บล็อกเชน ลิบร้า สะเทือนแวดวงการเงินโลกมานานกว่าเดือน แต่ละรัฐบาลต่างก็มีมุมมองการเฝ้าระวังของตนเองอย่างแข็งขัน วันนี้ TheReporterAsia ได้มีโอกาสเจอ ‘คุณท้อป’ จิรายุทธ ทรัพย์ศรีโสภา ขาใหญ่แห่ง บล็อกเชน เมืองไทยผู้ก่อตั้ง Bitkub Group และยังเป็นเจ้าของกระดานซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ที่ได้ใบอนุญาตจากกลต. 1 ใน 3 รายของประเทศไทย
ทำให้อดถามถึงเรื่องราวของ ลิบร้า ‘Libra’ สกุลเงินใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยคุณท้อประบุว่า ลิบร้า จะเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งที่มีสถานะเทียบเท่าเงินปกติ โดยมีเงินธนบัตรที่น่าเชื่อถือได้วางค้ำประกันค่าเงินด้วยอัตราแลกเปลี่ยน 1 ต่อ 1 แบบไม่เปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกการเงินอย่างแน่นอน
สถานะการณ์ของ ลิบร้า ถูกโจมตีอย่างหนัก
มันเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นกับเรื่องราวของเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลก ยิ่งเปลี่ยนมาก สถานการณ์ก็จะยิ่งโดนโจมตีมากขึ้น อย่างตอนที่ผมเอาคริปโตเข้ามาใหม่ๆ คนก็บอกว่าหลอกลวงบ้าง แชร์ลูกโซ่บ้าง แต่สุดท้ายเมื่อคนเข้าใจมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น กฏหมายก็เปลี่ยนแปลงมากขึ้น ทำให้วันนี้เรามีกระดานซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่แบบถูกต้องตามกฏหมายเป็นประเทศแรกๆของโลก
ลิบร้า ก็เหมือนกับยุคอินเทอร์เน็ตที่เพิ่งเกิดขึ้น ในตอนนั้นก็เปลี่ยนแปลงวงการสื่อสารกันยกใหญ่ มีการต่อต้านเรื่องความปลอดภัย เรื่องข้อมูล หรือแม้กระทั่งวงการสื่อสารมวลชนเองก็ตามก็ยังถูกเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้ายแล้วประเทศที่ไม่เอาอินเทอร์เน็ตก็อาจจะอยู่ไม่ได้บนโลกใบนี้ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารผ่านดิจิทัลกันหมด
ลิบร้าก็เหมือนกัน ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็แล้วแต่ ที่จะออกมาปฏิเสธการเข้าถึงลิบร้า ประเทศนั้นๆก็จะไม่ต่างจากการประกาศไม่ใข้อินเทอร์เน็ต เพราะท้ายที่สุด ลิบร้า ก็จะเกิดขึ้นและแพร่หลายอย่างรวดเร็วอยู่ดี ด้วยจำนวนของความร่วมมือของหน่วยงานกลางที่จัดตั้งขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะทำให้ ลิบร้า กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความมั่นคงสูง ด้วยรูปแบบขององค์กรกลางที่รวมตัวกันกว่า 100 องค์กร แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มก่อตัวกันเพียง 28 รายเท่านั้น แต่กระนั้นแต่ละรายก็มีผู้ใช้บริการอยู่มือราว 2 พันล้านยูสเซอร์ ซึ่งใหญ่พอที่จะสร้างผลกระทบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และเปลี่ยนให้การเงินเป็นสิ่งที่เข้าถึงและเปลี่ยนมือได้ง่ายมากขึ้น
ความง่าย เป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลกังวล
ความเข้าใจผิดเรื่องของลิบร้าเป็นปัญที่เราจะต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ โดยเงินดิจิทัลสกุล ลิบร้า นั้นต้องเข้าใจก่อนว่ามันมี 2 ระดับ ระดับแรกเป็นเรื่องของตัวเงินที่เรียกว่า ‘ลิบร้า’ ถ้าถามว่ารัฐบาลแต่ละแห่งกลัวตรวจสอบไม่ได้ แล้วที่ผ่านมาเราสามารถตรวจสอบเส้นทางเงินสดได้หรือไม่?
เราไม่มีทางรู้เลยว่าเงินสดในกระเป๋าของแต่ละคน มีเส้นทางเป็นมาอย่างไร ถูกนำไปซื้ออะไร และก็ยังพบปัญหาการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิดกฏหมายอยู่ในวันนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลแต่ละประเทศก็มีการควบคุม แต่ก็ไม่ได้ล่วงรู้เส้นทางตรงนี้ได้เลย การตรวจสอบที่เกิดขึ้นจึงเป็นได้เพียงแค่เข้าไปตรวจสอบในระดับจุดเชื่อมต่อ ปลายทางหรือต้นทางเท่านั้น
ต้นทางหรือปลายทาง จึงเป็นอีกระดับหนึ่งที่เราจะต้องตรวจสอบ หรือถ้าจะเรียกให้ชัดนั่นก็คือ ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ นั่นเอง ในส่วนของกระเป๋าเงินลิบร้า ที่เฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า คาลิบร้า หรือดิจิทัลวอลเล็ต ที่เอาไว้ใช้เงินโอนไปมานั้น ต้องเข้าใจก่อนว่า ลิบร้า เป็นสกุลเงินแบบเปิด ทุกคนสามารถพัฒนาและต่อยอดกระเป๋าเงินได้อย่างอิสระ ภายใต้มาตรฐานบล็อกเชนเดียวกัน
ซึ่งในอนาคตอาจจะมีชื่อกระเป๋าเงินมากกว่าเพียงแค่ คาลิบร้า ที่เกิดจากเฟซบุ๊กก็เป็นได้ เพราะโดยธรรมชาติของระบบเปิดก็จะทำให้มีผู้เข้าร่วมพัฒนาหลายรายอยู่แล้ว แต่ทั้งหมดก็จะใช้สกุลเงินเดียวที่ชื่อว่า ลิบร้า นั่นเอง การควบคุมจึงควรร่วมมือกับ คาลิบร้า เป็นระดับที่เหมาะสมที่สุด
ในระดับนี้รัฐบาลที่กังวล สามารถเข้าวางระบบการตรวจสอบได้ ซึ่งก็เป็นระดับเหมือนการตรวจสอบเงินในปัจจุบัน แต่มีรายละเอียดที่สามารถตรวจวสสอบได้มากกว่าเนื่องจากเป็นเทคโนโลยี บล็อกเชน ที่จะเก็บข้อมูลลเส้นทางการใช้ทั้งหมดเข้าไปในบล็อกอยู่แล้ว โดยเฟซบุ๊กซึ่งเป็นเจ้าของกระเป๋าเงิน คาลิบร้า ก็พร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลทุกประเทศแล้ว สังเกตได้จากท่าทีของการเปิดเข้าไปเจรจากับแต่ละรัฐบาลอย่างที่เป็นข่าวในขณะนี้
โอกาสที่ลิบร้า บน บล็อกเชน จะถูกแทรกแซงจากประเทศใดประเทศหนึ่ง
การสร้าง ลิบร้า ให้เป็นค่าเงินกลาง ที่ทั่วโลกใช้งานได้อย่างอิสระ เป็นแนวคิดหลักของการสร้างองค์กรกลางขึ้นมา ซึ่งจะให้การบริหารเป็นลักษณะองค์กรกลาง ไม่ได้อ้างอิงหรือมีอำนาจฝ่ายใดฝ่ายหยึ่ง และแม้แต่เฟซบุ๊กเองที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งก็จะมีเพียง 1 เสียงใน 100 เสียงของทั้งสภาลิบร้าที่จะก่อตั้งขึ้นเท่านั้น
ประเด็นนี้ คุณท้อป ระบุว่า หากมีการแก้ระบบของบล็อกเชนที่ว่ายากได้แล้วทั้งหมด ก็ยังเป็นไปได้ยากมากที่จะล็อบบี้ คณะกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่ 100 ฝ่าย ให้คล้อยตามความคิดเห็นที่ไม่ถุกต้อง
ประเด็นการแทรกแซงของสหรัฐและหัวเว่ย เป็นเรื่องที่คนโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับลิบร้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่กระนั้นองค์กรกลางที่จัดตั้งขึ้น ก็ไม่ได้เป็นเพียงหน่วยงานจากประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น การที่จะแทรกแซงองค์กรของทุกประเทศได้มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดขึ้นสำเร็จ
ขณะที่เรื่องของเทคโนโลยี สวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่มีเทคโนโลยีทางการเงินที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ถูกมองว่าเป็นกลางในหลากหลายมิติ และเหมาะสมแล้วที่จะจัดตั้ง องค์กรลิบร้าขึ้น ทำให้เรามั่นใจได้ว่าระบบที่ดีที่สุดของฟินเทค จะถูกระดมเข้าไปจัดการระบบของลิบร้าอย่างแน่นอน
และด้วยเทคโนโลยีของบล็อกเชน เรามั่นใจได้ว่าการปลอมแปลงระบบหรือแม้กระทั่งการแก้ไขที่บิดเบือนข้อเท็จจริงจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่กระนั้นหากมันเกิดขึ้นได้ ก็จะยังมีความท้าทายของคณะกรรมการที่เชื่อแน่ว่าจะไม่ตบเท้าเดินตามกันอย่างแน่นอน
กระเป๋าเงินลิบร้า จะมีความปลอดภัยอย่างไร
ในส่วนของกระเป๋าเงินนั้น เป็นมาตรฐานอยู่แล้วที่จะต้องใช้ระบบการยืนยันตัวบุคคลเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งหากเรามองในอีกแง่มุม โลกของโซเชียลที่เราไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร หากมีระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง คาลิบร้า เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นการตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลที่เข้มข้น
การจะโพสต์ข้อความที่เป็นเท็จ อาจจะมีความเกรงกลัวที่จะโดนตรวจสอบอยู่ในระดับหนึ่งก็เป็นได้ ในขณะที่มุมของการตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคล ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย ระบบ eKYC ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันพัฒนาระบบขึ้นอย่างเข้มข้น ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลได้
ไม่เฉพาะแค่กระเป๋าเงินที่เรียกว่า คาลิบร้า เท่านั้น แต่ eKYC ยังสามารถใช้ได้กับทุกระบบที่จะต้องยืนยันตัวบุคคลเพื่อเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะกลายเป็นมาตรฐานการตรวจสอบที่เชื่อมโยงการทำงานเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้คนสะดวกในการเข้าใช้งานบนพื้นฐานความปลอดภัยที่ทั่วโลกยอมรับ และปลอดภัยมากกว่าที่เป็นอยู่
จะเห็นได้ว่า ลิบร้า มีความชัดเจนในจุดยืนของการที่จะเป็นสกุลเงินกลางของโลก ด้วยสถานที่ตั้งขององค์กรและการวางจำนวนคณะกรรมการถึง 100 คนในการเป็นบอร์ดร่วมพิจารณา ขณะที่การสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลของเฟซบุ๊กก็เริ่มส่งสัญญาณเข้าเจรากับหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศอย่างที่เราทราบ ทำให้เราเห็นความชัดเจนมากขึ้นในแนวทางการจะเข้ามาในโลกการเงินของลิบร้าในอนาคต
แต่ทั้งหมดทั้งมวล เราอาจจะต้องรอดูกันต่อไปว่า ลิบร้า จะสร้างปรากฏการณ์ให้โลกการเงินอย่างไรในอนาคต หรือจะแผ่วเบาและหายไปตามกระแสการต่อต้านของหน่วยงานรัฐบาลอย่างที่เราเห็นกัน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเราๆท่านๆก็ยังต้องใช้เงินอยู่ดีนั่นเอง
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง