ไมโครซอฟท์ กระตุ้นเตือนการสร้างความเชื่อมั่นในโลกดิจิทัล เน้นย้ำแนวทางที่ถูกต้องในการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้ ชู 5 แนวทางหลักสร้างความเชื่อมั่นทั้งระบบนิเวศน์ทางดิจิทัลของประเทศไทย
นายโอม ศิวะดิตถ์ ผู้บริหารนโยบายภาครัฐ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยผลวิจัยล่าสุดว่าสถานการณ์ของภัยคุกคามทางไซเบอร์ในประเทศไทย มี 4 เรื่องที่น่ากังวลใจ
1.แรนซัมแวร์มีแนวโน้มลดลง จากความน่าสนใจและแรงดึงดูดการเรียกค่าไถ่ข้อมูลที่น้อยลง
2.มัลแวร์ขุดสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งแฝงตัวอยู่ในเครื่อง เพื่อขโมยใช้พลังจากหน่วยประมวลผล โดยที่ผู้ใช้งานเครื่องทั่วไปไม่รู้ตัว มีเพียงอาการหน่วงของเครื่องเท่านั้น
3.ฟิชชิ่งอีเมล์ ยังเป็นวิธีของการเจาะระบบของแฮกเกอร์ที่ระบาดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลที่ตรวจพบในช่วงเดือนมกราคม - ธันวาคม 2018 มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
และ 4.เรื่องซัพพลายเชน พบว่ามีการเจาะระบบเข้าสู่เครื่องที่ใช้งานวินโดวส์อยู่กว่า 4 แสนครั้ง ในชื่อ Dofoil แต่ได้รับการป้องกันจากทาง Defense ที่ตรวจพบจากการวิเคราะห์ด้วยบิ๊กเดต้าของเอไอ
ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทย ทั้ง 4 ส่วนยังมีสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับทั่วโลก ด้วยเหตุจากการยอมรับไปสู่การทรานส์ฟอร์มดิจิทัลแล้ว ทำให้เป็นที่สนใจของเหล่าแฮกเกอร์
5 ปัจจัยความเชื่อมั่น
- ต้องรักษาความเป็นส่วนตัว
- ระบบมีความปลอดภัยที่ดี
- มีเสถียรภาพที่ดี
- มีจริยธรรมที่ดี
- ปฎิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้สัดส่วน ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเอเชียแปซิฟิก ซึ่งผลสำรวจความเชื่อมั่นของการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลจากกลุ่มรีเทล ประเทศไทยยังรั้งท้ายอันดับ 10 ซึ่งกลุ่มเฮลแคร์ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุด
และเมื่อถามต่อเรื่องความเชื่อมั่นในการดูแลข้อมูล ผู้ตอบส่วนใหญ่ตอบว่าไม่เชื่อมั่นเลย แต่กระนั้นแม้ว่าจะมีประสบการณ์ที่แย่ต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคส่วนน้อยที่ยังใช้ต่อ แต่เรื่องร้ายคือการย้ายบริการและชวนเพื่อนย้ายด้วย
มุมมอง Ai ในประเทศไทย
มองว่าเอไอเป็นเรื่องที่ดี ทั้งในอุตสาหกรรมการผลิต การนำเอไอเข้าไปใส่ในผลิตภัณฑ์ แต่กระนั้นอุตสาหกรรมภาครัฐและรีเทล ยังเป็นกลุ่มที่น่ากังวลใจในการนำเอไอไปใช้ประโยชน์ให้เกิดความน่าเชื่อถือ
ความน่าสนใจของหน่วยงานหลักที่จะสร้างความเชื่อมั่นนั้น ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าจะต้องทำงานร่วมกันทุกหน่วย แต่กระนั้น ความแตกต่างของช่ววอายุก็มองต่างกัน
ซึ่งกลุ่มผู้สูงอายุมองว่าจะต้องทำโดยหน่วยงานรัฐ ขณะที่เจนซ์เอ็กซ์และวาย กลับมองว่าเทคคัมปานี จะต้องรับผิดชอบความเชื่อมั่นให้ตัวเองได้
โดยหลักปฏิบัติของการสร้างเอไอให้มีความเชื่อมั่นจากทั้งรัฐและเอกชนร่วมกัน โดยจะต้องมีความยุติธรรมเป็นหลัก มีความปลอดภัยไว้ใจได้ มีความเสมอภาค โปร่งใส สามารถขอคำอธิบายได้ พร้อมมีทางเลือกสำรอง และมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของเอไอจากผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์
โอม แนะนำว่า ผู้ประกอบการที่จะนำเอไอมาใช้จะต้องฝังความเชื่อมั่นเข้าไปในดีเอ็นเอของเอไอนั้นๆแบบลงลึก ขณะที่ความคุ้มครองเจ้าของข้อมูลจะต้องได้รับความปลอดภัยสูงสุด
ความปลอดภัยจะต้องตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องมีส่วนรับผิดในทางกฏหมาย อีกทั้งจะต้องมีเวทีทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อผสานการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรวดเร็วมากขึ้น
อีกทั้งถ้าต้องการสร้างให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น อาจจะต้องรวมกลุ่มกันทำงานอย่างจริงจัง ตามแนวทางของกลุ่มที่ชัดเจน มีการยืนยันความเชื่อมั่นที่ปลอดภัย
และสุดท้ายการเลือกใช้พับบลิคคลาวด์ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดี เพื่อยืนยันความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยมากขึ้น
ซึ่งไมโครซอฟท์ยืนยันว่าการเดินหน้าไปสู่ดิจิทัล การสร้างความเชื่อมั่นเป็นเรื่องสำคัญ โดยเรื่อง 1.Privacy เป็นเรื่องสำคัญ 2.Security จำเป็นต้องลงทุนเพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุด
3.Transparency ความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้อย่างมีมาตรฐาน สามารถเข้าไปดูรายงานการตรวจสอบของมาตรฐานการรับรองในทุกขั้นตอนได้อย่างสะดวก
และเราเชื่อว่า เราจะเป็นกำลังสำคัญในการนำพาธุรกิจในประเทศไทย ให้เปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากขึ้น
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง