อยมือ

Nissan Intelligent Mobility

นอกจากนี้ยังมีของเล่นอื่นๆ อย่างปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ กุญแจรีโมทอัจฉริยะระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบเตือนภัยแบบ VSS รวมไปถึงจอมอนิเตอร์สี ขนาด 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารด้านหลังรถ ไว้ชมภาพยนตร์ DVD ได้จากเครื่องเล่นที่มีช่องเสียบสายเชื่อมต่อ HDMI มาให้อย่างเพลิดเพลินพร้อม Remote Control

นิสสัน เทอร์ร่า มีให้เลือก 3 รุ่นคือ 2.3V 2WD 7AT ซึ่งจะให้อุปกรณ์มาพอดีๆ และ 2.3VL 2WD 7AT ก็จะใส่ฟังก์ชันหรูหราหมาเห่าขึ้นมาอีกหน่อย และท๊อปสุดคือขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.3VL 4WD 7AT ที่มีออปชันเพิ่มขึ้นมาเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ต่างจาก 2.3VL เพียงเล็กน้อย

Nissan Intelligent Mobility

Related Posts