สิริเวนเจอร์ส เตรียมดึงรถยนต์ไร้คนขับเข้าโครงการ T77 ปลายปี 62 พร้อมดึงสตาร์ทอัพโดรนแท็กซี่เข้าทดสอบการส่งของระหว่างส่วนกลางและคอนโด รวมไปถึงสตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยด้วยเสียง SoundEye ลั่นทุ่มงบครึ่งปีหลังกว่า 600 ล้านบาท ลงทุนสตาร์ทอัพด้าน PropTech เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ลูกบ้านแสนสิริอย่างแท้จริง
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาเราลงเงินกับสตาร์ทอัพเพื่อสร้างเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น และในปีนี้เราจะพยายามนำเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เข้ามาเสริมสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกบ้านแสนสิริมากขึ้น
โดยในปีนี้เราได้ริเริ่มโครงการกับ 3 สตาร์ทอัพที่น่าสนใจ ภายใต้โครงการ SiriVenturesPrivate PropTech Sandbox เพื่อพัฒนาและเตรียมเข้ามาดสอบเทคโนโลยีภายในพื้นที่ T77 อาทิ
AIROVR สตาร์ทอัพด้านรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เพื่อช่วยส่งลูกบ้านระหว่างโครงการไปสู่จุดรถสาธารณะเพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้ลูกบ้านได้มีความสะดวกมากขึ้น โดยปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทดลองวิ่งในเส้นทางที่กำหนด ซึ่งคาดว่าจะทดลองได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้หรือไตรมาสแรกของปี 63 ซึ่งเบื้องต้นจะยังมีคนขับนั่งกำกับอยู่ด้วยเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกบ้านในระยะทดสอบระบบ
Fling สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโดรนแบบแท็กซี่ โดยเบื้องต้นสิริเวนเจอร์สนใจในการนำโดรนเข้ามาช่วยส่งของระหว่างส่วนกลางไปสู่ลูกบ้านคอนโด ภายในโครงการ ฮาบิโตะ T77 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโครงการทดลองระบบได้ราวไตรมาส 4 หรือ ต้นปีหน้า
ขณะที่ SoundEye สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยด้วยเสียง ที่จะเข้ามาช่วยจับเสียงผิดปกติของอสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการ เพื่อช่วยให้ลูกบ้านมีความเป็นอยู่ที่ปลอดภัยมากขึ้น อีกทั้งยังต่อยอดไปสู่การสั่งงานด้วยเสียง เพื่อความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันเริ่มติดตั้งแล้วแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา คาดว่าไตรมาส 4 จะได้เห็นการใช้งานจริง
ทั้งนี้ครึ่งปีหลังสิริเวนเจอร์สเตรียมลงทุนกับสตาร์ทอัพกว่า 600 ล้านบาท โดนแบ่งเป็น 1.เทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง (Contech) ในสัดส่วน 20% เน้นเทคโนโลยีที่ช่วยในการก่อสร้าง ใช้เทคโนโลยีเข้ามาควบคุมและตรวจสอบคุณภาพ สามารถTracking ตรวจสอบชิ้นงานและเพิ่มประสิทธิภาพให้โรงงานได้ 2. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Sustainability) ในสัดส่วน 30% มุ่งเน้นด้านการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดและการกำจัดของเสียภายในโครงการของแสนสิริ อีกทั้งยังครอบคลุมเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
3.เทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) ในสัดส่วน 20% เน้นการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ และ Tokennization เพื่อช่วยให้บุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถเพิ่มมูลค่าและเกิดการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 4. เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยและสุขภาพ (LivingTech & HealthTech) ในสัดส่วน 30% เพื่อปรับปรุงให้ลูกบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยี
โดยแนวทางการลงทุนมองที่สตาร์ทอัพที่สามารถตอบสนองการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของลูกบ้านแสนสิริได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น และผ่ายการทดสอบในโครงการ Sandbox มาระยะหนึ่งแล้ว
โดยวันนี้สิริเวนเจอร์ส ได้สร้างพื้นที่ SiriVentures Private PropTech Sandbox ซึ่งจะเป็นพื้นที่ที่ให้สตาร์ทอัพได้เข้ามาทดลองใช้งานเทคโนโลยีของตนเองให้เกิดความสมบูรณ์จากการใช้งานจริงมากขึ้น อีกทั้งเมื่อทดสอบได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว สิริเวนเจอร์สก็จะเข้าไปลงทุนกับสตาร์ทอัพนั้นๆ หากทดสอบสำเร็จใช้งานได้จริงและมีทิศทางที่ดีในอนาคต
นอกจากนี้ เรายังเพิ่มเติมในส่วนของการลงทุนกับสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า TakeMeTour ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่จะพาทัวร์ดูโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เข้าถึงโครงการแสนสิริมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้การพัฒนาแอปพลิเคชั่นยังมีการปรับปรุงทั้งด้านการสั่งการที่สะดวกมากขึ้นโดยรวมบริการทั้งหมดเข้ามาที่แอปพลิเคชั่นเดียว ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องลงแอปพลิเคชั่นอื่นๆให้ยุ่งยากในการใช้งาน รวมไปถึงการพัฒนาร่วมกับการดูแลสุขภาพและการ Monitoring ระบบต่างๆของที่อยู่อาศัยได้แบบเรียลไทม์ ผ่านแอปพลิเคชั่น Home Service App ที่สมบูรณ์แบบราวปลายปี 2019 นี้
เราพยายามสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับลูกบ้าน อีกทั้งในส่วนของการดิสรัปส์ชั่นสถานที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยเทคโนโลยีการขนส่งแบบอัตโนมัติในอนาคต และสุดท้ายความปลอดภัยของการอยู่อาศัยที่จะมีเทคโนโลยีเกิดขึ้นในอนาคต ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง