กลุ่มทรู ประกาศการเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ด้านกลยุทธ์ของไชน่า โมบายล์อีกครั้งในด้าน 5G หลังจากเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมามีการขายหุ้นให้ราว 18% มูลค่ากว่า 2.68 หมื่นล้านบาท โดยครั้งนี้นอกจากจะเป็นการฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 5 ปีของการเป็นพาร์ทเนอร์แล้ว ยังต่อเนื่องไปถึงความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ให้เกิดในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ รองประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของกลุ่มทรูที่จะก้าวเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G ในประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับการสนับสนุนจากไชน่า โมบายล์ ทั้งในเรื่องของการพัฒนาธุรกิจ 5G และการเตรียมความพร้อมด้านเครือข่าย ซึ่งปัจจุบันเราทั้ง 2 ต่างก็เร่งที่จะเปิดให้บริการ 5G ทั้งในประเทศจีนและไทย
ความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้กลุ่มทรู ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของไชน่า โมบายล์ได้เป็นอย่างดีทั้งในเรื่องของเครือข่ายและเทคโนโลยี 5G ประสบการณ์จากการเปิดทดสอบให้บริการแก่ลูกค้าบุคคลและในภาคอุตสาหกรรม วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ ตลอดจนการฝึกอบรม โครงการแลกเปลี่ยนต่างๆ สำหรับพนักงานและคู่ค้า ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะได้รับประโยชน์อื่นๆ จากการได้เรียนรู้ขีดความสามารถที่สำคัญต่างๆ ของไชน่าโมบายล์ที่ได้จากลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ
โดยนับตั้งแต่ความร่วมมือเมื่อปี 2557 ไชน่า โมบายล์ และกลุ่มทรู ได้ดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดใน 6 ด้าน ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์/บริการเสริม/คอนเทนต์ 2) ธุรกิจระหว่างประเทศ 3) เครือข่าย 4) การจัดซื้อดีไวซ์ 5) การจัดซื้อทั่วไป และ 6) ทรัพยากรบุคคล โดยจะมีคณะทำงานร่วมกันกำหนดกลยุทธ์ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เพิ่มผลประโยชน์แก่ทั้ง 2 ฝ่าย
ด้านนายหลี่ เจิ้งเม่า รองประธานกรรมการ บริษัท ไชน่าโมบายล์ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มทรู เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยที่ดีมาโดยตลอด ด้วยกลุ่มทรู เป็นผู้นำด้านบรอดแบนด์ เคเบิ้ลทีวี และยังเป็นผู้นำธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งในระบบ 3G และ 4G ในประเทศไทย ไชน่า โมบายล์ เชื่อมั่นว่าการที่ได้เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับทรู คอร์ปอเรชั่น จะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทั้งในการผสมผสานทรัพยากรที่มีคุณภาพ การทำงานร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงร่วมกันสร้างแบรนด์ของการเป็นผู้นำ 5G เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้หากมองความสามารถด้านประสบการณ์ 5G ของ ไชน่าโมบายล์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ที่สุดของจีน และมีจำนวนผู้ใช้งานสูงที่สุดของโลกกว่า 938 ล้านเลขหมาย โดยเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมามีการรายงานข่าวจากสำนักข่าว ซินหัว ระบุว่า ไชน่า โมบายล์ ได้สร้างสถานีฐาน 5G แล้วเสร็จกว่า 20,000 สถานีใน 52 เมืองหลักทั่วประเทศ และเตรียมงบประมาณอีกกว่า 1 แสนล้านบาทเพื่อขยายการสร้างสถานีฐาน 5G ให้ครอบคลุม 300 เมืองทั่วประเทศจีน
ขณะที่เทคโนโลยี 5G ที่ใช้ในการติดตั้ง ถูกแบ่งเป็น 2 เทคโนโลยีคอร์หลัก ได้แก่ 1.MME/SGSN ซึ่งมีอุปกรณ์หัวเว่ยราว 49% อีริคสัน 34% โนเกีย 12% และ ZTE 5% ขณะที่โครงข่ายแบบ 2. SAE-GW/GGSN จะเป็นอุปกรณ์จากหัวเว่ย 54% อีริคสัน 34% โนเกีย 9% และ ZTE 3%
โดยสำนักข่าวซินหัว ยังมีการเปิดเผยประสบการณ์ผู้ที่ได้ใช้งาน 5G รายแรกในกรุงปักกิ่ง ซึ่งมีสถานีฐานที่ติดตั้งแล้วเสร็จกว่า 3,500 สถานี ที่ชื่อว่า อวี๋ เสี่ยวหง ซึ่งเผยประสบการณ์การใช้งานสตรีมมิ่งวิดีโอ และการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ว่ามีความรวดเร็วขึ้นมาก
แต่กระนั้นจุดเด่นของการเป็นพัมธมิตรกลยุทธ์ที่ทั้งคู่คาดหวัง คือการดึงการมีส่วนร่วมของการทำธุรกิจอันจะนำมาซึ่งความร่วมมืออื่นๆ ที่เอื้อประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่ายในอนาคต ในวันนี้กลุ่มทรูสามารถสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจขึ้นได้จากการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับไชน่า โมบายล์ ขณะเดียวกัน ไชน่า โมบายล์ ก็ได้รับประโยชน์จากการร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ทำให้สามารถขยายกิจการของบริษัทไปยังระดับภูมิภาคและระดับโลก แต่สำหรับความร่วมมือในอนาคต ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการร่วมกันในการจัดหาแหล่งอุปกรณ์โทรคมนาคมและเครือข่ายจากทั่วโลก รวมถึงการขยายตลาดไปสู่ธุรกิจด้านดิจิทัลคอนเทนต์