
NTT Ltd. เป็นการรวม 28 บริษัทในเครือ NTT เป็นบริษัทใหม่ เพื่อรวมความสามารถของทุกบริษัทมารวมกัน ดึงข้อดี ความสามารถ บริการด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นในการใช้งานของไอซีที อย่างซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์แมเนจเมนต์ รวมถึงการทำงานร่วมกันเวนเดอร์ใหญ่ๆ ทั่วโลก มาตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าที่ต้องการความเร็วในทรานฟอร์มไปสู่ดิจิทัล และต้องการลงทุนเพิ่มความคล่องตัว ปัจจุบัน NTT Ltd. มีพนักงาน 40,000 คนทั่วโลก ส่วนเอเชียแปซิฟิกปัจจุบันมีพนักงาน 5,400 คน ในเมืองไทยมีพนักงาน 1,000 คน
สำหรับเมืองไทยอยู่ในระหว่างขั้นตอนการรวมตัวกันของ ไดเมนชั่น ดาต้า เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์, เอ็นทีที ซีเคียวริตี้ และเทรนนิ่ง พาร์ทเนอร์ส เพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวและจะทรานฟอร์มตัวเองก่อนที่จะไปทรานฟอร์มให้กับลูกค้า ขณะนี้ดำเนินการควบรวมไปแล้วประมาณ 30% คาดว่าจะเสร็จภายใน 1 ปี
“การรวมตัวกันในครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนทั้งตัวเราทีเกี่ยวข้องกับทางด้านออฟฟิศ การทำสัญญาระหว่างบริษัท นำระบบไอทีมาใช้ระบบเดียวกัน ระบบที่ซ้ำซ้อนก็มาใช่ร่วมกัน ใช้วัฒนธรรมองค์กรร่วมกัน และลูกค้าสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถขยายธุรกิจในมุมใหม่ ส่วนเมืองไทยการรวมตัวครั้งนี้จะรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพนักงานใหม่ๆ เรามีการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย รีเทรน รีสกิล พนักงานของเราให้ขยับตามโลก รวมถึงการลงทุนระบบใหม่ที่จะสามารถตอบสนองกับตลาดในอนาคต ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยความสามารถของเราและความเข้าใจลูกค้า เราจะสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นอันดับ 1”
นายสุทัศน์ คงดำรงเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว NTT Ltd. กล่าวว่า การรวมเป็นบริษัทหนึ่งเดียวจะทำให้เรามีความเข้มแข็งขึ้น ตั้งเป้าที่จะขึ้นสู่ผู้นำตลาดการให้บริการไอซีทีในเมืองไทยภายใน 5 ปีนับจากนี้ โดยได้วางแผนการดำเนินงาน ด้วยการเจาะกลยุทธ์รุกตลาดด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะระดับสากล เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กรธุรกิจ ภาครัฐ และเอกชน พร้อมรุกตลาดเมืองไทย กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว ด้วยโซลูชันไอซีทีครบวงจร เริ่มต้นด้วยบริการคลาวด์ใหม่ที่พร้อมเปิดตัวปลายเดือนพฤศจิกายน เจาะลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่
“การเปิดตัวแบรนด์ NTT Ltd. ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ มีเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมและบริการ เพื่อสนับสนุนองค์กรในทุกๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ กลุ่มสื่อสารมวลชน กลุ่มโทรคมนาคม ภาครัฐ และภาคการศึกษา โดยการรวมกันนี้นอกจากจะทำให้เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการตอบโจทย์ด้านไอซีทีอย่างครบวงจรแล้ว ยังสามารถตอบโจทย์ได้ทุกอุตสาหกรรมได้มากยิ่งขึ้น”
NTT Ltd.ได้เตรียมรูปแบบการผสมผสานนวัตกรรมและโซลูชัน (Co – Innovation) เพื่อให้บริการด้านไอซีที ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. Intelligent Business (ธุรกิจอัจฉริยะ) โซลูชันสำหรับธุรกิจดิจิทัล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและปลดล็อกศักยภาพทางด้านข้อมูล รวมถึงการวิเคราะห์ และแอปพลิเคชันบนมัลติคลาวด์ 2. Intelligent Workplace (สำนักงานอัจฉริยะ) สร้างสภาพแวดล้อมอันทันสมัยสำหรับองค์กร ผสานเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันที่เหมาะสม เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูกค้าในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือผ่านอุปกรณ์การสื่อสารใดภายใต้ความปลอดภัยมาตรฐานสากล
3.Intelligent Infrastructure (ระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ) รองรับการบริการบนเครือข่าย ศูนย์ข้อมูล และโซลูชันสำหรับโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้นด้วยกระบวนการอัตโนมัติและบริการ Managed Service ที่สร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับลูกค้าที่อยู่บนสภาพแวดล้อมของไฮบริดคลาวด์ และ 4.Intelligent Cybersecurity (ระบบความปลอดภัยไซเบอร์อัจฉริยะ) ออกแบบความปลอดภัยสำหรับธุรกิจ โดยสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือกว่าสามารถทำการวิเคราะห์ คาดการณ์ ตรวจจับ และแจ้งเตือนภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงตอบสนองต่อการโจมตีโดยอัตโนมัติอย่างชาญฉลาด เพื่อสนับสนุนการใช้นวัตกรรมในธุรกิจและบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุทัศน์ กล่าวว่า NTT Ltd. มีประสบการณ์ในการทำตลาดทั้งในประเทศไทย กัมพูชา เมียนมาร์ และลาว มาอย่างยาวนาน ด้วยการจับมือกับพันธมิตรด้านไอซีทีที่แข็งแกร่ง พร้อมนำเสนอการให้บริการเชิงลึกและให้คำปรึกษา ด้วยรูปแบบบริการ Managed Service เพื่อสนับสนุนการทำงานในทุกโซลูชันและสร้างสรรค์เทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย และเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับทุกองค์กร รวมถึงความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกมิติ ด้วยนวัตกรรมและบริการที่ดีกว่า