Aruba CX ตัวช่วยบริหารจัดการเครือข่ายสาขา

Aruba CX ตัวช่วยบริหารจัดการเครือข่ายสาขา
Aruba CX
นายประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย อรูบ้า ภายใต้ บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์

อรูบ้าเปิดตัวสวิตช์รุ่นใหม่ Aruba CX มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแบบ Cloud-Native สามารถทำการผสานระบบเพื่อทำงานโดยอัตโนมัติและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างครบวงจร ช่วยผู้ให้บริการจัดการระบบเครือข่ายให้ง่ายดายยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะทางของระบบเครือข่ายในองค์กรธุรกิจ สาขา และดาต้าเซ็นเตอร์สมัยใหม่

ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์สวิตช์แบบตายตัว Aruba CX 6300 Series และผลิตภัณฑ์สวิตช์แบบโมดูลาร์ Aruba CX 6400 เข้ามาเป็น Aggregation Switch และ Core Switch อีกทั้งยังมีการเพิ่มนวัตกรรมล่าสุดเข้าไปยังระบบปฏิบัติการ AOS-CX ด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ให้บริการระบบเครือข่ายมีระบบสวิตช์ครบวงจรเพียงระบบเดียวที่บริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย สามารถเร่งสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจได้อย่างมากมายยิ่งขึ้นสำหรับทั้งปัจจุบันและอนาคต

นายประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย อรูบ้า ภายใต้ บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า อรูบ้านำเสนอแพลตฟอร์มสวิตชิงที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยอย่าง AOS-CX สำหรับระบบเครือข่ายส่วนเชื่อมต่อไปจนถึงศูนย์กลางและดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นแพลตฟอร์มแบบ Cloud Native ที่ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการใช้เทคโนโลยี Network Analytics Engine (NAE) สามารถทำงานแบบอัตโนมัติและระบบวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งมีอยู่ภายในมาช่วยให้การบริหารจัดการง่ายดายยิ่งขึ้น และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งปัญหาด้านประสิทธิภาพของระบบแอปพลิเคชันและปัญหาทั่วไปที่เกิดขึ้นภายในระบบเครือข่าย

“Aruba CX จะทำงานแบบอัตโนมัติด้วยขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ตั้งแต่ปลายทางของเครือข่ายไปจนถึงคลาวด์ โดย AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล นำเสนอองค์ความรู้ที่พร้อมนำไปใช้งานและการทำงานโดยอัตโนมัติสำหรับระบบเครือข่ายขนาดใหญ่เพื่อเสริมความสามารถของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายให้สามารถตรวจสอบแก้ไขปัญหา บรรเทาปัญหาและป้องกันปัญหาซึ่งเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดส่วนหนึ่งของงานทางด้าน IT โดยวิสัยทัศน์ของเราต่ออนาคตนั้นก็คือสถาปัตยกรรมแบบ Cloud-Native ที่จะสามารถทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ได้ ซึ่งการเปิดตัวในวันนี้ก็คือก้าวสำคัญ”

ทั้งนี้อรูบ้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถจัดการกับกระบวนการทำงานที่หลากหลาย รวมไปถึงด้านการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในระบบเครือข่าย สร้างการเชื่อมต่อระหว่างบริการต่าง ๆ อย่างไร้รอยต่อในยุคสมัยแห่ง Edge-Cloud ด้วยการออกแบบด้วยแนวคิด Cloud-Native ซึ่งความสามารถของ Aruba AOS-CX ได้รวมเอาการทำงานโดยอัตโนมัติและความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงเอาไว้เพื่อให้นำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที เพิ่มความมั่นคงทนทานและความยืดหยุ่น และทำให้องค์กรธุรกิจสามารถเลือกใช้งานการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดต่อความต้องการเฉพาะทางได้

นายประคุณ กล่าวว่า การเปิดตัว Aruba CX สอดคล้องกับยุคดิจิทัลดิสรัปชันขององค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ซึ่งต้องการยกระดับความสำคัญให้กับระบบเครือข่ายที่รองรับต่อการใช้งานในอนาคตได้ เพราะทุกวันนี้การแข่งขันในปัจจุบันไม่ใช่แค่การมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและมีแบนด์วิดธ์ที่มากขึ้นเท่านั้น แต่องค์กรธุรกิจสมัยใหม่นั้นต้องการสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัยซึ่งสามารถตรวจสอบความถูกต้องในการทำงานและปรับแต่งการทำงานได้ด้วยตนเอง ทำงานอย่างอัตโนมัติครบวงจร สามารถช่วยสนับสนุนระบบแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญสูงได้อย่างชาญฉลาด ปกป้องเครือข่ายจากการโจมตีรูปแบบใหม่ ๆ และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

“เมื่อความเร็วในการอัปเดตระบบนั้นสูงขึ้น การให้ผู้ดูแลระบบวางแผนในการเปลี่ยนแปลงระบบเครือข่ายในหลายๆ ส่วนทุกๆ ครั้งที่แอปพลิเคชันมีการเปลี่ยนแปลงนั้นทำได้ยาก และมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดปริมาณมหาศาลได้มากอีกด้วย อาจขัดขวางความสามารถขององค์กรธุรกิจในการเปลี่ยนแปลง การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการก้าวสู่ตลาดใหม่เพื่อการแข่งขันได้เป็นอย่างมาก

ดังนั้นระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ Cloud-Native จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสมัยใหม่นั้นต้องการระบบเครือข่ายตั้งแต่ปลายทางไปจนถึงคลาวด์ซึ่งทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น ลดภาระของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายลง และทำให้สามารถมุ่งเน้นไปยังงานที่มีความสำคัญสูงต่อธุรกิจได้มากขึ้น”

ทั้งนี้ด้วยการต่อยอดจากนวัตกรรมล้ำหน้าและความสำเร็จของ Core Switch รุ่น CX 8400 Series ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ AOS-CX ที่ผ่านมา ทำให้อรูบ้ามีลูกค้าหลักรายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยอรูบ้าช่วยให้การดูแลรักษาระบบเครือข่ายง่ายดายยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งแพลตฟอร์มใหม่ในผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX ได้รวมเอาปัจจัยสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายสมัยใหม่เอาไว้ด้วยกัน ซึ่งรวมถึงสวิตช์ตระกูล Aruba CX 6300 และ Aruba CX 6400 ที่ใช้สถาปัตยกรรม ASIC รุ่นที่ 7 ของอรูบ้า

Aruba CX 6300 Series คือตระกูลของสวิตช์แบบ Stackable ที่มีสามารถเพิ่มขยายได้อย่างยืดหยุ่นผ่านทาง Virtual Switching Framework (VSF) ที่รองรับสมาชิกมากถึงสิบอุปกรณ์ และมีการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับ 10/25/50 Gigabit ให้พร้อมใช้งานเพื่อให้รองรับต่อความต้องการด้านแบนด์วิดธ์ในปัจจุบันและอนาคตได้ ในขณะที่ Aruba CX 6400 Series ซึ่งเป็นสวิตช์แบบ Modular นี้จะมีรุ่น Chassis แบบ 5 ช่องและ 10 ช่องซึ่งทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และสามารถเพิ่มขยายระบบจาก Gigabit POE ที่ชั้นของการเชื่อมต่อไปเป็น 100G ที่ชั้นของ Core ได้ ทำให้ลูกค้าสามารถทำงานอย่างมีมาตรฐานบนแพลตฟอร์มเดียวกันทั้งองค์กร ซึ่งรวมถึงการทำงานผสานรวมแบบไฮบริดได้ด้วย

AOS-CX 10.4: AOS-CX รุ่นใหม่ที่มีความสามารถเพิ่มเติมด้านการเชื่อมต่อมากมายในระบบปฏิบัติการ และสร้างความแตกต่างให้กับ CX ได้มากยิ่งขึ้นในขั้นของการเชื่อมต่อเครือข่าย ความสามารถเหล่านี้ได้แก่ Aruba Dynamic Segmentation ที่สามารถควบคุมนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ระบบเครือข่ายแบบมีสายและไร้สายร่วมกันได้ เพื่อบังคับใช้แก่ผู้ใช้ทุกคนและทุกอุปกรณ์ IoT การใช้งาน Ethernet VPN (EVPN) over VxLAN สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างง่ายดายและมั่นคงปลอดภัยจากเครือข่ายขององค์กรธุรกิจไปยังดาต้าเซ็นเตอร์ และ Virtual Switching Extension (VSX) ที่สามารถอัปเกรดได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของระบบในระหว่างที่มีการบำรุงรักษาแต่อย่างใด

Aruba NetEdit 2.0 ทำงานร่วมกับ Network Analytics Engine (NAE) การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของซอฟต์แวร์ Aruba NetEdit ในครั้งนี้ก็คือความสามารถในการทำงานร่วมกับ Aruba NAE ซึ่งความสามารถนี้จะทำให้การแสดงผลการทำงานของระบบเครือข่ายจากศูนย์กลางเกิดขึ้นได้จากการใช้ข้อมูลจากระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบกระจายตัวของ NAE ที่มีอยู่บนสวิตช์ทุกชุดภายในระบบเครือข่าย เพื่อลดเวลาที่ต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาจากที่เคยต้องใช้เวลาหลายวันให้เหลือเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ความสามารถในการทำงานได้แบบอัตโนมัติที่เพิ่มเข้ามานี้จะทำให้งานพื้นฐานมีความง่ายดายยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนการตั้งค่า หรือการเริ่มต้นติดตั้งใช้งานอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งล้วนสามารถทำงานได้ผ่าน CX Mobile App ทั้งสิ้น

“ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX ตอบสนองความต้องการในระบบเครือข่ายขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมีจำนวนผู้ใช้งานที่มากขึ้น มีอุปกรณ์และสิ่งต่าง ๆ ต่อเชื่อมเข้ามามากขึ้น ซึ่งต้องการความเร็วที่สูงขึ้นและความล่าช้าที่น้อยลง องค์กรขนาดใหญ่กำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ทรงพลังซึ่งสามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดายเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างทันท่วงที

ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล Aruba CX นี้จะทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานแพลทฟอร์มเดียวสำหรับระบบสวิตช์ทั้งหมดตั้งแต่ดาต้าเซ็นเตอร์มาจนถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายได้ ทำให้องค์กรมีระบบปฏิบัติการแบบ Cloud-Native ที่เหมือนกันทั้งองค์กร ทำให้องค์กรสามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย มีประสบการณ์ในการให้บริการเครือข่ายที่เหมือนกัน และมีการรรับประกันคุณภาพในระดับที่สูงขึ้นได้”

ผลิตภัณฑ์สวิตช์ตระกูล CX อันได้แก่สวิตช์รุ่น Aruba CX 6300 และ CX 6400, AOS-CX รุ่นใหม่ และ Aruba NetEdit 2.0 จะวางจำหน่ายภายในเดือนพฤศจิกายน 2019 โดยราคาของ Aruba CX 6300 และ CX 6400 จะเริ่มต้นที่ $5,899 USD และ $13,499 USD ตามลำดับ

Related Posts