แชฟฟ์เลอร์ ทุ่มงบกว่า 1,600 ล้านบาท(45 ล้านยูโร) เปิดโรงงานสีเขียวแห่งใหม่ที่เมืองเบียนฮัว จังหวัดดองไน ประเทศเวียดนาม ชูแนวคิดแบบ modular concept ช่วยเพิ่มความต่อเนื่องของการผลิต ผสาน Industrial 4.0 เป็นแห่งแรกในภูมิภาค ด้วยโซลูชั่นการตรวจสอบ SmartCheck TM กว่า 70 จุดที่สำคัญ
นายจอร์จ เอฟดับบลิว แชฟฟ์เลอร์ ผู้ถือหุ้น และประธานกลุ่มแชฟฟ์เลอร์ หนึ่งในซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของโลกสำหรับลูกปืนแบริ่ง คลัตช์ อุปกรณ์แปลงแรงบิด และระบบส่งกำลัง ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า “เวียดนามเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กลุ่มแชฟฟ์เลอร์เข้ามาลงทุนเพื่อสร้างกำลังการผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค
เราเชื่อมั่นว่าที่นี่เป็นหนึ่งในที่ตั้งยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคเอเชีย มีความหลากหลาย มั่นคง และเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยประชากรที่มีความสามารถ มีการศึกษาที่ดี และมีความมุ่งมั่นตั้งใจ”
เชื่อมั่นในศักยภาพของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
นายมาร์ติน ชรีเบอร์ ประธานแผนกอุตสาหกรรมของบริษัทแชฟฟ์เลอร์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวในระหว่างพิธีเปิดว่า “การขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราที่มีต่อเวียดนามในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการผลิตที่ดีเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และพร้อมให้บริการลูกค้าในระดับภูมิภาค และระดับโลก ด้วยผลิตภัณฑ์ตลับลูกปืน และระบบที่ดีที่สุด”
นายคลาส มูลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิต บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวเสริมว่า “เราถือว่าโรงงานในเวียดนามเป็นหนึ่งในโรงงานที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยที่สุดในเครือข่ายทั่วโลกของเรา”
โรงงานใหม่นี้ตั้งอยู่ที่เขตนิคมอุตสาหกรรมอมตะในเมืองเบียนฮัว ประมาณ 50 กิโลเมตรจากเมือง โฮจิมินห์ซิตี้ โดยมีสายการผลิตตลับลูกปืนอุตสาหกรรม และส่วนประกอบสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย บริษัทแชฟฟ์เลอร์ลงทุนครั้งแรกในเวียดนามเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
โดยเริ่มจากการผลิตตลับลูกปืนเม็ดเรียว (TRB) ตลับลูกปืนกลมพร้อมเสื้อเหล็กหล่อ (RIBB) และตลับลูกปืนคอพวงมาลัย (SCB) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนใหม่ครั้งนี้ บริษัทแชฟฟ์เลอร์จะเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ และเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับ RIBB ขยายเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มแชฟฟ์เลอร์ – ตลับลูกปืนเม็ดเข็ม (NRB)
ผลิตในเอเชียแปซิฟิก – สำหรับลูกค้าทั่วโลก
นายเฮลมุท โบวด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “โรงงานแห่งใหม่ได้รับการพัฒนาบนแนวคิดแบบ modular concept ด้วยพื้นที่อาคารรวม 25,000 ตารางเมตร ในเฟสที่ 1 และบริษัทฯ ยังคงเติบโตในด้านความสามารถด้านวิศวกรรม และการผลิต โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับลูกค้าในภูมิภาคและทั่วโลก
การลงทุนของแชฟฟ์เลอร์ครั้งนี้ นับเป็นการลงทุนครั้งที่สองเพื่อขยายกำลังการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเมื่อปี 2559 แชฟฟ์เลอร์ได้เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่แรกสำหรับผลิตภัณฑ์ยานยนต์ในประเทศไทยมาก่อน และในวันนี้เรามีความภาคภูมิใจที่จะเฉลิมฉลองการเปิดโรงงานที่ทันสมัยแห่งใหม่นี้สำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในเวียดนาม
และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเวียดนามลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรเป็นอย่างดี ทำให้เรามั่นใจว่าแชฟฟ์เลอร์ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งของธุรกิจอุตสาหกรรมในระยะยาว และอย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้ ”
สินค้าที่ผลิตในเวียดนามจะกระจายให้กับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้ง การเกษตร การก่อสร้างและเหมืองแร่ ระบบส่งกำลังไฟฟ้า การแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมสิ่งทอ กระดาษ เหล็ก ซีเมนต์ และธุรกิจรถจักรยานยนต์
อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต
โรงงานใหม่นี้จะติดตั้งเครื่องจักรผลิตที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ แชฟฟ์เลอร์ในการรักษามาตรฐานคุณภาพที่เหมือนกันทั่วโลก และที่นี่ยังเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้โซลูชัน อินดัสตรี 4.0 ล่าสุดที่พัฒนาโดยแชฟฟ์เลอร์ อีกทั้งยังติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบสภาพของแชฟฟ์เลอร์ SmartCheck TM ถึง 70 ตำแหน่งที่สำคัญภายในโรงงาน
นายซึงฮุน ปาร์ค กรรมการผู้จัดการ และผู้จัดการโรงงานแชฟฟ์เลอร์เวียดนามกล่าวว่า “การพัฒนาภาคการผลิตเป็นสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ด้วยการเข้าถึงแรงงานที่มีทักษะสูงและความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา แชฟฟ์เลอร์ประเทศเวียดนามได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
และในปี พ.ศ. 2561 เราประสบความสำเร็จ ครั้งสำคัญในการส่งมอบผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการขยายกำลังการผลิตของแชฟฟ์เลอร์ครั้งนี้ ทำให้เรามั่นใจในการบรรลุมาตรฐานคุณภาพและความพึงพอใจของลูกค้าที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีส่วนช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมในเวียดนามและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นเติบโตเพิ่มมากขึ้น”
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง