องค์กรบริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEA จากประเทศไต้หวัน ผนึกหน่วยงาน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) องค์กรภาครัฐของไทย จัดงานสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการทั้งขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนกลุ่มผู้ประกอบการแบบสตาร์ทอัพ ในชื่องาน APEC O2O Forum: MSMEs Servitization in the Context of O2O
นายชีเฉิน เลย ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาด้านการจัดการการบริหารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจีนไทเป กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สนับสนุนโมเมนตัมของนวัตกรรมดิจิทัลในเอเปคเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงลำดับความสำคัญของเอเปคในปี 2019 ที่เตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมดิจิทัล
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการสตรีและ MSMEs ในนวัตกรรมรูปแบบธุรกิจ O2O และ O2O ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับ MSMEs ในระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งจะมุ่งเน้นในการทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ตลอดจนการให้คำปรึกษาและการจัดแสดงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด ให้กับผู้ประกอบการ SMEs จนสามารถจับแนวโน้มของเศรษฐกิจดิจิทัลได้ นอกจากนี้ประเทศไต้หวันและไทย ยังได้เสริมสร้างความร่วมมือในเชิงลึกผ่านเวทีนี้ เพื่อส่งเสริม SMEsในภูมิภาคเอเปค เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
ทั้งนี้ ประเทศไต้หวันให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการ SMEs โดยได้ริเริ่มแผนส่งเสริม APEC O2O โดยมีกรอบเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2559 และในปีนี้ ไต้หวันได้ร่วมมือกับหลายประเทศในการดำเนินการ “APEC O2O ครั้งที่ 4: เพื่อสนับสนุน SMEs รับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล” ทั้งกับประเทศไทย มาเลเซียชิลีและฟิลิปปินส์ 5 กิจกรรมตามลำดับของ O2O โดยจะจัดขึ้นในประเทศเศรษฐกิจเอเปคที่แตกต่างกันและครั้งนี้ในกรุงเทพนับเป็นครั้งที่ 3 ของการจัดในภูมิภาคเอเปค
โดยในงานนี้เป็นตัวอย่างของการช่วยผลักดันกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดย่อมและขนาดกลาง (MSMEs)ในประเทศไต้หวัน ให้สามารถเข้าถึงโมเดลทางธุรกิจในแบบที่เป็นออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ หรือ O2O เพื่อที่จะสามารถช่วยให้พวกเขาเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบอาชีพโดยนำเอาเทคโนโลยีด้านดิจิตอลเข้ามาเป็นเครื่องมือในการผลักดัน ซึ่ง SME ไทย สามารถนำแนวคิดของการผลักดันดังกล่าวมาต่อยอดในประเทศไทยได้
ขณะที่ตัวอย่างในประเทศไต้หวัน จำนวนของ SME ทั้งหมดราว 85% ของธุรกิจทั้งหมด (นิยาม SME จากรายได้ไม่เกิน 100 ล้านเหรียญไต้หวัน จำนวนบุคคลากรไม่เกิน 200 คน) การผลักดันเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ของธุรกิจออฟไลน์ หน่วยงาน SMEA เข้าไปทำแคมเปญโปรโมชั่นให้ร้าน เพื่อดึงดูดให้ร้านค้าเข้าสู่ระบบออนไลน์ พร้อมพัฒนาหน้าร้านให้กลายเป็นโชว์รูม และเชื่อมโยงการสัมผัสสินค้าของลูกค้าเข้าสู่ระบบออนไลน์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างผลกำไรที่มากขึ้น อีกทั้งยังขยายขอบเขตการจำหน่ายสินค้าได้ไกลมากขึ้นผ่านระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพบนแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค
นอกจากนี้ในส่วนของหน่วยงานไทย ยังผู้เชี่ยวชาญและผู้มีหน้าที่ในการร่างนโยบายและแผนในระดับภูมิภาค จะเขามาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มที่สำคัญของอีคอมเมิร์ซ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการ MSMEs ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลซึ่งเป็นพัฒนาการแห่งยุคนี้
อีกทั้งการสัมมนาที่เกิดขึ้นยังมีการนำเสนอผลงานของสตาร์ทอัพชั้นนำกว่า 8 บริษัท ที่จะเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์และแชร์แนวปฏิบัติบนพื้นฐานนวัตกรรมในการทำธุรกิจแบบ O2O โดยจะมีการสาธิตให้เห็นวิธีการจริงๆ รวมถึงคณะกรรมการที่จะเข้ามาคอยให้คำแนะนำในการพัฒนาธุรกิจของพวกเขาในระหว่างการนำเสนอด้วย
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
องค์กรบริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEA ประเทศไต้หวัน
