เอไอเอส เดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดลงตลาดภาคใต้พร้อมนำเสนอนวัตกรรมจากเทคโนโลยีใหม่อย่าง 5G บนสภาพแวดล้อมจริง เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยเอไอเอสมองว่าเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้การพัฒนาในด้านต่างๆ ไม่สามารถหยุดอยู่กับที่ได้ แม้ปัจจุบันจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในภาคนี้แล้วประมาณ 51% ด้วยจำนวนลูกค้า 5.7 ล้านเลขหมาย มีไวไฟกว่า 10,000 จุด และขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านไฟเบอร์ครอบคลุมแล้ว 10 จังหวัด
ล่าสุดเพื่อให้ได้ใจคนใต้เข้าไปอีก เอไอเอสได้ส่ง “เอกชัย ศรีวิชัย” เป็นตัวแทนสื่อสารแคมเปญ “เอไอเอสที่ 1 ตัวจริง เร็วแรงสุดทั่วภาคใต้” เพื่อให้เข้าถึงชาวใต้ให้ได้มากที่สุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้พัฒนาเครือข่าย 3G และ 4G ให้ครอบคลุมแล้วกว่า 1,083 ตำบล ทั่วทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ การขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ชาวใต้เข้าถึงได้อย่างสะดวก รวดเร็ว กว่า 4,000 จุด และการออกแบบแพ็กเกจและโปรโมชันมือถือ รวมถึงคัดสรรคอนเทนท์ความบันเทิงและสิทธิพิเศษที่สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ไปแล้วในระดับหนึ่ง
สำหรับการนำเสนอนวัตกรรม 5G ในครั้งนี้ เอไอเอสได้ร่วมมือกับภาครัฐประกอบด้วย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, กสทช. และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดตัวและสาธิตนวัตกรรมต้นแบบที่ช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัยจากเทคโนโลยี 5G บนสภาพแวดล้อมจริง โดยได้ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ในการทดลอง ทดสอบ ศักยภาพของเทคโนโลยี 5G ในสภาพแวดล้อมจริง บนคลื่นความถี่ 28 GHz ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการทดสอบ 5G ในภาคใต้
โดยมี 5G Use Case ที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วย 1. 5G Remote Control Vehicle (การบังคับรถไร้คนขับข้ามภูมิภาค) : การแสดงศักยภาพที่สำคัญของเครือข่าย 5G เช่น ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ (Throughput) ความเร็วในการตอบสนอง (Latency) และความเสถียรของระบบ (Stability) ผ่านเทคโนโลยีการบังคับรถยนต์ไร้คนขับทางไกลข้ามภูมิภาคครั้งแรกของไทย ระหว่างกรุงเทพฯ – สงขลา ที่ผู้ควบคุมรถไม่จำเป็นต้องอยู่ในตัวรถ แต่สามารถบังคับรถให้เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามต้องการ
ผ่านการสั่งงานระยะไกลแบบเรียลไทม์ บนเครือข่าย 5G ซึ่งข้อมูลต่างๆ จะถูกส่งต่อผ่านระบบ Video Analytics และสามารถ Streaming Video ที่มีความละเอียดสูง ผ่านเครือข่าย 5G กลับมาหาผู้ควบคุมรถได้ทันที จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำไปประยุกต์ใช้ในหลายๆ ส่วนของสังคม เช่น การสัญจรโดยสาร, การขนส่งสินค้าในภาคอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์

2.นวัตกรรม V2V (การสื่อสารระหว่างรถต่อรถ ผ่าน 5G) : การสาธิตนวัตกรรมการสื่อสารระหว่างรถต่อรถ (Vehicle to Vehicle) ผ่านเครือข่าย 5G ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลความเร็วสูง มีการตอบสนองที่รวดเร็วและมีความเสถียรของระบบสูง ทำให้รถยนต์ 2 คัน สามารถสื่อสารข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลความปลอดภัย และข้อมูลการจราจรไปมาระหว่างกันเองได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรในเส้นทาง
3.นวัตกรรม Mobile Surveillance / Object Detection (รถตรวจการณ์และรักษาความปลอดภัย) : นวัตกรรมรถตรวจการณ์และรักษาความปลอดภัย จาก Video Analytics และ AI ด้วยการนำข้อมูลวิดีโอจากกล้องวงจรปิดบนยานพาหนะ ส่งผ่านเครือข่าย 5G ไปยังห้องควบคุมกลาง ทำให้สามารถวิเคราะห์ภาพจำแนกวัตถุรอบคันรถ และตรวจจับลักษณะของรถ เช่น ป้ายทะเบียน, รุ่นของรถ,ยี่ห้อ, สีและลักษณะของรถ และการแจ้งเตือนความเสี่ยงในพื้นที่ต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์และแม่นยำ โดยหากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแจ้งข้อมูลรถต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ ระบบก็จะสามารถแกะรอยและแจ้งเตือนทันทีที่รถคันดังกล่าวขับเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้การเฝ้าระวังพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคใต้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีความพร้อมด้านบุคลากรในการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรม หลังจากก่อนหน้านี้เอไอเอสได้ทำการทดสอบการใช้งาน 5G ในหลากหลายมิติมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วทุกภูมิภาค พร้อมเปิดพื้นที่ AIS D.C. ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม เป็นพื้นที่จัดแสดงเทคโนโลยี 5G เพื่อให้ผู้สนใจและประชาชนทั่วไป ได้สัมผัสเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยสร้างเสริมองค์ความรู้ ขยายขีดความสามารถ และผลักดันให้ทุกภาคส่วนใน Ecosystem เตรียมพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต
โดยนอกจากการทดลอง ทดสอบ เทคโนโลยี 5G บนสภาพแวดล้อมจริงแล้ว เอไอเอสยังให้ความสำคัญก็คือการสร้างความเชี่ยวชาญของทีมงานและบ่มเพาะบุคลากรด้านเทคโนโลยี ให้กลายเป็น Smart People ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผู้ประกอบการ, เกษตรกร นิสิต และนักศึกษา เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยยังได้ร่วมมือกับฟาร์มสุข ในการพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์ม iFarm ที่ผสานเทคโนโลยีและภูมิปัญญาท้องถิ่นปั้น Smart Farmer ด้วยแนวคิด “สอน-เสริม-สร้าง” เพื่อยกระดับเกษตรกรไทย, การสร้างนวัตกรรม AIS School Van Clever ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูแลความปลอดภัยของบุตรหลานได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน นำร่องใช้งานแล้วในพื้นที่ภาคใต้เป็นที่แรก

ทั้งนี้ล่าสุดเอไอเอสจึงเปิดตัวแคมเปญล่าสุด “เอไอเอส ที่ 1 ตัวจริง เร็วแรงสุดทั่วภาคใต้” ที่ครั้งนี้ได้เลือก“เอกชัย ศรีวิชัย” นักร้องลูกทุ่งชื่อดังผู้เป็นความภาคภูมิใจของชาวใต้ เป็นตัวแทนในการสื่อสารแบรนด์ โดยประเดิมจัดกิจกรรมทัวร์คอนเสิร์ตทั่วพื้นที่ภาคใต้ให้กับลูกค้าเอไอเอส ถึง 15 รอบการแสดงทั่วภาคใต้ โดยเฉพาะวันที่ 23 สิงหาคม จังหวัดสงขลา, 30 สิงหาคม จังหวัดตรัง, 31 สิงหาคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ 11 กันยายน จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ลูกค้าเอไอเอสเข้าชมฟรีตลอดงาน
นอกจากนี้ยังได้เตรียมทั้งแพ็กเกจมือถือ สิทธิพิเศษ คอนเทนต์ความบันเทิง ที่คัดสรรมาเพื่อชาวใต้โดยเฉพาะ อาทิ สมาร์ทโฟนสุดคุ้มพร้อมแพ็กเกจถูกใจทั้งโทรและเล่นเน็ต ได้แก่ สมาร์ทโฟน AIS Super Smart Gen 1 ราคาเพียง 1,590 บาท ให้เล่นเน็ตสูงสุด 120 GB มูลค่า 1,400 บาท เมื่อใช้ซิมใหม่ที่มาพร้อมเครื่อง, ฟีเจอร์โฟน AIS Super Talk T1 ราคาเพียง 890 บาท โทร AIS ไม่อั้น 24 ชั่วโมง ฟรี!
แพ็กเกจซิมที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์คนใต้ ไม่ว่าจะเป็น The One SIM ซิมความบันเทิง ให้ดู YouTube และ AIS PLAY พร้อมฟังเพลงฟรีตลอดปี, Super Social SIM ซิมโซเชียลไม่อั้น, ZEED SIM ซิมเล่นเกมและโซเชียลเพื่อคนวัยเรียน ใช้ได้คุ้มๆ, AIS Lucky SIM ซิมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ให้เล่นเน็ตและโทรกลับบ้านราคาพิเศษขณะท่องเที่ยวในภาคใต้, ซิมพม่า เพื่อคนพม่าที่อาศัยในพื้นที่ภาคใต้ ให้เล่นโซเชียลฟรี พร้อมโทรกลับพม่าในราคาประหยัด
แพ็กเกจเสริมพิเศษ ให้เล่นเน็ตได้เต็มสปีด และโทรฟรีทุกเครือข่ายในราคาประหยัด สำหรับ 6 จังหวัดที่โฟกัสเป็นพิเศษในภาคใต้ ได้แก่ สงขลา, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา, สตูล และระนอง จัดเต็มกับสิทธิพิเศษแบบ 360 องศาจากร้านอาหาร เครื่องดื่ม และแหล่งช้อปปิ้ง ดังทั่วภาคใต้มากกว่า 300 ร้าน ที่ เอไอเอส คัดสรรมาเพื่อไลฟ์สไตล์คนปักษ์ใต้ พร้อมกิจกรรมมื้อนี้ฟิน วันนี้ฟรี ทั่วภาคใต้ ซึ่งมียอดลูกค้าใช้สิทธิ์กว่า 150,000 เลขหมายต่อปี
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง