เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) หรือ “FPT” จัดพิธียกเสาเอกนำคณะผู้บริหารร่วมกันปลูกต้นซิลเวอร์โอ๊ค ตอกย้ำเจตนารมย์ในการมีส่วนร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมปักธงเดินหน้าพัฒนาศูนย์กระจายสินค้า Omnichannel แห่งใหม่ ของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (“เซ็นทรัล รีเทล” หรือ “Central Retail”) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกไทย ให้เป็นนวัตกรรมศูนย์กระจายสินค้าแห่งอนาคต ที่ไม่เพียงตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล แต่ยังมุ่งสู่การเป็นอาคารสีเขียว และอาคารเพื่อความยั่งยืน ชูการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานในระยะยาว
ตลอดจนนำพลังงานทดแทนมาใช้ผ่านการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป อีกทั้งยังเพิ่มพื้นที่มอบประสบการณ์และคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ปฏิบัติงานภายในอาคาร โดยโครงการนี้จะเป็นศูนย์จัดเก็บ และกระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเครือเซ็นทรัล รีเทล มีพื้นที่รวมกว่า 75,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์โครงการเฟรเซอร์สพร็อพเพอร์ตี้โลจิสติกส์เซ็นเตอร์ บางพลี
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ของเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งเป็นโครงการระดับแฟล็กชิพต้นแบบคลังสินค้ายุคใหม่ ที่ยกระดับภาคอุตสาหกรรมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของ FPT ที่ต้องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และประเทศไทยสู่ความยั่งยืนในระยะยาว
โดย FPT มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย จึงมุ่งมั่นพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เป็นอาคารอนุรักษ์พลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้อาคารและชุมชมโดยรอบมาโดยตลอด ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอาคารมาตรฐานระดับสากล และหลักในการพัฒนาอาคารที่ยึดความต้องการ
ของลูกค้าและคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric and Human Centric) ตลอดจนประสบการณ์ด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าสีเขียวมาใช้พัฒนาโครงการนี้ เพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของเซ็นทรัล รีเทล ได้อย่างครบถ้วน”
ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ถูกออกแบบให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม FPT ใส่ใจทุกขั้นตอนการก่อสร้าง ตั้งแต่การคัดสรรวัสดุ กระบวนการก่อสร้าง การวางระบบดำเนินงานภายในอาคาร ตลอดจนการออกแบบสภาพแวดล้อมภายในโครงการ ให้ได้ตามมาตรฐานระดับสากลสอดรับกับเกณฑ์การรับรองมาตรฐานอาคารเขียวหรือ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design by U.S. Green Building Council) พร้อมเดินหน้าพัฒนาการนำพลังงานทดแทนมาใช้ภายในโครงการโดยได้วางแผนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโครงการ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และนำพลังงานทดแทนมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ภายในอาคารยังได้ออกแบบพื้นที่ให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการของเซ็นทรัล รีเทล ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโซนจัดเก็บสินค้าให้มีความสูงมากกว่า 25 เมตร พื้นของอาคารที่มีความแข็งแรงสามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 10 ตัน/ตารางเมตร เพื่อรองรับการติดตั้งระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage and Retrieval Systems: ASRS) รวมถึงนวัตกรรมต่าง ๆ ในอนาคต พร้อมกันนี้ยังได้ออกแบบพื้นที่โดยคำนึงถึงการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้อาคาร โดยคาดว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่อาคารแห่งนี้ให้กับเซ็นทรัล รีเทลได้ภายในในไตรมาส 3 ของปี 2563