แกร็บเปิดตัวแกร็บเพย์วอลเล็ต พาวเวอร์ บาย เคแบงก์ อย่างเป็นทางการในเมืองไทย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของร้านค้าและธุรกิจจำนวนมาก พร้อมทั้งบริการเสริมต่างๆ ผ่าน แกร็บเพย์ วอลเล็ต ซึ่งแกร็บมั่นใจว่าการเปิดตัวในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มยอดการใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลในประเทศไทยได้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน 93% ของการใช้จ่ายภายในประเทศยังเป็นเงินสด ส่วนอัตราเฉลี่ยการถือครองบัตรเครดิตต่อคนก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ดังนั้นเพื่อสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดจึงถือเป็นการสร้างความเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลโดยให้ร้านค้าพึ่งพาเงินสดน้อยลง
ขณะนี้ผู้ใช้แกร็บในเมืองไทยสามารถเปิดใช้งานและเติมเงินเข้ากระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ผ่านแอปพลิเคชัน K Plus ของธนาคารกสิกรไทย โดยเมื่อสร้างบัญชีแล้ว ผู้ใช้สามารถใช้ยอดเงินใน แกร็บเพย์ วอลเล็ต เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการภายในอีโคซิสเต็มของแกร็บหรือบริการต่างๆ จากร้านค้าพาร์ทเนอร์ได้ทันที นอกจากนี้ แกร็บมีแผนที่จะขยายการเปิดให้บริการกับผู้ใช้ที่ใช้ธนาคารอื่นภายในต้นปีหน้า
บริการของ แกร็บเพย์ วอลเล็ตประกอบด้วย ชำระเงินกับร้านค้า (In-store Payment) ผู้ใช้แอปสามารถนำ แกร็บเพย์ วอลเล็ต ไปชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าต่างๆ เช่น Major Cineplex, After You, KOI Thé, Boots, Lawson Station 108, Fuji, Miniso, Sukishi, Kyo Roll En, Seoul Grill และ Sukiya โดยสแกน QR code ทั้งนี้ บริการของแกร็บไม่ได้จำกัดอยู่แต่การเรียกรถหรือการสั่งอาหารเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงบริการจากพาร์ทเนอร์ร้านค้าหลายประเภทธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบันเทิง ไลฟ์สไตล์ และอื่นๆ อีกมากมาย
เติมเงินโทรศัพท์มือถือ (Mobile Topup) ผู้ใช้งานสามารถใช้บริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือผ่านทางแอปของแกร็บ ทำให้การเชื่อมต่อในยุคดิจิทัลเป็นไปได้อย่างสะดวก โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรโทรคมนาคมต่างๆ
ดีลบุ๊ก (Dealbook) รวมสินค้า ส่วนลดและสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์ร้านค้าของแกร็บในหลากหลายประเภทธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร บันเทิง และท่องเที่ยว เช่น ผู้ใช้งานสามารถซื้อเซ็ตตั๋วชมภาพยนตร์พร้อมป๊อปคอร์นราคาพิเศษจาก Major Cineplex และชานมไข่มุกจาก KOI Thé ได้ในราคาพิเศษ
แพ็กเกจส่วนลด (Subscription) ผู้ที่ใช้งานแกร็บเป็นประจำสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 50% เมื่อลงทะเบียนเข้าใช้งานกลุ่มบริการต่างๆ ของแกร็บที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่างกันไป แพ็กเกจยอดนิยม ได้แก่ GrabPackage All-access Pass, GrabPackage Ride Pass, GrabPackage Food Pass and GrabPackage GrabExpress Pass
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า 6 ปีที่ผ่านมา แกร็บเติบโตจากการเป็นแอปพลิเคชันสำหรับเรียกรถ สู่แพลตฟอร์มอันดับหนึ่งที่ให้บริการหลากหลาย ครอบคลุม 20 เมืองใน 18 จังหวัด ล่าสุดเรามียอดเรียกใช้บริการรวมแล้วกว่า 120 ล้านครั้ง ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา การที่ชีวิตประจำวันของคนนับล้านๆ รายนิยมใช้แอปพลิเคชันแกร็บเป็นเพราะในดีเอ็นเอของแกร็บนั้น ความต้องการของผู้บริโภคมาก่อนเสมอ เราเข้าใจดีว่าความยุ่งยากในชีวิตประจำวันอย่างหนึ่งที่ผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงคนในประเทศไทย ต้องเผชิญเหมือนๆ กัน ก็คือ การชำระเงิน
ในเฟสแรกนี้ แกร็บได้เชื่อมต่อแทรฟฟิคระหว่างออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันในแกร็บเพย์ วอลเล็ต เพื่อให้ผู้ใช้แกร็บมีส่วนร่วมในอีโคซิสเต็มนี้ได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น ด้วยช่องทางการชำระเงินที่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมไร้เงินสดอีกด้วย ไม่เพียงแต่ผู้ใช้แกร็บเท่านั้นที่ได้รับความสะดวกสบายและสิทธิประโยชน์มากมาย แต่พาร์ทเนอร์ร้านค้ายังมีโอกาสเพิ่มยอดขาย ขยายฐานลูกค้า และเสริมประสิทธิภาพทางธุรกิจ และเข้าถึงความต้องการบริการทางการเงินแบบครบวงจรที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บเพย์ ประจำประเทศไทย แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวว่า กลุ่มผู้ใช้งาน แกร็บเพย์ ขยายตัวขึ้นถึง 3 เท่า นับตั้งแต่มีการทดลองบริการ แกร็บเพย์ วอลเล็ตไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ แกร็บเพย์ วอลเล็ต กลายเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในขณะนี้ปริมาณธุรกรรมบนแกร็บเกินกว่า 40% เป็นการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ผมจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว แกร็บเพย์ วอลเล็ต ซึ่งเปรียบเสมือนสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้แกร็บ
ทั้งนี้นอกเหนือจากวิธีชำระเงินแบบเดิมภายในแอปแล้ว ล่าสุดผู้ใช้งานยังสามารถใช้ แกร็บเพย์ วอลเล็ต ชำระเงินตามร้านค้าชั้นนำต่างๆ ที่อยู่นอกแพลตฟอร์มของแกร็บได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังนำเสนอ แกร็บแพ็กเกจ (subscription plan) และส่วนลดในดีลบุ๊กเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์และมีส่วนร่วมในอีโคซิสเต็มผ่านทั้งแอปของแกร็บและร้านค้าออฟไลน์ได้อย่างเต็มที่ เราหวังว่าการเชื่อมธุรกรรมระหว่างโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันจะช่วยให้พาร์ทเนอร์ร้านค้าสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ในการสร้างธุรกิจและรายได้บนอีโคซิสเต็มของเราได้มากขึ้น เพื่อต่อยอดประโยชน์ที่จะได้รับจากเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างมากในขณะนี้
“ในอนาคต แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป วางแผนที่จะใช้บิ๊กดาต้าเพื่อนำเสนอการบริการทางการเงินที่ครบวงจรยิ่งขึ้นกว่าเดิม เช่น GrabInsure หรือการประกันรายย่อยสำหรับคนขับแกร็บ และ GrabFinance บริการกู้ยืมเงินภายในแอปแก่พาร์ทเนอร์ผู้ประกอบการขนาดเล็กบนแพลตฟอร์มของเรา”