การเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลาแต่การรักษาในรูปแบบเดิมๆ อาจเป็นการส่งเสริมให้เจ็บป่วยหนักขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ที่ต้องฝ่าฟันการจราจรอันคับคั่ง หรือแม้แต่การรอคิวรักษานานๆ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเครียดขึ้นได้
ด้วยปัญหาดังกล่าวนี้โรงพยาบาลสมิติเวชจึงได้เปิด Virtual Hospital พบแพทย์โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล ด้วยระบบ Telehealth ที่จะทำให้ผู้ป่วยสามารถพบแพทย์ผ่านทางออนไลน์ทุกที่ทุกเวลา พร้อมยาส่งตรงบ้าน ทุกอย่างผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว
การให้บริการนี้จะประกอบไปด้วย 1.Teleconsultation การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ผ่านวิดีโอคอล (Video Call) ด้วยทีมแพทย์และพยาบาลของสมิติเวชโดยเฉพาะตลอด 24 ชั่วโมง (โดยระยะแรกจะให้บริการเวลา 8.00-20.00 น. และเริ่มให้บริการ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562)
2.บริการ Test @Home ในกรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่าต้องทำการตรวจเลือด จะมีบริการเจาะเลือดถึงบ้าน แล้วนำส่งห้องปฏิบัติการทันที และ 3.บริการ Medicine Delivery ในกรณีที่ผู้ใช้บริการต้องได้รับยา
ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้ใช้บริการสามารถวางใจในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเพราะสมิติเวชใช้ระบบรักษาข้อมูลตามมาตรฐานสากล HIPAA (Health Insurance Portability and Accountability Act)
สำหรับช่องทางการติดต่อนั้นก็ใช้ช่องทางที่คุ้นเคยอย่าง LINE ซึ่งงานนี้ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มตัวกลางเพื่อเชื่อมต่อบุคลากรทางการแพทย์จากสมิติเวชเข้ากับคนไข้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเชื่อถือได้
สำหรับความร่วมมือกับบริการ Samitivej Virtual Hospital ในครั้งนี้ LINE มาในรูปแบบที่ล้ำสมัยขึ้น อำนวยความสะดวกให้ทั้งสองด้าน อย่างแรก คือการนำเอา Virtual Hospital มาเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม LINE ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว อ
ย่างที่สองคือโซลูชันด้าน O2O (Online to Offline) ของ LINE อย่าง LINE MAN ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมอำนวยความสะดวกให้คนไข้ เป็นตัวกลางในการจัดส่งยาให้ถึงมือผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
สำหรับช่องทางการชำระเงินสมิติเวชได้จับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นช่องทางการชำระเงินหลักของบริการนี้ นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับเอไอเอสได้นำ Online Payment Platform มาสนับสนุนการให้บริการ Virtual Hospital
เพื่อรองรับการชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบ ง่าย และปลอดภัย รวมทั้งสร้างช่องทางการเข้าถึงบริการดังกล่าวได้อย่างสะดวกสบายได้แก่ เว็บไซต์ www.ais.co.th, Twitter, Facebook Fan Page, AIS LINE Official และแอปพลิเคชัน my AIS
นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีประกันชีวิตก็สบายใจไปได้อีก เพราะสมิติเวชได้จับมือกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในการให้ความคุ้มครองแก่สมาชิกผู้ถือกรมธรรม์ประกันกลุ่มของบริษัทฯ ที่ครอบคลุมการพบแพทย์แบบออนไลน์
ผ่านแอปพลิเคชันของเมืองไทยประกันชีวิต ให้สามารถเคลมค่าใช้จ่ายได้ตามปกติ เสมือนการไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยในระยะแรกได้นำร่องกับพนักงานของเมืองไทยประกันชีวิตเป็นลำดับแรก แต่ก็กำลังพัฒนาเพื่อรองรับกับลูกค้าประกันกลุ่มของบริษัทฯ ต่อไป
แต่ทั้งนี้บริการ Samitivej Virtual Hospital นั้นก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี เพราะการให้คำแนะนำทางการแพทย์นี้เป็นไปในกรอบจำกัดตามข้อมูลที่แพทย์ได้รับจากผู้รับบริการ ไม่สามารถให้บริการในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ต้องการการรักษาทางการแพทย์เร่งด่วน
แต่หากหลังจากได้รับคำปรึกษาแล้วพบว่าผู้ใช้บริการมีความจำเป็นต้องมาโรงพยาบาล จะมีบริการส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลในเครือ หรือโรงพยาบาลใกล้เคียง ดังนั้นถ้าเป็นหนักอาจจะต้องไปโรงพยาบาลเองจะดีกว่า
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการผ่านทางแอปพลิเคชัน Samitivej Plus ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งระบบ iOS และแอนดรอย์, www.samitivejhospitals.com, แอปพลิเคชันไลน์ @Samitivej และทุกช่องทางของพันธมิตร
นายแพทย์ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า บริการ Samitivej Virtual Hospital โรงพยาบาลเสมือนจริงบนโลกออนไลน์ 24 ชั่วโมง พบแพทย์ได้เลย โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล
สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาแม้ไปต่างประเทศ เพราะมีการใช้เทคโนโลยีในด้านต่างๆ ของ Telehealth เชื่อมโยงกับบริการทางการแพทย์เดิมที่มีอยู่เพื่อก่อให้เกิดบริการทางการแพทย์รูปแบบใหม่ ตั้งแต่การเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ง่ายขึ้น
ลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง สะดวกสบายด้วยการวิดีโอคอลกับแพทย์ของสมิติเวชโดยตรง ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความรวดเร็ว
ทั้งนี้นอกจากการให้บริการของสมิติเวชและพันธมิตรที่กล่าวในเบื้องต้นแล้ว ยังได้มีความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์สำหรับบริการให้กลุ่มลูกค้า SCB Wealth โดยเฉพาะ มาพร้อมบริการ “Virtual Hospital” ใน 3 ด้านสำคัญ
ได้แก่ 1.บริการ Teleconsultation ด้านสุขภาพเพื่อรองรับลูกค้า SCB Wealth 2.ซื้อประกันการเดินทางพร้อมบริการ Teleconsultation ผ่านทางแอปพลิเคชัน SCB EASY และ 3.บริการ Health & Home ตรวจเช็คสุขภาพนอกสถานที่โดยทีมพยาบาลและเจ้าหน้าที่สหสาขาวิชาชีพจากสมิติเวช
เช่นเดียวกับแสนสิริ ที่ได้เป็นพันธมิตรกับสมิติเวช และได้นำบริการด้านการดูแลสุขภาพรวมถึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ทางการแพทย์มาเติมเต็มการอยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้าน
ล่าสุด แสนสิริ โตคิว คอร์เปอเรชั่น ร่วมด้วย สมิติเวช พัฒนา “เวลล์เนส เรสซิเดนซ์” (Wellness Residence) โครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบใหม่สำหรับคนรักสุขภาพที่ครบวงจรครั้งแรกในไทย โดยนำ Virtual Hospital มาให้บริการที่แรกในรูปแบบของอุปกรณ์พิเศษที่โครงการ
โดยสมิติเวชจะช่วยดูแลในเรื่องของการวางโซลูชันโปรแกรมการดูแลสุขภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นบริการทางการแพทย์ เชิงป้องกัน ให้คำแนะนำ ตรวจสุขภาพทางไกล บริการเจาะเลือดถึงโครงการ และบริการ Medicine Delivery ส่งยาให้กับลูกบ้าน
ลูกบ้านแสนสิริ ทุกโครงการ ยังสามารถใช้บริการ Virtual Hospital ผ่านแอปพลิเคชัน Sansiri Home Service ได้ นอกจากนี้ ตลอดจนเป็นครั้งแรกของการฝึกอบรมจากทางสมิติเวชให้กับนิติบุคคลของโครงการที่ดูแลโดย Plus Property
ซึ่งสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเบื้องต้นแก่ลูกบ้าน และพร้อมรับมือสถานการณ์ด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นในโครงการได้อย่างถูกต้องทันท่วงที ซึ่งถือเป็นการสร้างมิติใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์
เช่นเดียวกับเอสซีจีที่ได้เปิดแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า SCG Smart Living Platform ด้วยแนวคิด Smart Home – Smart Health ที่ช่วยเติมเต็มการให้บริการทางการแพทย์ ผ่านระบบ “DoCare Protect”
ซึ่งเป็นระบบ Health and Safety Monitoring ที่ช่วยดูแลและเฝ้าระวังการใช้ชีวิตภายในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย เพื่อให้บ้านกลายเป็นสถานที่ที่ดูแลคุณและครอบครัว รวมถึงสร้างความมั่นใจและสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัยทุกคน
โดยข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจาก Vital Sign อาทิ อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต อุณหภูมิร่างกาย และข้อมูลกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ การนอนหลับ หรือความเสี่ยงจากการล้มในห้องน้ำ ในห้องที่ติดตั้งอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ไว้
จะถูกส่งสัญญาณเชื่อมต่อไปยัง Care Monitoring Center ของเอสซีจี ซึ่งดำเนินงานโดยพยาบาลวิชาชีพ และส่งต่อข้อมูลที่จำเป็นให้กับสมิติเวชเพื่อใช้ประกอบในการให้การดูแลรักษาโดยแพทย์ผ่านการ Teleconsultation เพื่อให้บริการ Virtual Hospital เป็นไปอย่างสมบูรณ์
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง