รีวิว: ‘เอ็กซ์เทรลไฮบริด’ ครบมากกว่าในราคาคุ้มที่สุด

รีวิว: ‘เอ็กซ์เทรลไฮบริด’ ครบมากกว่าในราคาคุ้มที่สุด

การจะเลือกรถครอบครัวสักคัน แน่นอนว่าหลายคนอาจจะต้องคิดมากกันสักหน่อย เพราะปัจจุบันตัวเลือกในกลุ่มนี้มีหลากหลายทั้งที่เป็นเอสยูวีแท้ๆ ตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดมาจากพื้นฐานของรถกระบะ และหนึ่งในนั้นก็คือนิสสันเอ็กซ์เทรลใหม่ เอสยูวีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่น แต่กลับมียอดไปได้เรื่อยๆ ในเมืองไทย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เอสยูวีคันนี้มีดีมากกว่าที่คิด และไม่ได้ผิดไปจากที่นิสสันได้ให้นิยามไว้ว่าเป็นรถเอสยูวีอัจฉริยะเลยแม้แต่น้อย ซึ่งการทดสอบ นิสสัน เอ็กซ์เทรลรุ่น 2.0VL 4WD Hybrid ครั้งนี้ก็ให้เราเรียนรู้มากขึ้น

สำหรับคนที่เคยใช้รถยนต์ที่มีเทคโนโลยีสูงๆ มาแล้ว เอ็กซ์เทรลอาจจะไม่ได้เป็นรถที่แปลกและแตกต่างอะไรนัก แต่หากเป็นคนที่เคยใช้รถโบราณมีเทคโนโลยีน้อยแต่ขายแพงแล้ว รถคันนี้จะต้องทำให้ร้องว๊าว เพราะสิ่งที่ให้มามีมากมายหลายอย่าง และที่สำคัญคือเหมาะสมที่สุดกับการใช้งานในยุคนี้ ยุคที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ความปลอดภัยมากขึ้น เพราะวินัยการจราจรลดลงทุกวัน

เอ็กซ์เทรลไฮบริด

“หนึ่งในเทคโนโลยีที่เราได้สัมผัสกันแบบบังเอิญในการทดสอบครั้งนี้ เกิดขึ้นบนทางหลวงในช่วงที่ฝนตกค่อนข้างหนัก มีมวลน้ำจำนวนมากสาดมาบนกระจกหน้ารถจากรถคันด้านข้าง เมื่อรวมเข้ากับน้ำฝนที่กระหน่ำหนักอยู่แล้วทำให้ใบปัดน้ำฝนทำงานไม่ทัน ทัศนวิสัยด้านหน้าจึงเหลือศูนย์และกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่สัญญาณเตือนดังขึ้น และรถก็เบรคให้เองแบบอัตโนมัติ ก่อนที่รถจะไปชนเข้ากับคันด้านหน้าที่เบรคกระทันหัน ดีที่ว่าระบบเบรคอัจฉริยะฉุกเฉินมาช่วยเบรคได้ทัน ทำให้เรารอดไปจากอุบัติเหตุครั้งนี้ได้แบบพระเจ้าไม่ต้องช่วย เพราะรถช่วยไปแล้ว”

ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking ที่ว่านี้จะทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า โดยระบบจะวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็ว ด้วยกล้องด้านหน้า เมื่อเห็นว่ากระชั้นชิดแล้วจะส่งเสียงเตือน จากนั้นจะช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถ และในครั้งนี้ระบบก็สร้างความประทับใจได้มาก แต่สำหรับใครที่บอกว่าสติของคนขับสำคัญที่สุด ก็คงจะไม่เถียง แต่ในเวลาที่คับขันและสติมาไม่ทัน การมีตัวช่วยเพิ่มขึ้นมาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่า

เอ็กซ์เทรลไฮบริด

การเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนเป็นลำดับแรก เพราะเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามเทคโนโลยีเหล่านี้และมองว่าการจ่ายเพิ่มเป็นสิ่งไม่จำเป็น แต่ในความเป็นจริงระบบเหล่านี้มีดีกว่าที่คิด อย่างน้อยก็ช่วยยับยั้งอุบัติเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าการตัดสินใจของมนุษย์ ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเซ็กเมนต์เดียวกันหรือในระดับราคาเดียวกันแล้ว ต้องบอกเลยว่านิสสันเอ็กซ์เทรล “ให้มากกว่า” ในราคา 1,617,000 บาท

เอ็กซ์เทรลที่ TheReporterAsia ได้หยิบยืมมานี้เป็นรุ่น 2.0VL 4WD Hybrid มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,997 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าชนิด Synchronous Electric Motor กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด160 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ไฮบริดชนิด Li-ion แรงดันไฟฟ้า 202 โวลต์ ความจุไฟฟ้า 887 วัตต์ชั่วโมง เมื่อรวมการทำงานของเครื่อยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้กำลังสูงสุดที่ 179 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์ XTRONIC CVT 7 สปีด

Nissan Xtrail Hybrid

“พละกำลังของเครื่องยนต์ตัวนี้มีความพร้อมที่จะทำงานมาก กระฉับกระเฉงและสั่งได้ดั่งใจ ไม่ว่าผู้ขับจะต้องการเพิ่มความเร็วในระดับใด สำหรับทริปนี้เราวิ่งออกต่างจังหวัดในระยะทางค่อนข้างไกล ซึ่งแม้ตัวรถจะมีน้ำหนักมากเพราะมีแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมา รวมถึงจำนวนผู้โดยสารและสัมภาระแบบแน่นๆ แต่ด้วยความที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าคอยเสริมแรงอยู่ตลอดเวลา ทำให้การเร่งความเร็ว ตั้งแต่การออกตัว การแซง และการวิ่งในความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องทำได้เป็นอย่างดีไม่มีสะดุด”

ทางด้านการทรงตัวนั้นด้วยระบบกันสะเทือนหน้า อิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังอิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลงทำหน้าที่ได้ดีในระดับที่น่าพอใจ เพราะแม้จะบรรทุกผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก และต้องวิ่งบนถนนที่ฝนตกและค่อนข้างลื่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเป็นกังวล ให้ความไว้ใจได้ในทุกย่านความเร็วแม้จะอยู่ในระดับที่เกิน 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม ส่วนเบรคก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่อาจจะแปลกๆ ไปบ้างเพราะมีไฮบริดเข้ามามีส่วน ก็คงต้องใช้ความเคยชินกันสักหน่อย

Nissan Xtrail Hybrid

ด้านการบังคับควบคุมนั้น ด้วยระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียนพร้อมระบบพาวเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) พร้อม Speed Sensor ที่จะเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเมื่อความเร็วสูงขึ้น ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และเมื่อรวมเข้ากับระบบป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น Active Brak Limited Slip ระบบช่วยลดการโยนตัวบนทางขรุขระ Active Ride Control ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง Active Engine Brake ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ยิ่งสร้างความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก

สำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของเอ็กซ์เทรลคันนี้ สามารถเลือกโหมดการขับเคลื่อนได้ถึง 3 รูปแบบบนสวิตช์แบบโรเตอร์ (4WD WITH ROTOR SWITCH) ซึ่งประกอบด้วย 1.ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อสำหรับการใช้ชีวิตในเมือง ช่วยประหยัดน้ำมัน 2.ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ ระบบจะควบคุมกำลังของล้อหน้าและล้อหลังให้สัมพันธ์กัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนที่ดีที่สุด และเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่มากยิ่งขึ้น และ 3.ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับการขับขี่บนเส้นทางที่ขรุขระหรือนอกเมือง ช่วยยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น สำหรับทริปนี้เลือกแบบอัตโนมัติเพราะขี้เกียจบิดไปบิดมา

Nissan Xtrail Hybrid

ทางด้านอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้วัดแบบจริงจัง แต่เท่าที่ประเมินจากประสบการณ์การขับรถในเส้นทางทริปนี้แล้ว เอ็กซ์เทรลไฮบริดคันนี้จะกินในระดับรถยนต์เครื่อง 2,000 ซีซี ไม่ได้กินน้อยกว่าเพราะมีไฮบริดเข้ามาช่วย (วัดเฉพาะการขับไปต่างจังหวัด) แต่สิ่งที่เด่นจริงๆ ของรถคันนี้คือพละกำลังที่จัดจ้านกว่าเครื่องยนต์ 2,500-3,000 ซีซีที่ไม่มีไฮบริด แต่กินน้ำมันน้อยกว่ามาก ใครชอบขับรถเร็ว แซงเก่ง ชอบใช้กำลัง แต่ไม่ชอบเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่ซดน้ำมันมาก คันนี้ตอบโจทย์

หันมามองทางด้านความสะดวกสบาย ด้วยความที่เป็นรถสูงทำให้มีทัศนวิสัยที่ดี แถมมีระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาเพิ่มมา ทำให้เราสามารถมองเห็นมุมอับสายตาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นความได้เปรียบของแบรนด์นี้เลยทีเดียว สำหรับเบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง และระบบปรับดันหลังด้วยระบบไฟฟ้า Lumbar Support โอบกระชับพอใช้ได้และสบายพอตัว เพราะสามารถปรับเพิ่มได้ตามต้องการ ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทางถึงจะน้อยแต่ก็ดีกว่าโยกด้วยมือ นอกจากนี้เบาะนั่งแถวที่ 2 ให้ความสบายได้มาก กว้างขวาง ปรับเอนได้แถมยังแยกพับอิสระ 60 : 40 ได้อีก

 

Nissan Xtrail Hybrid

ด้านระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone ส่วนหน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว มาพร้อมเครื่องเสียง AM/FM CD MP3 ช่องเชื่อมต่อ AUX-in ช่องเชื่อมต่อ USB และระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังมีระบบนำทาง Navigation System พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง บวกความสบายด้วยระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบ Auto Brake Hold รถจะติดแค่ไหน จะขยับมากน้อยเพียงใดไม่ต้องกังวล

สำหรับใครที่เน้นการเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา นิสสันก็มีแอปพลิเคชัน NISSAN CONNECT เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จากนิสสันที่สามารถเชื่อมต่อรถเข้ากับสมาร์ทโฟน ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto สามารถเล่นแอปพลิเคชันในมือถือ ผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์ เพื่อความคมชัด พร้อมระบบนำทาง (Navigation System) และ Voice Recognition ระบบค้นหาสถานที่ที่สั่งงานด้วยเสียงไม่ต้องควานหาปุ่มตอนขับรถให้เสียสมาธิ

Nissan Xtrail Hybrid

Nissan Xtrail Hybrid

และที่พีคสุดแบบที่คู่แข่งไม่มีให้เลยคือ PANORAMIC SUNROOF ทำให้เราสามารถเห็นท้องฟ้าหรือเปิดโลกทัศน์ด้านบนหลังคาได้ดีกว่าซันรูฟแบบเล็กๆ ซึ่งใครที่กลัวร้อนก็ต้องบอกเลยว่ากระจกหลังคานอกจากจะกันความร้อนแล้วยังมีแผ่นผ้าที่ช่วยป้องกันอีก ดังนั้นตัดปัญหาไปได้เลย เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวแบบอยากเปิดรับลมทะเล หรือจะไปพักผ่อนบนดอยสูงก็เปิดรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกระหว่างทางได้ดีไม่แพ้กัน

Nissan Xtrail Hybrid

นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ให้มาคือ NISSAN MOTION ACTIVATED LIFTGATE INNOVATION THAT GIVES YOU A HAND เปิด-ปิดประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบแฮนด์ฟรี ไม่ต้องสัมผัสตัวรถ แค่ยืนห่างออกไปประมาณ 3 ฟุตแล้วเหวี่ยงเท้ากึ่งกลางของกันชนหลัง ประตูจะเปิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที หมดกังวลเมื่อมือไม่ว่าง หรือจะเปิดประตูท้ายจากภายในตัวรถ จากกุญแจอัจฉริยะหรือจากการกดปุ่มประตูท้ายรถก็เลือกได้เลยตามใจ แต่การเตะเปิดของนิสสันนั้นต้องทำลักษณะเตะเท้าขึ้นไปที่กันชนหลัง ไม่ใช่แกว่งไปมาเหมือนบางแบรนด์ ซึ่งใครที่ซื้อรถแล้วมีฟังก์ชันนี้ต้องเรียนรู้ให้ดีเพราะการใช้งานไม่เหมือนกัน

Related Posts